บทที่ 1477 การพบกันครั้งแรก
หลีหยวนตอบรับก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
กู้เสี่ยวอี้หยิบผ้าราคาแพงหลายชิ้นในร้านขึ้นมาดูระหว่างรอด้ายสีทองมาถึงเพื่อจะได้คิดเงินทีเดียว เมื่อลูกจ้างเห็นว่าแม่นางคนนี้มีน้ำใจกว้างขวางก็รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่เถ้าแก่รั้งลูกค้าคนนี้ไว้ได้
ไม่เช่นนั้นหากแม่นางเดินออกจากร้านไปในเมื่อครู่ ร้านค้าจะสูญเสียกำไรไปมาก
“แม่นาง ท่านรู้จักสินค้าเหล่านี้ด้วยหรือ แม้ว่าร้านของเราจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ที่นี่ก็มีสินค้าครบครัน ดูผ้าผืนที่ท่านเพิ่งเลือกมาสิ ผ้าพวกนี้ล้วนเป็นของดีจากเมืองอื่น แต่มันมีจำนวนไม่มาก เมื่อถึงเวลานำไปตัดเป็นชุด จะต้องมีท่านเจ้าเมืองคนเดียวในเมืองหลวงที่สวมใส่มัน”
เมื่อกู้เสี่ยวอี้เห็นว่าลูกจ้างคนนี้พูดจาดี ดังนั้นนางจึงยกยิ้มให้อีกฝ่าย และเดินไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ว่าเถ้าแก่จะกลับมาเมื่อไร นางทิ้งโค่วไห่ไว้ที่นี่เพื่อรออีกฝ่าย และนางก็พากู้ฟางสี่กับโค่วตันออกไปเดินเล่นกับนาง
ห่างจากถนนกว่างหลงเป็นช่วงระยะทางหนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่แน่นหนาและมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเดินออกจากประตูร้านขายผ้าได้ก็เห็นภาพมีชีวิตชีวา กู้เสี่ยวอี้เองก็รู้สึกสนุสนาน ดังนั้นนางจึงขอร้องให้กู้ฟางสี่พานางไปเดินเล่น
กู้ฟางสี่ไม่อยากให้กู้เสี่ยวอี้เดินเตร่ไปทั่ว แต่เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้อยากไปจึงคิดว่าจะพาโค่วตันไปด้วย ทั้งสองคนจะได้ปกป้องกู้เสี่ยวอี้ได้
ทั้งสามคนกำลังเดินเล่นอยู่บนถนน กู้เสี่ยวอี้มองดูสินค้าบนแผงขายของที่แปลกตาและสวยงามเหล่านั้นด้วยความสนใจ นางมองซ้ายแลขวา และหยุดเป็นครั้งเป็นคราวเมื่อเห็นสิ่งที่น่าสนใจ หรือหยิบขึ้นมาสัมผัสด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเจอบางสิ่งที่ชอบ นางก็จะจ่ายเงินซื้อสิ่งนั้นกลับมา
หลังจากนั้นไม่นาน โค่วตันก็หยิบบางอย่างติดมือมาด้วย
หลังจากเดินจนสุดถนนและซื้อของติดไม้ติดมือกลับมา ทั้งสามคนก็เดินกลับไปที่ร้านขายผ้า พูดคุยหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากบนถนนที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจ “หลบไป หลบไป ม้าพยศ ม้าพยศ!”
เสียงกีบม้าดังกึกก้องปะปนกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของฝูงชน
ความโกลาหลมาจากด้านหลังของกู้เสี่ยวอี้ เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งกำลังวิ่งตรงมาทางตนเอง ท่าทางของมันดูตื่นตระหนกและวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา
เมื่อเห็นว่าฝูงชนวิ่งพลุกพล่านวุ่นวาย หาทางหนีทีไล่ด้วยความตื่นตระหนก ม้าตัวสีขาวสูงสง่าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางดุร้าย เมื่อกู้ฟางสี่และโค่วตันได้ยินเสียงโวยวาย พวกนางก็ดึงกู้เสี่ยวอี้ไปหลบอยู่ใต้ชายคาของร้านค้าร้านหนึ่ง แต่ในขณะนี้ก็มีเด็กอายุเพียงสามสี่ขวบวิ่งไล่ตามลูกไม้ไผ่สานและวิ่งไปที่กลางถนน
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจพลันดังขึ้น “ลูกข้า ลูกข้า”
“ฮือ ๆ ท่านแม่ ข้ากลัว ๆ”
บริเวณกลางถนน เด็กคนนั้นถือลูกไม้ไผ่สานอยู่ไว้ในมือ มองดูม้าตัวสูงที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว มันกำลังวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ และในพริบตาเดียว เด็กคนนั้นก็เกือบจะโดนเหยียบอยู่ใต้เท้าของมัน
“คุณหนู!”
