บทที่ 796 หลานชายจอมพยศ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

‘ครืน​!’

หนวด​แมงกะพรุน​ทั้ง​ห้า​ปลุก​กระแส​คลื่นใต้น้ำ​จน​ปั่นป่วน​และ​เกิด​ฟองอากาศ​หนา​ทึบ​เข้า​พัน​ร่าง​ของ​ ‘ฮวง’​

‘ฮวง’​ ก็​เหมือน​มัจฉาที่​ปราดเปรียว​และ​พราว​เสน่ห์​ มัน​ว่าย​เฉียง​ นอนตะแคง​ บิด​เอว​อวบ​หนา​ หลบหลีก​การ​เกี่ยว​กระหวัด​และ​ฟาด​ตบ​ของ​หนวด​แมงกะพรุน​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

อีก​ทั้ง​ใน​กระบวนการ​ทั้งหมด​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ มัน​ไม่ได้​ตื่นขึ้น​มาเลย​ ราวกับ​กระแสน้ำ​กำลัง​ควบคุม​เจ้ายักษ์​ใหญ่​นี่​ให้​เคลื่อนไหว​หลบหลีก​ด้วย​กระบวนท่า​ยาก​ขั้นสูง​ใน​รูปแบบ​ต่างๆ​

เสียงดัง​ครั่น​ครืน​…ก้น​สมุทร​สั่นสะเทือน​อย่าง​รุนแรง​ สิ่งที่อยู่​ใน​เหว​ลึก​ราวกับ​เกิด​โทสะ​ หนวด​แมงกะพรุน​ประหลาด​อัน​น่า​พรั่นพรึง​แต่ละ​เส้น​โผล่​ออก​มาจาก​เหว​อัน​มืดมิด​ประหนึ่ง​ดอกไม้​เบ่งบาน​ ก่อให้เกิด​ซาก​ตะกอน​ฟุ้งกระจาย​จำนวนมาก​

มัน​แยกเขี้ยว​สยาย​กรงเล็บ​ ราวกับ​จะกวาด​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​ลง​เหว​ลึก​

พื้นผิว​ของ​หนวด​เหล่านี้​เต็มไปด้วย​ริ้วรอย​ขาด​แหว่ง​ เหมือน​ภาพวาด​สมบูรณ์แบบ​ที่​ถูก​เช็ด​ออก​ไปส่วนหนึ่ง​อย่าง​ลวกๆ​ ถ้วย​ดูด​ขนาด​มหึมา​มีหนาม​แหลม​ขยับ​ดุกดิก​เบา​ๆ

“ดูเหมือน​จะเป็น​สิ่งมีชีวิต​ที่​ไม่ได้​อ่อนแอ​ไปกว่า​เจ้าเลย​ น่าเสียดาย​ที่​จิตวิญญาณ​เกือบจะ​ถูก​ทำลาย​หมด​แล้ว​”

ท่าน​โหราจารย์​พิจารณา​จาก​พื้นผิว​ของ​แมงกะพรุน​ซึ่งเต็มไปด้วย​ร่องรอย​ขาด​แหว่ง​แล้ว​ จึงวิเคราะห์​ออกมา​ว่า​เป็น​สัตว์ประหลาด​ใน​เหว​ลึก​

“สมกับ​ที่​เป็น​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้า” ต้าฮวง​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ เขา​ลอย​ตัวอย่าง​สวยงาม​เพื่อ​หลบหลีก​หนวด​แมงกะพรุน​สามเส้น​ที่​ฟาด​มา

หนวด​ฟาด​ลง​ที่​ก้น​สมุทร​ก่อให้เกิด​ผล​ประหนึ่ง​แผ่นดินไหว​ ซาก​ตะกอน​ฝุ่น​โคลน​ลอย​คลุ้ง​เสมือน​ควัน​ ทำให้​น้ำทะเล​ที่​เคย​ใสอยู่​แต่เดิม​กลายเป็น​กระแสน้ำ​ขุ่น​

พลัง​ใดๆ​ ใน​โลก​ล้วน​มีการ​จัดเรียง​และ​ผสมผสาน​อย่าง​มีเอกลักษณ์​ วัตถุ​ที่​ต่างกัน​มีริ้วรอย​ที่​ต่างกัน​ ตรรกะ​ลึกซึ้ง​ของ​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​คือ​การ​ตีความ​รอย​ยับ​ย่น​เหล่านี้​ และ​เบี่ยง​ซ้าย​บ่าย​ขวา​เพื่อ​หลบเลี่ยง​อย่าง​ระมัดระวัง​…

“เมื่อ​เข้าใจ​หยิน​หยาง​ ธาตุ​ทั้ง​ห้า​ และ​ดิน​น้ำ​ลม​ไฟอย่าง​แจ่มแจ้งแล้ว​ ก็​จะสามารถ​ควบคุม​พลัง​ทั้งหมด​บน​โลก​ได้​…มาอีกแล้ว​ รีบ​ไปทางขวา​เร็ว​ แวบ​ไปด้านหลัง​”

ท่าน​โหราจารย์​เอ่ย​พลาง​ชี้แนะ​ไปพลาง​

…ต้าฮวง​เน้น​เสียง​เอ่ย​เจือ​โทสะ​ว่า​

“ข้า​ไม่ใช่ศิษย์​ท่าน​!”

หลังจาก​แสดง​อารมณ์​แล้ว​ มัน​จึงเอ่ย​ต่อว่า​

“ดังนั้น​ข้า​จึงคิด​มาตลอด​ว่า​โหร​นั้น​เป็น​ศาสตร์​พิเศษ​ที่สุด​ใน​บรรดา​ระบบ​ทั้งหมด​ ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ขั้น​สี่สามารถ​ควบคุม​พลัง​ส่วนใหญ่​บน​โลก​ได้​ และ​การดำรงอยู่​ของ​คน​เช่น​เจ้าก็​สามารถ​สอดส่อง​ความลับ​สวรรค์​ และ​สังเกต​ชะตากรรม​ได้​

“อย่างไรก็ตาม​ แม้การดำรงอยู่​ของ​เทพ​กู่​และ​เทพ​พ่อ​มด​ เทพ​กู่​มีวิชา​เทียน​กู่​ เทพ​พ่อ​มด​มีวิชา​พยากรณ์​ และ​สามารถ​สังเกต​แง่มุมของ​โชคชะตา​ได้​เป็นครั้งคราว​ แต่​ท่าน​ก็​เป็น​เพียง​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้าตัวเล็ก​ๆ คน​หนึ่ง​ กลับ​ทำ​ใน​สิ่งที่​ระดับ​สุดยอด​ยัง​ทำ​ไม่ได้​

“แต่​หาก​โหร​เป็นระบบ​ที่​ดำรงอยู่​เพื่อ​กำเนิด​ผู้พิทักษ์​ประตู​ เช่นนั้น​ก็​สามารถ​อธิบาย​ได้​อย่าง​สมเหตุสมผล​แล้ว​”

‘ตูม​!’

ในที่สุด​ ด้วย​ความช่วยเหลือ​ของ​ ‘สหาย​’ ที่ทำการ​ไล่ล่า​และ​สกัดกั้น​ หนวด​เส้น​หนึ่ง​จึงฟาด​ลง​บน​หน้าท้อง​ของ​สัตว์ประหลาด​ได้​สำเร็จ​ ผิวหนัง​และ​เนื้อ​ปริ​แตก​ออก​ทันที​ เลือด​สดๆ​ ไหล​ฟุ้งออกมา​เป็น​ดวง​ใหญ่​ ย้อม​ให้​น้ำทะเล​เป็น​สีแดงสด​ชวน​สังเวช​

ท่าน​โหราจารย์​ส่งเสียง​ ‘จุ๊ๆ’ และ​เอ่ย​ชมว่า​

“ร้ายกาจ​ พลัง​ของ​แส้นี่​ ไม่ต้องสงสัย​เลย​ว่า​เป็น​จอม​ยุทธ์​ระดับสูง​ขั้น​หนึ่ง​”

‘ฮวง’​ กล่าว​ด้วย​เสียง​เข้ม​ว่า​

“เป็นหนึ่ง​ใน​พลัง​เหนือธรรมชาติ​โดยกำเนิด​ ใน​ช่วง​โต​เต็ม​วัย​ หนวด​ของ​มัน​สามารถ​ฉีก​ร่างกาย​ของ​ข้า​เป็น​ชิ้นๆ​ ได้​ แน่นอน​ว่า​ร่างกาย​หา​ใช่ขอบเขต​ความ​เชี่ยวชาญ​ของ​ข้า​

“ใน​สมัยโบราณ​ มัน​ต่อสู้​ชี้เป็น​ชี้ตาย​กับ​ ‘มังกร​’ ใน​ทะเล​ลึก​ การ​ซัด​โหม​ของ​คลื่น​ยักษ์​เกือบ​ทำให้​แผ่นดินใหญ่​จิ่ว​โจว​ครึ่งหนึ่ง​จมอยู่​ใต้​น้ำ​ การต่อสู้​ครั้งนี้​ทำลาย​สมดุล​ระหว่าง​เทพ​มาร​ และ​เปิดฉาก​โหมโรง​สู่จุดจบ​ของ​เทพ​และ​มาร​

“หลัง​การต่อสู้​ครั้งนี้​ ใน​ทะเล​ลึก​จึงเหลือ​เจ้ายุทธ​จักร​เพียง​หนึ่งเดียว​ น่าเสียดาย​ที่​ไม่ใช่มัน​ แต่​เป็น​มังกร​”

ท่าน​โหราจารย์​ส่งเสียง​ ‘อ้อ​’

“มิน่าเล่า​ข้า​จึงไม่รู้สึก​ถึงคลื่น​จิต​เดิม​ของ​มัน​”

