ตอนที่ 737 ผีหมอน ยอมจำนนโดยไม่สู้
หากเอ่ยถึงความแปลกประหลาดของบุตรสาว หรงอันจวิ้นจู่รู้สึกละอายใจและอึดอัดมาก ขอถามหน่อยเถิดว่าจะมีกุลสตรีในห้องหอบ้านไหนที่มีท่าทางยั่วยวนเช่นนี้บ้าง
จู่ๆ ซืออวิ๋นของนางก็กลายเป็นแบบนี้ไป
ตอนแรกมู่ซืออวิ๋นก็เพียงเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวมาชอบสีแดงสดและสีม่วงเหล่านั้น นางก็ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ถึงอย่างไรบุตรสาวของนางก็อยู่ในวัยแรกแย้มพอดี แต่งเสื้อผ้าสีสันสดใสก็ได้อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีบุตรสาวของนางงดงามอยู่แล้ว
แต่เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ค่อยๆ เผยออกมาเล็กน้อย แล้วนางก็เพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติ เรื่องที่ทำให้นางกลัวมากที่สุดก็คือ สีหน้าของบุตรสาวนางผิดปกติ ใบหน้าเล็กๆ ที่เคยสว่างสดใสและแดงเรื่อเริ่มซีดเซียว ใต้ตาหมองคล้ำ แต่อากัปกิริยาท่วงท่าของนางกลับมีเสน่ห์ยั่วยวน มีครั้งหนึ่งที่นางถึงกับเห็นว่าสีหน้าของนางแสดงความสุขสม
ในฐานะคนที่เคยสัมผัสมาแล้ว นางย่อมเข้าใจดี เห็นได้ชัดว่าเป็นเสน่ห์ที่มาจากการร่วมรักระหว่างชายหญิง
หรงอันจวิ้นจู่หวาดกลัวมากจนอ่อนแรงไปหมด ใบหน้าก็ซีดขาว
ชื่อของบุตรสาวนางอยู่ในรายชื่อสำหรับคัดเลือกนางสนมแล้ว แต่นางกลับแสดงอาการสุขสมเช่นนี้ นางจะเข้าเมืองหลวงเพื่อคัดตัวนางสนมได้อย่างไร แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ ยังไม่ออกเรือน แต่ก็มีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว ใครเห็นเข้า บุตรสาวของนางก็ไม่ต้องแต่งงานออกเรือนกันแล้ว
หรงอันจวิ้นจู่ตกใจมากจน นางกักตัวบ่าวรับใช้ในเรือนบุตรสาวทันทีเพื่อซักถาม แต่ทุกคนต่างก็บอกว่าบุตรสาวของนางไม่เคยพบกับบุรุษผู้ได้เลย
สาวใช้คนหนึ่งเล่าว่า มีอยู่คืนหนึ่งที่นางดูเหมือนจะได้ยินเสียงคุณหนูครวญครางและหัวเราะเบาๆ นางจึงเข้าไปดูและเห็นว่านางก็แค่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ จึงนึกว่าตนเองได้ยินผิดไป
หรงอันจวิ้นจู่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ จึงให้หมอประจำจวนมาตรวจชีพจรของนาง เขาก็บอกว่านางไม่มีอะไรผิดปกติ แค่ชี่และเลือดพร่องไปบ้างเท่านั้น สั่งยาบำรุงชี่และเลือดก็พอแล้ว
นางยังไม่วางใจ จึงแอบวางยามู่ซืออวิ๋นให้หลับไป และขอให้หมัวหมัวที่เชี่ยวชาญตรวจร่างกายของนางอย่างละเอียด ก็พบว่านางยังไม่ได้มีอะไรเสียหาย
เรื่องนี้ทำให้หรงอันจวิ้นจู่รู้สึกแปลกๆ ในเมื่อนางไม่เป็นอะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับสีหน้าของนาง แล้วยังเสน่ห์ยั่วยวนที่นางแสดงออกมานั่นอีก มันคืออะไรกัน
มันเป็นเสน่ห์แบบที่คนผ่านเรื่องอย่างว่ามาแน่นอน นางไม่มีทางมองผิด
หรงอันจวิ้นจู่เห็นว่าอาการของมู่ซืออวิ๋นแย่ลงเรื่อยๆ นางเอาแต่อยากจะนอนทั้งวัน นิสัยของนางก็เริ่มแปลกประหลาดขึ้นทุกที ยังเรียกหาโจวหลางอะไรก็ไม่รู้ ในที่สุดนางก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
บุตรสาวของนางต้องหลงวิญญาณชั่วร้ายอยู่แน่!