“เสี่ยวอี้!”
ทันใดนั้น ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นใต้ร่างม้า และเมื่อกู้ฟางสี่เห็นอย่างชัดเจน ก็ได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน พวกนางได้แต่เฝ้าดูอยู่อย่างนั้น สิ่งของที่ขาของม้ากระเด็นขึ้นสูงและกำลังจะกระแทกลงมาอย่างแรง
กู้เสี่ยวอี้กอดเด็กชายคนแน่นในอ้อมกอด รอความเจ็บปวดกระแทกลงบนแผ่นหลังของตนเอง นางหวาดกลัวจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงวิ่งหนี
ขาม้ายกสูง ทุกคนได้ยินเสียงของฝูงชนและเสียงคำรามของกู้ฟางสี่อย่างชัด แต่กู้เสี่ยวอี้ไม่ได้ยิน อย่างไรก็ตาม โลกดูเหมือนจะหยุดนิ่งในขณะนี้ และฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างกลั้นหายใจ
ความเจ็บปวดรุนแรงที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น กู้เสี่ยวอี้ตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ภาพตรงหน้าก็ทำให้นางตกตะลึง
เมื่อเห็นขาสองข้างของม้ายกค้างไว้และม้ายังคงส่งเสียงร้องลั่น เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของนางพลันร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ แต่พวกนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เมื่อมองใกล้ ๆ ก็เห็นว่าขาหน้าของม้าถูกคนตัวสูงดันไว้ด้วยมือเปล่า
ชายคนนั้นหันหลังให้กู้เสี่ยวอี้ ดันเท้าซ้ายและขวาของม้าด้วยมือเปล่า กู้เสี่ยวอี้มองไม่เห็นสีหน้าของชายตรงหน้าตนเอง นางเห็นเพียงแผ่นหลัง และความกล้าหาญที่ส่งออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ได้
กู้เสี่ยวอี้ตกตะลึงจนลืมไปขยับตัว
ในเวลานี้ น้ำเสียงอันไพเราะก็เอ่ยเตือนด้วยความยากลำบาก “แม่นาง หนีไปเร็วเข้า!”
จากนั้นกู้เสี่ยวอี้ก็อุ้มเด็กชายไว้ในอ้อมแขนและรีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว แม่ของเด็กก็เข้ามากอดเด็กและอุ้มเด็กไว้อ้อมแขนของนางเช่นกัน
แต่กู้ฟางสี่นั้นตกใจจนก้าวขาไม่ออก โค่วตันจึงประคองกู้ฟางสี่และรีบมาหากู้เสี่ยวอี้ กู้ฟางสี่ดึงกู้เสี่ยวอี้เข้ามาใกล้และสำรวจร่างกายของนาง เมื่อกู้เสี่ยวอี้ยิ้มและพูดว่าไม่เป็นอะไร ดวงตาของกู้ฟางสี่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้ากำลังทำให้ข้าตกใจ”
“คุณหนู” โค่วตันก็เหมือนกัน ตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
เกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหัน กู้เสี่ยวอี้ยืนอยู่ใต้ชายคาร้าน มองไปยังเด็กน้อยผู้น่าสงสารที่ยืนอยู่กลางถนนซึ่งอาจถูกม้าเหยียบได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางจึงพุ่งออกไปโดยไม่ได้คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเอง
“ท่านอา ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ ไม่ต้องห่วง” กู้เสี่ยวอี้มองท่าทีที่เป็นกังวลของท่านอา และรู้สึกตัวว่านางประมาทเกินไป ถ้าไม่มีคนมาหยุดม้าในเมื่อครู่ คนที่ได้รับบาดเจ็บอาจจะเป็นนาง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงการช่วยชีวิตเด็ก กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า
“แม่นาง ขอบคุณ ขอบคุณ ลูกรีบมาคำนับแม่นางเร็วเข้า” ขณะที่พูด ผู้เป็นแม่ก็ดึงเด็กคนนั้นและคุกเข่าลงต่อหน้ากู้เสี่ยวอี้แล้วคำนับไม่หยุด
เมื่อเห็นพวกเขาคุกเข่าลง กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกอายเล็กน้อย นางจึงต้องการออกไปจากตรงนี้ เพราะคนที่ช่วยชีวิตเด็กคนนี้ไว้คือคนที่หยุดม้าพยศเมื่อครู่นี้ต่างหาก