ต้าฮวง​เอ่ย​ว่า​ “แมงกะพรุน​มิได้​ตาย​ไปเปล่าๆ​ ยัง​ได้​ควบ​รวม​ปณิธาน​ของ​มัน​ให้​คงอยู่​ใน​สนามรบ​แห่ง​นี้​เป็นเวลา​หลาย​ปีไม่รู้​จบ​”

“เป็นความ​ยึดมั่น​ถือ​มั่น​ที่​น่ากลัว​นัก​!” ท่าน​โหราจารย์​ประเมินค่า​

พูด​จบ​ เดรัจฉาน​ฮวง​ก็​กำลังจะ​ข้าม​ผ่าน​อาณาเขต​ผืน​นี้​

การ​รุก​โจมตี​ของ​หนวด​แมงกะพรุน​บ้าคลั่ง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ มัน​ฟาด​จน​ก้น​สมุทร​ปริ​แตก​ เคราะห์ดี​ที่​บริเวณ​นี้​ไม่มีภูเขาไฟ​ใต้​ทะเล​ มิเช่นนั้น​คง​ระเบิด​ไปนาน​แล้ว​

“มังกร​ฆ่ามัน​แล้ว​ ทว่า​จิตวิญญาณ​ก็​ได้รับ​ความเสียหาย​ พลัง​การต่อสู้​ไม่ฟื้น​คืน​สู่จุดสูงสุด​อีกต่อไป​ ดังนั้น​ต่อมา​จึงถูก​ยักษ์​สามตา​ดึง​เอ็น​มังกร​และ​ตัดหัว​มังกร​ น่าเสียดาย​ที่​จิตวิญญาณ​ของ​มัน​ไม่สมบูรณ์​ ข้า​มิอาจ​ดูดซับ​มัน​ได้​ และ​ไม่รู้​ด้วยว่า​ผู้ใด​จะได้​รับประโยชน์​จาก​พลัง​นี้​ในอนาคต​”

ฮวง​เอ่ย​หยั่งเชิง​ว่า​

“มิเช่นนั้น​ ท่าน​ก็​ช่วย​ข้า​ดูดซับ​จิตวิญญาณ​ของ​มัน​ก่อน​ แล้ว​ข้า​สัญญาว่า​จะทำ​เรื่อง​หนึ่ง​ให้​ท่าน​”

หาก​สามารถ​ดูดซับ​จิตวิญญาณ​ที่​หลงเหลือ​ของ​แมงกะพรุน​ได้​ ร่างกาย​ของ​มัน​ก็​จะสัมผัส​ถึงระดับ​เหนือ​มนุษย์​

ท่าน​โหราจารย์​เป็น​ผู้พิทักษ์​ประตู​ เชี่ยวชาญ​ด้าน​ค่าย​กล​และ​การ​กลั่น​น้ำ​อมฤต​ บางที​อาจ​สามารถ​สกัด​จิตวิญญาณ​ใน​แมงกะพรุน​ออกมา​ได้​

ท่าน​โหราจารย์​หา​ได้​สนใจ​มัน​

ฮวง​จึงได้​แต่​เดินหน้า​ด้วย​ความเสียดาย​ หลังจาก​แส้ฟาด​ไปสามครั้ง​ก็​ออกจาก​ ‘สนามรบ​’ แห่ง​นี้​ได้​โดย​สมบูรณ์​ และ​หาย​ไปใน​ทะเล​ลึก​อัน​ไร้​จุดสิ้นสุด​

ซินเจียง​ตอน​ใต้​

ใน​อาคาร​อิฐ​แดง​ฝ่าย​ลี่​กู่​ ลี่​น่า​สวม​เสื้อคลุม​บาง​ กางเกงขาสั้น​เผย​ให้​เห็น​ต้นขา​ กำลัง​นอนแผ่​หลับสนิท​อยู่​บน​เตียง​

ทันใดนั้น​ นาง​ก็​ตกใจ​ตื่นขึ้น​เพราะ​ความเจ็บปวด​รุนแรง​ เมื่อ​ลืมตา​ขึ้น​แล้ว​หันไป​ก็​เห็น​เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ตัว​แน่น​อวบอ้วน​กำลัง​กอด​และ​กัด​แขนนาง​อยู่​

‘ซู้ด​’ ลี่​น่า​หายใจ​ติดขัด​ด้วย​ความเจ็บปวด​ แล้ว​ใช้ฝ่ามือ​ตี​ลูกศิษย์​ให้​ตื่น​

เสี่ยว​โต้​ว​ติง​ลืมตา​อย่าง​สะลึมสะลือ​ ก่อน​ขยี้ตา​พลาง​กลืนน้ำลาย​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“อาจารย์​ ข้า​ฝัน​ถึงของ​อร่อย​ แต่​ไม่ว่า​จะกัด​อย่างไร​ก็​กัด​ไม่เข้า​”

พูด​จบ​ นาง​ก็​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ สีหน้า​อมทุกข์​

ลี่​น่า​ชี้แขน​ตัวเอง​ด้วย​สีหน้า​ไร้ความรู้สึก​

“ไอ้​ห​ยา​ อาจารย์​ถูก​กัด​แล้ว​”

สวี่ห​ลิง​อิน​เห็น​รอย​ฟัน​ก็​ตกใจ​เป็นการใหญ่​ ก่อน​ร้อง​โวยวาย​เกิน​จริง​

“นี่​มัน​รอย​กัด​ของ​เจ้า” ลี่​น่า​เอ่ย​เสียงดัง​

“ไม่ใช่ข้า​”

สวี่ห​ลิง​อิน​รีบ​ปฏิเสธ นาง​จำไม่ได้​เลย​ว่า​ตัวเอง​เคย​ทำ​เรื่อง​เช่นนี้​ อาจารย์​ต้อง​คิด​ฉวยโอกาส​ยึด​เนื้อ​ของ​นางใน​วันพรุ่งนี้​แน่​

“เป็น​เจ้าที่​กัด​ข้า​”

“ไม่ใช่ข้า​”

สอง​ศิษย์​อาจารย์​เริ่ม​ทะเลาะ​และ​โจมตี​กัน​ด้วย​คลื่นเสียง​ จนกระทั่ง​ท้อง​ของ​สวี่ห​ลิง​อิน​ส่งเสียง​ ‘โครกคราก​’

ลี่​น่า​จึงเอ่ย​อย่าง​หัวเสีย​ว่า​

“ปริมาณ​เนื้อที่​เจ้ากิน​เกือบจะ​ตาม​ข้า​ทัน​แล้ว​ ข้า​ยัง​ไม่หิว​เลย​ เจ้าเอา​อะไร​มาหิว​กัน​”

ใน​ฝ่าย​ลี่​กู่​ ปริมาณ​ใน​การ​บริโภค​อาหาร​ไม่เพียง​แสดงถึง​พลัง​วิเศษ​ ยัง​แสดงถึง​ตบะ​ใน​ระดับ​ที่​ชัดเจน​ด้วย​ แน่นอน​ว่า​สวี่ห​ลิง​อิน​ซึ่งเป็น​ประเภท​วิ่ง​ซน​ไปทั่ว​และ​ไล่​ทุบตี​เด็ก​ๆ ใน​ฝ่าย​ลี่​กู่​ภายใต้​การ​ยุยง​ของ​ผู้อาวุโส​หลาย​ท่าน​ ย่อม​จะกิน​จุขึ้น​อย่าง​แน่นอน​

ทว่า​ใน​มุมมอง​ของ​ลี่​น่า​แล้ว​ ยังมี​บางอย่าง​ผิดปกติ​อยู่​

“ข้า​ก็​แค่​หิว​หรือเปล่า​เล่า​” สวี่ห​ลิง​อิน​เอ่ย​อย่าง​น้อยเนื้อต่ำใจ​

“เจ้าไม่ได้​แอบ​เอา​เนื้อ​ให้​คนอื่น​กิน​ใช่หรือไม่​”

ลี่​น่า​เอ่ย​คาดเดา​ พูด​จบ​ นาง​ก็​ปฏิเสธการ​คาดเดา​นี้​ ศิษย์​โง่เขลา​ผู้​นี้​จะไปแบ่ง​อาหาร​กับ​ผู้อื่น​ได้​อย่างไร​

“เจ้าเอา​เนื้อ​ไปซ่อน​หรือ​”

ลี่​น่า​สะดุดใจ​ สวี่ห​ลิง​อิน​เป็น​คน​ชอบ​ตุน​อาหาร​ นาง​มัก​ซ่อน​น่อง​ไก่​ไว้​ใน​รองเท้า​ที่​ไม่ได้​ใส่ จากนั้น​เมื่อ​พบ​ว่า​กลิ่น​ของ​น่อง​ไก่​เปลี่ยนไป​ก็​ไม่อยาก​กิน​แล้ว​ แต่​ก็​ยัง​ตัดใจ​ทิ้ง​ไม่ลง​ จึงลอง​เอา​น่อง​ไก่​ให้​คนใน​บ้าน​

“ข้า​เปล่า​นะ​”

สวี่ห​ลิง​อิน​ผงะ​ สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความระแวดระวัง​ อาจารย์​ถึงกับ​รู้​การกระทำ​ลับ​ๆ ของ​นาง​ อาจารย์​ฉลาด​ขึ้น​เรื่อยๆ​ แล้ว​

“เจ้าซ่อน​ของ​เพราะเหตุใด​” ลี่​น่า​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​

“วางใจ​เถอะ​ ข้า​ไม่กิน​มัน​หรอก​”

อากาศ​ที่​ซินเจียง​ตอน​ใต้​ร้อนระอุ​ เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​ถนอม​เนื้อสัตว์​ ส่วนมาก​จึงมีกลิ่น​เหม็น​ไปแล้ว​

สวี่ห​ลิง​อิน​พลัน​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ แม้อาจารย์​มักจะ​แย่ง​กัน​กิน​กับ​นาง​ ทว่า​คำพูด​ของ​อาจารย์​ก็​ยัง​นับ​เป็น​คำพูด​

ดังนั้น​จึงประกาศ​อย่าง​เป็นการเป็นงาน​ว่า​

“ข้า​จะเก็บ​ไว้​ให้​พี่ใหญ่​กิน​”

เจ้ายัง​คิดถึง​สวี่​หนิง​เยี่ยน​อยู่​สินะ​…ลี่​น่า​จึงเอ่ย​ถามว่า​ “เจ้าซ่อน​ไว้​เท่าไร​เล่า​”

“เยอะแยะ​เลย​!” สวี่ห​ลิง​อิน​อ้าแขน​สอง​ข้าง​ทำ​ท่าทาง​ประกอบ​ ก่อน​เอ่ย​เสริม​ว่า​

“แต่​ข้า​ไม่บอก​ท่าน​หรอก​

“พวก​อาจารย์​บอ​กว่า​ทางบ้าน​ข้า​ไม่มีอะไร​กิน​ มีคน​หิว​ตาย​ทุกวัน​ หาก​พี่ใหญ่​ทำให้​ทุกคน​กิน​อิ่ม​ไม่ได้​ ทุกคน​ก็​จะร่วมมือ​กับ​คนชั่ว​ทุบตี​เขา​ ข้า​ให้​ของกิน​กับ​พวกเขา​ พวกเขา​ก็​จะไม่ทำร้าย​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​”

ลี่​น่า​ตะลึงงัน​ใน​ความ​มืดมิด​ นาง​มอง​เด็ก​เจ็ด​ขวบ​ตรงหน้า​แล้ว​ไม่พูด​อะไร​อยู่​เป็นเวลา​นาน​

“เจ้าคิดถึงบ้าน​ใช่หรือไม่​”

ผ่าน​ไปพักใหญ่​ ลี่​น่า​จึงเอ่ย​ถามด้วย​เสียง​แผ่วเบา​

“อืม​!”

สวี่ห​ลิง​อิน​พยักหน้า​อย่าง​แรง​

“เช่นนั้น​อีก​สักพัก​ พวกเรา​ไปที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​กัน​เถอะ​” ลี่​น่า​เอ่ย​

“ไม่ได้​!”

คำตอบ​ของ​สวี่ห​ลิง​อิน​อยู่​เหนือ​ความคาดหมาย​ของ​นาง​

“เพราะอะไร​” ลี่​น่า​ถามด้วย​ความสงสัย​

“เพราะ​ข้า​ยัง​อยาก​เล่น​กับ​แมลง​ตัว​ใหญ่​ มัน​บอ​กว่า​จะสอน​ข้า​ชกต่อย​” สวี่ห​ลิง​อิน​ม้วนตัว​บน​เตียง​ แล้ว​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​คุยโว​เหลือเกิน​ว่า​ “มัน​เก่งกาจ​ยิ่งนัก​ ข้า​ไม่เคย​ชนะ​มัน​เลย​”

“เจ้าพูดจา​เหลวไหล​อะไร​อีกแล้ว​ แมลง​ตัว​ใหญ่​จาก​ไหน​กัน​” ลี่​น่า​ฉงนสนเท่ห์​

“มีสิ มีสิ” สวี่ห​ลิง​อิน​ม้วนตัว​เสร็จ​ก็​ลุกขึ้น​นั่ง​แล้ว​เอียง​คอ​คิด​

“มัน​บอ​กว่า​มัน​ชื่อ​เทพ​กู่​”

ลี่​น่า​หนัง​ศีรษะ​ชาหนึบ​ใน​พริบตา​ ผม​แต่ละ​เส้น​ลุก​ชัน​

หลัง​อาหารเย็น​ สวี่​ชีอัน​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ใน​ห้อง​พลาง​หายใจ​เข้าออก​เพื่อ​ส่งถ่าย​พลัง​ปราณ​

ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ให้หลัง​ เมื่อ​การ​ปรับ​ลมหายใจ​สิ้นสุดลง​ เขา​จึงลืมตา​ขึ้น​

“ข้า​สามารถ​สูบ​พลัง​วิญญาณ​ที่อยู่​ใกล้เคียง​ได้​ใน​เฮือก​เดียว​ แต่​นอกจาก​บำรุง​ร่างกาย​แล้ว​ พลัง​วิญญาณ​ก็​หา​ได้​มีประโยชน์​อะไร​กับ​ข้า​ และ​ผลลัพธ์​ของ​การ​บำรุง​ร่างกาย​ก็​มีอย่าง​จำกัด​มาก​เช่นกัน​ การ​ปรับ​ลมหายใจ​เข้าออก​ก็​มิได้​มีประโยชน์​มาก​นัก​”

หลังจาก​ก้าว​เข้าสู่​ระดับ​ขั้น​หนึ่ง​ ในที่สุด​เขา​ก็ได้​พบ​กับ​คอขวด​

ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​ระบบ​อื่น​แต่​เป็นระบบ​จอม​ยุทธ์​นี่​ละ​ ปัญหา​คอขวด​ที่​แท้จริง​ก็​คือ​ตอนที่​ทะลุ​ผ่าน​ขั้น​สุดยอด​ เช่น​ เมื่อ​ขั้น​เก้า​เลื่อน​ขึ้น​สู่ขั้น​แปด​ จะต้อง​มีคน​ช่วย​เปิด​ประตู​สวรรค์​และ​ชักนำ​พลัง​วิญญาณ​แห่ง​ฟ้าดิน​เข้าสู่​ร่างกาย​ กำเนิด​เป็น​พลัง​ปราณ​

ขั้น​แปด​ถึงขั้น​เจ็ด​ ต้อง​ระเบิด​ตับ​และ​อดหลับอดนอน​หลาย​วัน​

ยิ่ง​ขั้นสูง​ขึ้น​ การ​ข้ามขั้น​ก็​ยิ่ง​ยากลำบาก​ และ​ตัวอย่าง​ที่​ดี​ที่สุด​ก็​คือ​โค่ว​หยาง​โจว​

แต่​เมื่อ​เลื่อนขั้น​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ ตั้งแต่​แรกเริ่ม​จนถึง​วิถี​แห่ง​ความ​รู้แจ้ง​ ความจริง​แล้ว​ไม่มีคอขวด​อะไร​ ผู้​ที่​มีพลัง​วิเศษ​ดี​ก็​จะไว​หน่อย​ หาก​พลัง​วิเศษ​พร่อง​ย่อม​จะช้าไปเล็กน้อย​เท่านั้น​

ตาม​หลัก​แล้ว​ ตราบใดที่​เลื่อน​ขึ้น​ขั้น​หนึ่ง​ได้​สำเร็จ​ เช่นนั้น​การ​ที่​เขา​ก้าว​จาก​จุดเริ่มต้น​ถึงครึ่ง​ก้าว​สู่เทพ​ยุทธ์​ก็​น่าจะ​เป็นเรื่อง​ที่​เป็นไปตาม​ครรลอง​

ทว่า​บัดนี้​ เขา​พบ​กับ​คอขวด​แล้ว​ ตบะ​ของ​เขา​ได้​นำ​มาสู่สภาวะ​ชะงักงัน​แล้ว​

“ดังนั้น​นี่​จึงเป็นสาเหตุ​ที่​แม้ว่า​จอม​ยุทธ์​ขั้น​หนึ่ง​จะหา​ยาก​ดุจ​ขน​หงส์​เขา​กิเลน​ แต่​เมื่อ​ยืดเวลา​ขยาย​ไปถึงพันปี​ก็​ยังมี​อยู่​สอง​สามคน​ ทว่า​ครึ่ง​ก้าว​สู่เทพ​ยุทธ์​นั้น​ ตั้งแต่​อดีต​ถึงปัจจุบัน​ ที่​ข้า​รู้​กลับ​มีเพียง​เสิน​ซูผู้เดียว​

“มิน่า​หลัง​ก้าว​สู่ขั้น​หนึ่ง​ ข้า​มัก​รู้สึก​ตงิด​ใจว่า​มาถึงขีดจำกัด​ ถึงจุดสูงสุด​แล้ว​ ซึ่งเป็น​ความรู้สึก​ที่​ข้า​ไม่ได้รับ​เมื่อ​ก้าว​สู่ขั้น​เหนือ​มนุษย์​”

นับแต่นี้ไป​ ทุก​ขั้นตอน​ของ​ขั้น​หนึ่ง​ล้วน​เป็น​คอขวด​

“ใน​เมื่อ​เสิน​ซูเลื่อน​ขึ้น​ครึ่ง​ก้าว​สู่เทพ​ยุทธ์​ได้​ เช่นนั้น​ย่อม​มีหนทาง​ที่​สอดคล้อง​ ก่อน​งาน​อภิเษกสมรส​ จะต้องหา​เวลา​ไปภูเขา​สือ​ว่าน​สัก​รอบ​”

นอกจากนี้​ สวี่​ชีอัน​ยังมี​แนวคิด​สอง​ประการ​

ประการ​แรก​คือ​ จัด​ดอกไม้​!

เทพ​ดอกไม้​เป็นการ​กลับชาติมาเกิด​ของ​ต้นไม้​อมตะ​ ครอบครอง​จิตวิญญาณ​ของ​เทพ​มาร​ และ​กลืน​กิน​พลัง​วิญญาณ​ไร้ประโยชน์​ เช่นนั้น​การ​ดูดซับ​จิตวิญญาณ​ของ​เทพ​ดอกไม้​เล่า​ ยิ่งไปกว่านั้น​ แม้เทพ​ดอกไม้​จะไม่มีจิตวิญญาณ​ แต่​ผลกระทบ​ต่อ​ร่างกาย​ตน​ใน​วิชา​บำเพ็ญ​คู่​ของ​ลัทธิ​เต๋า​สมัยโบราณ​ก็​แข็งแกร่ง​กว่า​บำเพ็ญ​เพียร​เอง​

ซึ่งสอดคล้อง​กับ​ทาง​สาย​ใหญ่​ที่​หยิน​หยาง​บรรจบ​กัน​พอดี​

ประการ​ที่สอง​ คือ​ สงบ​ไฟแห่ง​กรรม​!

ลั่วอวี้เหิง​หนี​เคราะห์กรรม​สำเร็จ​และ​ได้​เลื่อน​ขึ้น​เป็น​เซียน​ครอง​พิภพ​ แต่​ไม่ได้​หมายความว่า​จะไม่มีไฟแห่ง​กรรม​ การ​แผดเผา​ร่างกาย​ด้วย​ไฟแห่ง​กรรม​ถือเป็น​ข้อ​เสียที่​ติด​มาโดยธรรมชาติ​ของ​วิธี​บำเพ็ญ​ใน​นิกาย​มนุษย์​ ยาก​จะขุด​ราก​ถอน​โคน​ เพียงแต่​หลัง​ก้าว​สู่ขั้น​หนึ่ง​แล้ว​ ลั่วอวี้เหิง​จึงอาศัย​ตบะ​เพื่อ​ยับยั้ง​ไฟแห่ง​กรรม​ได้​

สำหรับ​นาง​แล้ว​ ไฟแห่ง​กรรม​ที่​แผดเผา​ร่างกาย​ไม่ได้​คุกคาม​นาง​อีกต่อไป​

ใน​ฐานะ​เซียน​ครอง​พิภพ​แห่ง​ลัทธิ​เต๋า​ ลั่วอวี้เหิง​ควร​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​ที่​สมบูรณ์แบบ​ที่สุด​ใน​โลก​

สวี่​ชีอัน​พ่น​ลมหายใจ​อย่าง​เชื่องช้า​ แล้ว​เบน​ความสนใจ​ไปยัง​สถานการณ์​ปัจจุบัน​

“อีกไม่นาน​เทพ​พ่อ​มด​จะหลุดพ้น​จาก​ผนึก​ รอยแตก​ระหว่าง​คิ้ว​ลาม​ไปจนถึง​ริมฝีปาก​ของ​รูปปั้น​นักปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ได้​กระจาย​ไปทั่วไป​หน้า​ นี่​เหลือเชื่อ​ยิ่งกว่า​รูปปั้น​นักปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​จี๋เยวียน​ของ​ซินเจียง​ตอน​ใต้​นั่น​เสีย​อีก​

“อืม​ นั่น​เป็นเรื่อง​ที่เกิด​ไปเมื่อ​เดือน​เศษ ตอนที่​ปลีกเวลา​ไปพบ​เสิน​ซู ยัง​ต้อง​ไปจี๋เยวียน​รอบ​หนึ่ง​เพื่อ​ดู​ว่า​ผนึก​นั้น​คลาย​ไปเท่าไร​แล้ว​”

จุดประสงค์​เดียว​ที่​เขา​ไปคิดดอกเบี้ย​ที่​เมือง​จิ้งซาน​ก็​เพราะ​การ​ดู​สถานะ​ของ​เทพ​พ่อ​มด​เป็นเรื่อง​ที่​รอ​ไม่ได้​แล้ว​เช่นกัน​

หลังจาก​ดู​เสร็จ​ เขา​ก็​ล้มเลิก​ความคิด​ที่จะ​เลียนแบบ​เว่ยเยวียน​ และ​อัญเชิญ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​พร้อม​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ผู้​กล้า​มาซ่อมแซม​ผนึก​

เหตุผล​คือ​

ข้อ​แรก​ พลัง​ของ​ดาบ​สลัก​ปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​และ​มงกุฎ​แห่ง​ปราชญ์​เอก​ถูก​ผลาญ​มากเกินไป​ ยาก​ที่จะ​บรรจุ​พลัง​ของ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​และ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ได้​ใน​เวลา​อัน​สั้น​

ตอนแรก​พลัง​ของ​อาวุธ​เวทมนตร์​สอง​ชิ้น​ของ​ท่าน​โหราจารย์​เกือบ​หมด​ลง​ใน​ชิงโจว​ หลัง​รอ​จน​ฟื้น​คืน​กลับมา​บางส่วน​แล้ว​ จ้าว​โส่ว​ก็​พา​พวก​มัน​ไปยัง​ชายแดน​ตอนเหนือ​อีก​ กินเวลา​ไปสิบ​สามวัน​

ข้อ​สอง​ ค่าตอบแทน​ของ​การอัญเชิญ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์​และ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​นั้น​สูงเกินไป​

ตอนแรก​ที่​เว่ยเยวียน​อัญเชิญ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​มาด้วย​ร่าง​ของ​ขั้น​สอง​นั้น​ ร่างกาย​ของ​เขา​ได้​พังทลาย​ลง​ และ​ชดใช้​ค่าตอบแทน​เป็น​ร่าง​ไร้​ชีวิต​

บัดนี้​เขา​เป็น​จอม​ยุทธ์​ขั้น​หนึ่ง​ ซึ่งเทียบ​เว่ยเยวียน​ไม่ได้​ ทว่า​จะต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​ใน​รา​คาที่​เจ็บปวด​มาก​เช่นกัน​เป็นแน่​ อีก​ทั้ง​สำนัก​พ่อ​มด​ก็​ยังมี​พ่อ​มด​ผู้ยิ่งใหญ่​อยู่​อีก​หนึ่ง​คน​ เจ้าแห่ง​วัสสาน​หนึ่ง​คน​ และ​ปรมาจารย์​แห่ง​ปราชญ์​วิญญาณ​อีก​สอง​คน​

ผล​ของ​การ​เลียนแบบ​เว่ยเยวียน​ มีโอกาส​สูงที่จะ​ตาย​ ณ เมือง​จิ้งซาน​เหมือนกับ​เว่ยเยวียน​

เมื่อ​เสือ​สอง​ตัว​สู้กัน​ ตัว​หนึ่ง​ตายตัว​หนึ่ง​บาดเจ็บ​ แดน​ประจิม​ก็​จะระเบิด​เสียงหัวเราะ​

“ดังนั้น​ตอนนี้​การผลักดัน​ตบะ​ให้​ถึงระดับ​ครึ่ง​ก้าว​สู่เทพ​ยุทธ์​เร็ว​หน่อย​จึงเป็น​สิ่งสำคัญ​ที่สุด​ เพื่อ​อาณาประชาราษฎร์​ใน​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​ น้า​มู่ อย่า​ได้​โทษ​หลาน​ว่า​ด้อย​กว่า​เดรัจฉาน​เลย​”

สวี่​ชีอัน​ดีดนิ้ว​ดับ​เทียนไข​แล้ว​เปิด​ประตู​จากไป​

ค่ำคืน​มืดมิด​ โคม​แดง​แต่ละ​ดวง​ซึ่งจุด​ไว้​ใต้​ชายคา​พลิ้วไหว​อยู่​ท่ามกลาง​สายลม​เย็น​ใน​วสันตฤดู​

ใน​ลานบ้าน​ ระเบียง​ทางเดิน​และ​บริเวณ​อื่นๆ​ เงียบสงัด​ไร้​เงาผู้คน​

สวี่​ชีอัน​เอนตัว​ไปทาง​ห้อง​ของ​มู่หนาน​จือ​เงียบๆ​ แล้ว​เคาะ​ประตู​เบา​ๆ สอง​ที​

ใน​ห้อง​เงียบสนิท​ ไม่มีคน​ตอบรับ​

ถึงกับ​แกล้ง​หลับ​เชียว​รึ​…สวี่​ชีอัน​เคาะ​ประตู​อีกครั้ง​

เสียง​แห่ง​ความระแวดระวัง​ของ​มู่หนาน​จือ​ดัง​มา

“ทำ​อะไร​น่ะ​”

ถามได้ดี​นี่​ เจ้าเข้าใจ​ข้า​จริงๆ​…สวี่​ชีอัน​ใช้พลัง​ปราณ​ถอด​สลัก​ประตู​ ก่อน​เคาะ​ประตู​แล้ว​เข้าไป​ อุณหภูมิ​ใน​ห้อง​กำลังดี​ ไม่ร้อน​ไม่เย็น​ กลิ่นหอม​เย้ายวน​ที่​คุ้นเคย​ยัง​ลอย​อวล​อยู่​ใน​อากาศ​

นี่​คือ​กลิ่นหอม​อันเป็น​เอกลักษณ์​ของ​เทพ​ดอกไม้​หลังจาก​ปลุก​จิตวิญญาณ​

ใน​ห้อง​มืดสนิท​ ทว่า​ไม่กระทบ​ต่อ​การ​มองเห็น​ของ​สวี่​ชีอัน​

ม่าน​เตียง​ห้อย​ระย้า​ ด้าย​โค้ง​งดงาม​ประดับ​เป็น​ดิ้น​อยู่​ด้าน​ข้าง​ของ​ผ้า​

มู่หนาน​จือ​เลิกคิ้ว​พลาง​ว่า​

“เข้ามา​ใน​ห้อง​ผู้อาวุโส​กลางดึก​นั้น​ใช้ได้​ที่ไหน​ รีบ​ออก​ไปเลย​”

สวี่​ชีอัน​หัวเราะ​เสียง​เย็น​

“น้า​มู่ หลาน​กลัว​ว่า​กลางดึก​ท่าน​จะเหงา​ เลย​ตั้ง​ใจมานอน​ด้วย​”

……………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท