ตอนที่ 267 ขอให้วาดภาพ
ฮว่าไต้จ้าวแปลงโฉม หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เตรียมพร้อมย่อมปิดบังคนรอบข้างได้ไม่ยาก แต่ยามไม่รู้สึกว่าถูกจับตาดู ก็จะเผยพิรุธได้ง่ายมาก
ในเมื่อเฮ่อชิงเซียวพบแล้ว ซินโย่วจึงได้ถามออกไปว่า “เหตุใดฮว่าไต้จ้าวทำเช่นนี้”
“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด” เฮ่อชิงเซียวรอบคอบจนเป็นนิสัยแล้ว ไม่อยากให้การคาดเดานี้ส่งผลต่อการตัดสินใจของซินโย่ว
ซินโย่วคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าจะไปพบฮว่าไต้จ้าวหน่อย”
คาดเดาจากแสงในภาพที่เห็น เรื่องราวเกิดขึ้นในตอนกลางวัน จึงพอตัดสินใจได้ว่าเป็นวันหยุด ซึ่งก็คือวันนี้
“ลูกน้องใต้เท้าเฮ่อได้บอกการแต่งกายหลังแปลงโฉมของฮว่าไต้จ้าวหรือไม่”
“สวมชุดสีเทาที่ซักจนซีดชุดหนึ่ง รองเท้าสีดำมีรูขาดคู่หนึ่ง…”
ได้ยินคำบรรยายของเฮ่อชิงเซียว ซินโย่วเลิกล้มความคิดที่จะคาดเดาช่วงเวลาจากการแต่งกายของ ฮว่าไต้จ้าว
ขาดแคลนเงินทองจนเป็นเช่นนี้ เกรงว่าทุกครั้งที่ออกไปตั้งร้านก็จะแต่งกายเช่นนี้…
“ระยะนี้เจ้ากรมตรวจสอบเหอมาอ่านหนังสือถี่มาก คุณหนูโค่วถามจากพวกผู้ดูแลร้านหูแล้วได้เรื่องอันใดหรือ”
ซินโย่วคลี่ยิ้ม “น่าจะรู้แล้วว่าเจ้ากรมตรวจสอบเหอมาเพื่อเหตุใด”
“เหตุใด”
“ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พวกเราตรวจสอบ เป็นเรื่องส่วนตัวเจ้ากรมตรวจสอบเหอ ไม่เอ่ยถึงดีกว่า”
เรื่องส่วนตัว?
เฮ่อชิงเซียวนึกสงสัย
นอกจากฝืดเคืองเรื่องการเงิน ยังมีเรื่องส่วนตัวอันใดอีก
“ข้าไปละ” ซินโย่วยิ้มตบโต๊ะ ตัดบทความคิดชายตรงหน้า
เฮ่อชิงเซียวเหลือบตาขึ้นมองสาวน้อยที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มละไม
หลังเป็นซินไต้จ้าว คล้ายว่านางผ่อนคลายลงไม่น้อย
หากมีวันหนึ่งนางกลับไปเป็นตนเองตัวจริง เป็นคุณหนูที่ชื่อซินโย่ว ก็คงจะมีรอยยิ้มที่ยิ่งงดงามกระมัง
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เฮ่อชิงเซียวก็รีบหลุบตาลง ลุกขึ้นยืนเงียบๆ
ทั้งสองคนเดินตามกันออกจากห้องรับรอง
ใกล้เที่ยงแล้ว หลิวโจวเช็ดโต๊ะเก็บเงินพลางถามขึ้นว่า “ท่านเจ้าของร้านจะรับอาหารที่ร้านหนังสือหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ล่ะ ระยะนี้กินยารักษาอยู่ ต้องกลับไปกินข้าว”
“เช่นนั้นข้าน้อยไปส่งท่าน” หลิวโจวเดินมา อดมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่งไม่ได้
เฮ่อชิงเซียวสีหน้านิ่งสงบเอ่ยว่า “ข้าเองก็ขอตัวก่อน”
ผู้ดูแลร้านหู “…”
ด้านนอกดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเหนือศีรษะ เสียงจักจั่นร้องดังน่ารำคาญ ม้าที่ผูกอยู่ใต้ต้นไม้สะบัดหางไปมาอย่างเบื่อหน่าย
เฮ่อชิงเซียวหยุดฝีเท้าพลางเอ่ยขึ้นเบายิ่งว่า “รอบๆ ฮว่าไต้จ้าวมีคนของข้า หากคุณหนูโค่วต้องการความช่วยเหลือ ก็เรียกหาพวกเขาได้”
การเฝ้าจับตาดูนี้ส่วนใหญ่ใช้คนอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม เฮ่อชิงเซียวความจำดี เอ่ยถึงลักษณะเด่นและการแต่งกายของลูกน้องสองคนของตนเองอย่างละเอียด
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อ ท่านไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ”
เฮ่อชิงเซียวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้เชิญคุณหนูโค่วกินเป็ดหนังกรอบ แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที”
“เป็ดหนังกรอบที่น้ากุ้ยทำหรือ” ใต้ต้นไม้กิ่งก้านใบเขียวชอุ่ม ซินโย่วเงยหน้าเล็กน้อยขึ้นถาม