หรงอันจวิ้นจู่ไม่กล้าเชิญภิกษุแม่ชีมีชื่อเสียงเหล่านั้นมาที่จวนอย่างเอิกเหริก เพราะเกรงว่าหากข่าวแพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของบุตรสาวนางจะเสียหายไปอย่างสิ้นเชิง เป็นการยากที่จะบอกว่านางจะสบายดีหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะเข้าเมืองหลวงร่วมการคัดเลือกนางสนมเผื่อจะได้มีอนาคตที่ดี จะได้แต่งงานออกเรือนกับคู่ครองดีๆ ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย
ดังนั้นนางจึงสั่งให้คนไปเชิญปรมาจารย์ที่ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาเหล่านั้นมา จึงได้นักพรตเฒ่าและศิษย์ผู้นี้มา
ใครจะไปคิดว่านักพรตเฒ่าที่ดูมีความเป็นเซียน ยามกวัดแกว่งกระบี่ไม้ท้อก็ดูเข้าที แต่สุดท้ายก็ดีแต่เปลือกนอกเท่านั้น ใช้การไม่ได้จริงๆ
ส่วนคนที่โผล่ออกมาจากกลางอากาศผู้มีความสามารถ แต่นิสัยของนางแปลกประหลาดและน่าโมโหจริงๆ แต่ก็ยังต้องพูดจาดีๆ กับนางเพราะวิญญาณชั่วร้ายนั่นยังไม่ไปไหน
หลังจากที่ฉินหลิวซีได้ฟังสิ่งที่หรงอันจวิ้นจู่เล่าให้ฟังแล้ว ก็เอ่ยขึ้นว่า “แม้ว่าร่างกายของนางจะยังไม่มีอะไรเสียหาย แต่ในความฝันนางกับผีร้ายนั่นก็ร่วม…”
“แค่กๆๆ” ลู่สวินไอไม่หยุด
ฉินหลิวซีเหล่มองเขา “ป่วยเพราะฤดูใบไม้ร่วงเร็วเพียงนี้เลย?”
ลู่สวินเอ่ย “ท่านจัดการวิญญาณชั่วร้ายนั้นดีกว่า ถ้าเขาทำเช่นนี้กับคุณหนูมู่ได้ ก็ทำร้ายแม่นางผู้อื่นได้เช่นกัน”
ใบหน้าของหรงอันจวิ้นจู่เดี๋ยวก็เขียวเดี๋ยวก็ซีด นางเอ่ย “ใช่แล้ว ท่านอาจารย์โปรดช่วยลูกข้าด้วย”
ฉินหลิวซีสาวเท้าเดินเข้าไปในเรือนเล็กๆ ลู่สวินเองก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
สายเกินกว่าที่หรงอันจวิ้นจู่จะห้ามพวกเขาได้แล้ว นางมองพวกเขาเดินเข้าไปตาปริบๆ แม้ว่านางจะกลัว แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามพวกเขาเข้าไปเท่านั้น
“เร็วเข้า เราก็ไปดูกันเถิด” นักพรตเฒ่าแหย่ซานหยวน
ฉินหลิวซีเดินตรงไปถึงห้องนอนของมู่ซืออวิ๋นโดยไม่ต้องให้ใครมานำทาง สายตาของนางหยุดอยู่ที่หมอนหยกขาวแกะสลักเป็นนกยวนยางและดอกบัวที่อยู่บนเตียงปาปู้
“อยู่ไหนหรือ” ลู่สวินถาม
ฉินหลิวซีบุ้ยใบ้ “มันเป็นหมอนผี”
หรงอันจวิ้นจู่แทบหยุดหายใจ มองไปทางหมอนหยกแล้วถามว่า “หมอนผี นี่ไม่ใช่หมอนหยกหรือ หยกไม่ได้ทำให้จิตใจสงบและปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายหรือ”
“ทำให้จิตใจสงบ และสามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเรียบๆ “ผีหมอนตนนี้อาจเป็นเจ้าของหมอนหยกดั้งเดิมหรือถูกดึงดูดเข้าไปด้วยอะไรบางอย่าง และหล่อเลี้ยงวิญญาณอยู่ในหมอนหยก เพิ่มพลังผีของตัวเอง แล้วใช้มันเป็นสื่อกลาง สร้างโลกมายาเล็กๆ ขึ้นมา จากนั้นดึงดูดสตรีเข้าไปในความฝันและร่วมรัก ทำทุกอย่างที่ต้องการ และดูดซับแก่นหยินของสตรีผู้นั้น”
หรงอันจวิ้นจู่โงนเงนไปมา สีหน้าซีดเผือด
“ดังนั้น คุณหนูมู่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องก็จริง แต่เมื่อนางอยู่ในความฝัน นางก็ร่วมรักกับผีหมอนทุกวันทุกคืน เมื่อปล่อยตัวตามความต้องการมากเกินไป จึงสูญเสียแก่นหยินทั้งหมดไป ส่งผลให้น้ำในไตไม่เพียงพอ และหมดเรี่ยวหมดแรง”
หรงอันจวิ้นจู่ขบฟันด้วยความละอายและไม่กล้ามองลู่สวินที่ยืนอยู่ข้างๆ นางแล้ว
อนาคตของบุตรสาวนางจบสิ้นแค่นี้หรือ
ถึงอย่างไรลู่สวินเป็นหลานชายของฝ่าบาท หากเขาเอาเรื่องนี้ไปเอ่ยขึ้นมา ตระกูลของนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
นักพรตเฒ่าและซานหยวนฟังอยู่ เป็นอย่างนั้นหรือ พวกเขายืดคอขึ้นมองหมอนหยก แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
ช่องว่างระหว่างคนเรามันใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ
หรงอันจวิ้นจู่เกลียดผีร้ายตนนั้นมาก “ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก รีบกำจัดวิญญาณชั่วร้ายตนนั้นไปเถิด”
ฉินหลิวซีถอดกำไลหินเก้าตาออกมาแล้วเดินเข้าไป หยิบหมอนหยกขึ้นมา ขณะที่กำลังจะแนบลงไปก็มีควันสีดำออกมาจากหมอนหยก
“ไว้ชีวิตด้วย ท่านปรมาจารย์ ไว้ชีวิตด้วย” ผีหมอนคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหลิวซีตัวสั่นเทา
หรงอันจวิ้นจู่ตกใจมากจนต้องหลบข้างหลังลู่สวิน
พวกนักพรตเฒ่าโกรธมากจนกัดฟันกรอด เมื่อครู่นี้ผีร้ายนี่ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์และอ่อนแอเช่นนี้
ตอนนี้ฉินหลิวซีก็เพียงหยิบกำไลหินเก้าตาขึ้นมาถือไว้ในมือ เขาก็ออกมาและคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้
ดูถูกกันมากทีเดียว!
ความอวดดีนั้น ความหยิ่งยโสนั้น ความชั่วร้ายนั่นหายไปไหนหมดแล้ว
อย่างน้อยต้องต่อสู้กันสักสามร้อยรอบ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ต่อสู้กันนานอย่างนั้น แต่ก็ยังดีกว่ายอมจำนนโดยไม่สู้เลยแบบนี้
ซานหยวนรู้สึกสงสารตัวเองเล็กน้อย น้ำตาวัวสองหยดที่เขาอุตส่าห์รอเก็บอยู่สิบวันนั้นสูญเปล่า
ฉินหลิวซีมองไปที่ผีหมอนที่ดูไม่รู้ว่าชายหรือหญิงแล้วเอ่ยหยัน “เจ้าก็ช่างเอาตัวรอดไปวันๆ”
ผีหมอนยิ้มอาย มองดูกำไลหินเก้าตาที่นางกำลังเล่นอยู่ในมือด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของใต้เท้า ขอแค่ใต้เท้าปล่อยข้าน้อยไปสักครั้ง ข้าน้อยยินดีที่จะเป็นทาสผีของใต้เท้า ยอมรับใช้และปฏิบัติตามคำสั่งใต้เท้า”
ล้อเล่นกันหรือ หากเขาไม่ร้องขอความเมตตา จะให้รอถูกกำไลหินเก้าตาของเทพเฟิงตูทุบตีจนวิญญาณแหลกสลายงั้นหรือ
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือผี เขาก็เป็นหนึ่งในตัวละครเล็กๆ ที่สามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้
หรงอันจวิ้นจู่เอ่ยดุขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ผายลม เจ้าทำให้บุตรสาวของข้าน่าเวทนาเพียงนี้ ยังกล้าขอให้ท่านอาจารย์ปล่อยเจ้าไปอีกหรือ ท่านอาจารย์ รีบทุบตีเขาให้วิญญาณแหลกสลายไปเลยเถิด”
หมอนผีมองมา ดวงตาคู่นั้นแดงราวกับสีเลือด ไอผีที่น่ากลัวรั่วไหลออกมา ทำให้หรงอันจวิ้นจู่ตกใจกลัวจนตัวแข็งทื่อและสั่นเล็กน้อย
ฉินหลิวซีโบกกำไลหินเก้าตาตีไอผีของเขาสลายไป “ต่อหน้าข้ายังกล้าแผ่ไอผี เจ้าอยากตายหรือ”