ดวงตาชายหนุ่มกระจ่างใสราวกับหยกดำ อ่อนโยนบริสุทธิ์ “อืม เป็ดหนังกรอบที่น้ากุ้ยทำ”
“วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้แล้ว ไว้วันหยุดครั้งหน้าข้าจะไปกินให้ได้”
ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวขี่ม้าจากไป กลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชายที่บ้านละแวกร้านหนังสือ ก่อนจะไปยังถนนที่ฮว่าไต้จ้าวตั้งแผง
ยามนี้เป็นยามเที่ยง เจ้าของร้านค้าริมทางในชุดสีเทานั่งสัปหงกใกล้หลับอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ หน้าร้านไม่มีลูกค้าแม้สักคน บนถนนมีคนเดินผ่านไปมาน้อยมาก ไม่ได้ครึกครื้นเหมือนในภาพที่เห็น
ซินโย่วเดินตรงไปร้านน้ำชา มองจากริมหน้าต่างลงไป จนกระทั่งพระอาทิตย์ถูกเมฆขาวบดบัง มีลมพัดมาหอบหนึ่ง คนบนท้องถนนค่อยๆ เริ่มมากขึ้น
ฮว่าไต้จ้าวมองดูน่าจะตื่นแล้ว ขยี้ตามองไปยังแผงร้าน
ซินโย่วมองจากด้านบนลงมาจากมุมไกล เห็นทั้งสองคนวิ่งไล่ตามกันมาจากทางนั้น
มาแล้ว
ซินโย่วจ่ายเงินทันที ก่อนจะรีบก้าวออกจากร้านน้ำชา
สองคนนั้นวิ่งมาใกล้แล้ว คนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าหลบคนเดินไปซ้ายทีขวาที คนที่ไล่ตามมาก็หลบตาม ชนแผงร้านภาพวาดล้มพังดังในภาพที่เห็น
“หยุดนะ!” ฮว่าไต้จ้าวเห็นทั้งสองคนวิ่งหนีต่อ ก็รีบไล่ตามไป พลันเหยียบลงบนพู่กันด้ามหนึ่ง ทำเอาล้มคว่ำลง
ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นมาประคองเขาเอาไว้ “ระวัง”
ฮว่าไต้จ้าวตั้งสติได้ มองชายหนุ่มที่ประคองเขาไว้กระจ่างชัดก็พลันชะงักงันสีหน้าแปรเปลี่ยน “ซิน… ขอบคุณ!”
เขาเปลี่ยนคำพูดทันที หัวใจเต้นแรงกระหน่ำไม่หยุด
เหตุใดซินไต้จ้าวปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้
ซินไต้จ้าวรู้เรื่องเขาปลอมตัวมาแอบขายภาพวาดหรือ
ในตอนนั้นเอง ซินโย่วก็เห็นแววตาตกใจและหวาดระแวงจากแววตาของฮว่าไต้จ้าว ยังมีความหวาดกลัวลนลาน
ซินโย่วเห็นปฏิกิริยาของฮว่าไต้จ้าว ก็รู้สึกขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลว่าเขาไม่น่าจะข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยามเผชิญกับเหตุการณ์กะทันหัน กลับไร้ซึ่งความนิ่งสุขุมได้เช่นนี้
แน่นอน ไม่ว่าสำหรับเจ้ากรมตรวจสอบเหอหรือฮว่าไต้จ้าว เรื่องนี้เป็นเพียงแค่การตัดสินจากการได้สัมผัสพูดคุย หากยังมิได้แน่ใจสถานะคนตรงหน้า นางจะไม่หยุดตรวจสอบทั้งสองคนเพราะการคาดเดา
“ท่านอาไม่เป็นอันใดกระมัง” ซินโย่วปล่อยมือ
“ไม่เป็นอันใด ไม่เป็นอันใด” ฮว่าไต้จ้าวเห็นใบหน้าชายหนุ่มที่มีเพียงความห่วงใย ก็สงบจิตใจลงได้มาก “เมื่อครู่ต้องขอบคุณท่านแล้ว”
ครั้งนี้กล่าวขอบคุณจากใจแท้จริง
“ตกพื้นหมดแล้ว” ซินโย่วมองของบนพื้น ก้มลงไปเก็บด้วยสีหน้าเสียดาย
“อย่าทำให้มือน้องชายเปื้อน ข้าเก็บเอง” ฮว่าไต้จ้าวรีบเก็บแก้วและชามพู่กันกับหมึกบนพื้นขึ้นมา
สีหกเลอะมือฮว่าไต้จ้าว แต่เขาไม่คิดสนใจ เพียงแค่เอ่ยเบาๆ ว่า “แตกหมดแล้ว…”
ซินโย่วแอบช่วยฮว่าไต้จ้าวเก็บของที่ยังพอเก็บได้
ฮว่าไต้จ้าวยังระแวงว่าจะถูกสหายขุนนางสงสัยเรื่องการปลอมตัวของเขา จึงรีบเอ่ยขอบคุณไม่หยุด
“ท่านอาเป็นจิตรกรหรือ”
“ใช่”
“ท่านอาถนัดวาดอันใด” ซินโย่วเห็นมือฮว่าไต้จ้าวเปื้อนสี คิดเช็ดเสื้อแต่ก็ไม่ได้ทำ จึงส่งผ้าเช็ดหน้าให้
ผ้าเช็ดหน้าทำจากฝ้ายเนื้อละเอียดพับเรียบร้อย มองดูก็รู้ว่าของใหม่
“มิได้ๆ” ฮว่าไต้จ้าวโบกมือ สีสะบัดโดนแขนเสื้อซินโย่ว
ฮว่าไต้จ้าวมองตาค้าง
เขาชดใช้ไม่ไหวนะ!
“ไม่เป็นอันใด” ซินโย่วใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดแขนเสื้อตนเอง ก่อนส่งให้ “ท่านอาเช็ดมือเถอะ ไม่เช่นนั้นคงได้ทำที่อื่นเปื้อนไปด้วย”
ฮว่าไต้จ้าวจึงได้รับมาเช็ดมือไปก็ตอบคำถามเมื่อครู่ของซินโย่วไป “ข้าถนัดวาดรูปคน”
“เช่นนั้นขอท่านอาวาดให้ข้าสักภาพ”
“น้องชายอยากวาดจริงหรือ” ฮว่าไต้จ้าวมองดูชายหนุ่มอารมณ์ดี นึกภาพเชื่อมโยงกับสถานะบุตรบุญธรรมของฮองเฮาไม่ออกเลยจริงๆ
ซินโย่วกะพริบตา “คงมิใช่ว่าวาดภาพหนึ่งแพงมากกระมัง”
“ไม่แพง ภาพหนึ่งแค่หนึ่งตำลึง”
หนึ่งตำลึง ด้วยฝีมือการวาดภาพของฮว่าไต้จ้าวเรียกได้ว่าถูกเกินไปแล้ว แต่การมาตั้งแผงริมทางย่อมไม่เหมือนยามปกติ
สำหรับชาวบ้านธรรมดา นี่คือราคาที่สูงแล้ว
กังวลว่าจะทำให้ซินโย่วตกใจหนีไป ฮว่าไต้จ้าวรีบเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หนึ่งตำลึงไม่นับว่าแพง”
นี่เขาไม่อาจลดราคาได้ต่ำกว่านี้อีกแล้ว มิเช่นนั้นเขายอมอดตาย ยากจนตาย!
“ท่านอาวาดได้ดีเช่นนี้ หนึ่งตำลึงไม่แพงจริงๆ”
ฮว่าไต้จ้าวคิดว่าซินโย่วเอ่ยวาจาเกรงใจ แต่เห็นนางเก็บกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา ดีดฝุ่นบนกระดาษเบาๆ
นั่นคือภาพวาดหมู่ที่ตอนเช้าฮว่าไต้จ้าวรู้สึกเบื่อ เห็นคนเดินไปมาก็วาดไปอย่างนั้น คนแต่ละคนราวกับมีชีวิต ฝีมือวาดยอดเยี่ยมมาก
ฮว่าไต้จ้าวดูท่าทางชายหนุ่มประคองภาพวาดขึ้นมาเป่าฝุ่น ขอบตาก็พลันร้อนผ่าว
“ท่านอา เชิญวาดได้” ซินโย่วกางขาคร่อมเก้าอี้ลงนั่ง
ฮว่าไต้จ้าวพยักหน้า คลี่กระดาษออก ค่อยๆ วาดโครงร่างของชายหนุ่มที่ละจุด
ไม่นาน ภาพวาดคนก็เสร็จสมบูรณ์
“เสร็จแล้ว” ฮว่าไต้จ้าวผ่อนลมหายใจเบาๆ
ตั้งแต่ตั้งแผงขายภาพวาด เขาไม่เคยได้จริงจังเช่นนี้มานานแล้ว
“ท่านอาเขียนอะไรให้ข้าสักประโยคได้หรือไม่” ซินโย่วชี้ไปบนที่ว่างบนภาพ
ฮว่าไต้จ้าวอึ้งไปก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ”