บทที่ 897 สะกดรอย (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ลู่​เซิ่งกับ​จันทรา​ม่วง​ปะทะ​กัน​ไม่ถึงครึ่ง​วินาที​ แต่ว่า​คลื่น​สั่นสะเทือน​ที่​ระเบิด​ออกมา​ กระจาย​จาก​ข้างใต้​และ​ด้านหลัง​คน​ทั้งสอง​ การ​สั่นสะเทือน​อัน​น่ากลัว​มาก​พอที่จะ​ทำลาย​ดาวเคราะห์​สอง​สาย​ ถูก​ผนัง​รอบ​ๆ ดูดซับ​เข้าไป​เปลี่ยนแปลง​และ​กลืน​กิน​ทีละ​ชั้น​ จน​ไม่เหลือ​แม้แต่​เศษเสี้ยว​เดียว​

“พลัง​แข็งแกร่ง​จริงๆ​…!” จันทรา​ม่วง​ยัน​หอก​ยาว​ลง​กับ​พื้น​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

นาง​วิเคราะห์​ใน​เบื้องต้น​ได้​ว่า​ ถ้าลู่​เซิ่งออก​ดาบ​เช่น​เมื่อ​ครู่​ถึงสิบ​ดาบ​ อย่างนั้น​วิชา​หอก​คุ้ม​กันที่​นาง​ใช้เมื่อ​ครู่​ก็​จะถูก​ฉีก​ได้​อย่าง​สมบูรณ์​

สำหรับ​อนธการ​มายา​พิศวง​คน​หนึ่ง​ การ​ออก​สิบ​ดาบ​ใน​ครึ่ง​วินาที​เท่ากับ​คนธรรมดา​ต่อย​หมัด​หนึ่ง​หมัด​ใน​สิบ​วินาที​

“ยัง​ดี​ที่​ข้า​เป็น​ผู้ปกครอง​สาย​อิทธิฤทธิ์​…การสู้​ระยะ​ประชิด​ไม่ใช่จุดเด่น​ของ​ข้า​ สู้ไม่ไหว​ก็​ไม่ถือว่า​เป็น​อะไร​ แต่​ถ้าเป็น​อิทธิฤทธิ์​ ข้า​สามารถ​ผลาญ​พลัง​มัน​จนตาย​จาก​ระยะไกล​ได้​” จันทรา​ม่วง​ใคร่ครวญ​ใน​ใจ

ลู่​เซิ่งไม่ได้​คิดมาก​ขนาด​นั้น​ ดาบ​เมื่อ​ครู่​เขา​ไม่ได้​ออม​มือ​จริงๆ​ เป็น​พลัง​สูงสุด​ใน​สภาพ​นี้​ เพียงแต่​เขา​ไม่ได้​เปลี่ยนเป็น​ร่าง​หลัก​แล้ว​ลงมือ​เท่านั้น​

ร่าง​สมบูรณ์​ที่​แท้จริง​ของ​เขา​ เป็น​ยักษ์​สูงมากกว่า​หมื่น​หมี่​ที่เกิด​จาก​การ​รวมตัว​ของ​เทพ​ปีศาจแห่ง​สายลม​กับ​กระเรียน​ยักษ์​พัน​เท​วะ​ มีพลัง​ประมาณ​สิบ​สองเท่า​ของ​ตอนนี้​

ส่วน​ร่าง​สูงสุด​ คือ​การ​เปิดโลก​รูป​จิต​ แล้ว​รวม​พลัง​ด้านใน​ไว้​ด้วยกัน​ เป็น​สภาพ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ และ​อันตราย​ที่สุด​ มีพลัง​เก้า​สิบ​เท่า​ของ​ร่าง​สมบูรณ์​

เขา​เคย​เปิด​ใช้สภาพ​นั้น​เพื่อ​ต่อสู้​กับ​ฝูงเทพ​นอกรีต​ สภาพ​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ที่​ขอ​เพียง​ตาย​ใน​ครั้ง​เดียว​ ก็​จะดับสูญ​โดยสิ้นเชิง​นั้น​

ถ้าไม่ถูก​บีบคั้น​ถึงขีดจำกัด​ เขา​ย่อม​ไม่มีทาง​ใช้สภาพ​นั้น​เด็ดขาด​

ทั้งสอง​สบตา​ต่าง​ยิ้ม​อย่าง​เฉิดฉัน​

“เจ้านคร​ตราชั่ง​สมคำ​ร่ำ​ลือ​จริงๆ​” ลู่​เซิ่งสลัด​เงาลวง​ด้าน​หลังกับ​ดาบ​ดำ​ใน​มือ​ทิ้ง​

จันทรา​ม่วง​สะบัด​มือเบา​ๆ โยน​หอก​ยาว​ใน​มือ​ออก​ไป ควบคุม​ให้​มัน​บิน​เข้า​ใน​ราว​เก็บ​หอก​ที่อยู่​ไม่ไกล​

“พรสวรรค์​ของ​สหาย​ลู่​ทำให้​ข้า​ตกตะลึง​จริงๆ​ อ้อ​ คน​ที่​ท่าน​พา​มาใน​ครั้งนี้​หลัง​จากไป​ระบบ​ดาว​ปร​ภพ​คือ​ใคร​หรือ​… แน่นอน​ว่า​ถ้าไม่สะดวก​บอก​ก็​ไม่เป็นไร​”

ลู่​เซิ่งส่ายหน้า​

“เป็น​คนรู้จัก​เก่า​ ข้า​พบ​นาง​ได้รับบาดเจ็บ​อยู่​ใน​ระบบ​ดาว​”

“อย่างนี้​หรอก​หรือ​ หาก​ยึด​ตาม​คำพูด​ของ​ปรมาจารย์​ศาสตร์​แพทย์​หลาย​คน​ อาการ​บาดเจ็บ​ของ​นาง​ยุ่งยาก​อย่างยิ่ง​ หาก​มีวัตถุดิบ​ยา​พิเศษ​ที่​จำเป็น​ สหาย​ลู่​สามารถ​บอก​ได้​เลย​ ข้า​จะมอบ​คลัง​ทั้งหมด​ใน​จวน​เจ้านคร​ให้​ท่าน​ใช้” จันทรา​ม่วง​กล่าว​อย่าง​ใจกว้าง​

ถึงอย่างไร​ของล้ำค่า​ที่​แท้จริง​ของ​นาง​ก็​อยู่​ใน​คลัง​ลับ​ คลัง​จวน​เจ้านคร​เป็น​สถาน​ที่เก็บ​ของ​เล็ก​ๆ ที่​ไม่ล้ำค่า​ส่วนหนึ่ง​เท่านั้น​

แต่​การ​พูด​แบบนี้​แสดงให้เห็น​ถึงความใจกว้าง​เปิดเผย​ หาก​คนอื่น​ได้ยิน​ แม้แต่​คลัง​ของ​ตัวเอง​ก็​ให้​ท่าน​เลือก​ตามใจ​ นี่​ถือว่า​อุทิศ​กาย​อุทิศ​ใจต่อ​ท่าน​ มักจะ​ซาบซึ้ง​กัน​อยู่แล้ว​

ต่อให้​เป็น​ชนชั้น​ที่​มีความคิด​ลึกซึ้ง​อย่างไร​ ก็​แปรเปลี่ยน​ความประทับใจ​เพราะเหตุนี้​

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ขอบคุณ​ความ​ใจดี​ของ​เจ้านคร​แล้ว​”

“ยังมี​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​” จันทรา​ม่วง​ใคร่ครวญ​เล็กน้อย​ “บอก​ท่าน​ตามตรง​ แม้ว่า​ใน​ที่แจ้ง​ของ​นคร​ตราชั่ง​จะเป็น​ข้า​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ แต่​ความจริง​มีผู้​มีความสามารถ​เร้น​กาย​อยู่​ใน​นคร​ไม่น้อย​ ข้า​เป็น​เพียง​ผู้ปกครอง​สาย​หนึ่ง​ที่​ถูก​คัดเลือก​เท่านั้น​ เป็น​สาขา​ที่​เป็นตัวแทน​ขุม​กำลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ ดังนั้น​จึงไม่ได้​ยิ่งใหญ่​แต่​เพียงผู้เดียว​ คำพูด​ไม่ได้​มีประกาศิต​เหมือน​สามสำนัก​”

“ท่าน​อยาก​จะบอก​อะไร​หรือ​ ขุม​กำลัง​อื่น​มีปัญหา​ใช่หรือไม่​” ลู่​เซิ่งถาม

จันทรา​ม่วง​พยักหน้า​ “เป็น​ตระกูล​จ้าว​ คน​ของ​ตระกูล​จ้าว​ต้องการ​พบ​ท่าน​ ถ้าหาก​ทำได้​ ท่าน​ลอง​หยั่งเชิง​ดู​สักหน่อย​ แม้ใน​ที่แจ้ง​นคร​ตราชั่ง​จะมีผู้ปกครอง​แค่​สอง​คน​ แต่​ท่าน​คิด​ว่า​ผู้ปกครอง​แค่​สอง​คน​สามารถ​รักษา​เมือง​ขนาด​ยักษ์​ที่อยู่​ใน​ทำเล​ดี​แบบนี้​ หรือ​รักษา​สภาพแวดล้อม​ของ​เมือง​แห่ง​ความยุติธรรม​ที่​ใหญ่​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​”

ลู่​เซิ่งฉุกใจ​นึกได้​ “เข้าใจ​แล้ว​…ข้า​จะลอง​พบ​พวกเขา​ดู​”

เป็น​อย่าง​ที่ว่า​จริงๆ​ นคร​ตราชั่ง​รักษา​ตำแหน่ง​กับ​ทรัพยากร​พิเศษ​ได้​อย่าง​มั่นคง​ดุจ​ขุนเขา​ท่ามกลาง​ขุม​กำลัง​ระดับ​ผู้ปกครอง​มากมาย​ เห็น​ได้​ว่า​มัน​ต้อง​มีไพ่ตาย​พิเศษ​เป็น​ของ​ตัวเอง​แน่นอน​

ลู่​เซิ่งที่​ได้รับ​การ​แจ้งเตือน​ด้วย​ความปรารถนาดี​ของ​จันทรา​ม่วง​ ก็​ออกจาก​จวน​เจ้านคร​มาใน​เวลา​ใกล้​ค่ำ​แล้ว​

ช่วงนี้​นคร​ตราชั่ง​เริ่ม​เลียนแบบ​วัฏจักร​ปกติ​ของ​กลางวัน​กลางคืน​ เวลา​ปรับ​เป็นหนึ่ง​วัน​มียี่​สิบห้า​ชั่วโมง​ตาม​มาตรฐาน​

ด้านนอก​มีรถ​พิเศษ​ของ​สำนัก​นที​คราม​รอ​อยู่​ มังกร​สีดำ​ดุร้าย​สอง​ตัว​ที่​มีเขา​สามข้าง​ ลาก​รถ​ทรง​รี​คัน​หนึ่ง​ รอบ​รถ​มีหนาม​แหลมคม​ยื่น​ออก​ไป รอบข้าง​ยังมี​ยักษ์​สูงใหญ่​ร่าง​บึกบึน​และ​มีผิว​เป็น​สีทอง​จางเป็น​องครักษ์​ประจำ​รถ​ด้วย​

นี่​เป็นหนึ่ง​ใน​รถ​ระดับ​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​นที​คราม​ ถูกลู่​เซิ่งเลือก​มาใช้เห็น​พาหนะ​ส่วนตัว​

รถ​นี้​ดู​ธรรมดา​ แต่​ไม่ว่า​จะเป็น​มังกร​ดำ​หรือ​ยักษ์​ ต่าง​ก็​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​รถ​ พวก​มัน​แสดง​พลัง​ใน​ขอบเขต​ลวงตา​ได้​เป็น​อย่าง​น้อย​ภายใต้​การ​เพิ่ม​พลัง​จาก​ค่าย​กล​

พลัง​แบบนี้​มาก​พอ​จะไล่​พวก​โจร​ได้​

แต่​เพราะเหตุนี้​ ยักษ์​และ​มังกร​ดำ​พวก​นี้​ก็ได้​แต่​อยู่​ห่าง​จาก​รถ​ใน​อาณาเขต​ไม่เกิน​พัน​หมี่​เช่นกัน​

ลู่​เซิ่งขึ้นรถ​ รถ​มังกร​ดำ​ทะยาน​ขึ้น​ฟ้า บิน​ไปยัง​สถานที่​ที่​เขา​พักอาศัย​

บิน​อ้อม​เมือง​ครึ่ง​รอบ​ ไม่นาน​เขา​ก็​ลง​จอด​หน้า​ตึก​สีดำ​ห้า​ชั้น​แห่ง​หนึ่ง​อย่าง​ช้าๆ

พอ​ลงรถ​ นอก​ตึก​ก็​มีคน​สวม​ชุด​ดำ​ที่​รอ​อยู่​แต่แรก​พา​กัน​เข้า​มาหา​

“ท่าน​เจ้าสำนัก​ คน​ผู้​นั้น​ตื่น​แล้ว​ ต้องการ​พบ​ท่าน​” คน​คน​หนึ่ง​เอ่ย​เสียง​แผ่ว​

“ทราบ​แล้ว​ พวก​เจ้าถอย​ไปก่อน​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​และ​เดิน​เข้าไป​ผลัก​ประตู​ตึก​เล็ก​

ตัด​ทะลุ​โถงชั้นหนึ่ง​ เลี้ยว​ไปทางซ้าย​ เข้าไป​ใน​ระเบียง​แคบ​ๆ เส้น​หนึ่ง​ เดิน​ถึงหน้า​ห้อง​ที่สาม​ ลู่​ซิ่งยื่นมือ​ไปเคาะ​ประตู​เบา​ๆ

ก๊อก​ๆ

“ใคร​!?” เสียง​ของ​เฮย​จิน​ดัง​ออก​มาจาก​ด้านใน​อย่าง​ระวังตัว​

“ข้า​เอง​ลู่​เซิ่ง”

“…เข้ามา​ได้​…” เฮย​จิน​เงียบ​ไป จากนั้น​ก็​กล่าวตอบ​ทันที​ เสียง​ก็​ผ่อนคลาย​ลง​เช่นกัน​

ลู่​เซิ่งเปิด​ประตู​เข้าไป​ สายลม​ใน​ห้อง​พัด​ม่าน​สีขาว​พลิ้วไหว​ และ​ผม​ยา​วสี​ดำ​นุ่ม​สลวย​ของ​เฮย​จิน​สยาย​ขึ้น​เป็นระยะ​

นาง​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​หน้าต่าง​หันหน้า​กลับมา​มอง​อย่าง​เงียบๆ​

“ผ่าน​ไปหลาย​ปี ดีใจ​มาก​ที่​ได้​พบ​เจ้าอีกครั้ง​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​เสียงต่ำ​ พลาง​พลิก​มือ​ปิดประตู​

เฮย​จิน​ไม่ได้​ตอบสนอง​ หลังจาก​ได้​รู้เรื่อง​ของ​บิดา​ นาง​ก็​อยู่​ใน​สภาพ​นี้​มาโดยตลอด​

ไม่ได้​เสียใจ​ ไม่ได้​เจ็บปวด​ หรือ​เสียดาย​ เหมือนกับ​ชาชิน​แล้ว​ การ​ตอบสนอง​จึงช้าลง​ไปหนึ่ง​จังหวะ​

“ได้ยิน​มาว่า​เจ้าอยาก​พบ​ข้า​ ข้า​เลย​มาหา​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อีกครั้ง​ “เจ้าสบายดี​หรือ​ไหม​ การฟื้นตัว​เป็น​อย่างไร​”

เฮย​จิน​เหม่อ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ค่อย​ได้สติ​กลับมา​ และ​กล่าว​อย่าง​ช้าๆ

“ยัง​ดี​…เพียงแต่​นึกไม่ถึง​ว่า​จะถูก​เจ้าช่วย​ใน​สถานการณ์​แบบ​นั้น​”

“ข้า​เอง​ก็​นึกไม่ถึง​เหมือนกัน​ จะว่า​ไปต้อง​ขอบคุณ​ดาบ​หัก​เล่ม​นั้น​ ถ้าไม่ใช่เพราะ​มัน​ ข้า​ก็​ไม่มีความคิด​สนใจ​เรื่อง​อื่น​จริงๆ​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“อย่างนั้น​หรือ​…” เฮย​จิน​เงียบ​ไปอีกครั้ง​

“ต่อจากนี้​เจ้ามีแผนการ​อะไร​ นอกจากนี้​ บอก​ข้า​ได้​หรือไม่​ว่า​ มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​ย้าย​ไปอยู่​ไหน​” ลู่​เซิ่งถามอีก​

“มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​…ไปยัง​ระบบ​ดาว​เมฆาของ​พันธมิตร​ดวงดาว​ ที่นั่น​เป็น​บ้านเกิด​ของ​นาง​” เฮย​จิน​ตอบ​

“ตำแหน่ง​รูปธรรม​เล่า​”

“ไม่ทราบ​…”

“เช่นนั้น​ก็ดี​ เจ้าพักผ่อน​เถอะ​” ลู่​เซิ่งกำลัง​หมุนตัว​ผละ​จากไป​ สภาพ​ของ​เฮย​จิน​ใน​ตอนนี้​ยัง​ไม่ไหว​อย่าง​เห็นได้ชัด​

“รอเดี๋ยว​” เฮย​จิน​พลัน​เรียก​เขา​

ลู่​เซิ่งหันกลับ​ไปมอง​นาง​

“ครั้งนี้​ ขอบคุณ​มาก​” เฮย​จิน​หันมา​มอง​เขา​อย่าง​จริงจัง​

ลู่​เซิ่งงงงัน​ จากนั้น​ก็​ยิ้ม​น้อย​ๆ

“ก่อนหน้านี้​เจ้าก็​เคย​ช่วย​ข้า​เหมือนกัน​ไม่ใช่หรือ​ พูด​ขอบคุณ​ไปทำไม​กัน​ คิด​ก่อน​ดีกว่า​ว่า​ต่อจากนี้​จะทำ​อย่างไร​”

“ทำ​อะไร​หรือ​” เฮย​จิน​ลังเล​

“ถ้าไม่มีที่​ไป ก็​เข้าร่วม​สมาคม​วิจัย​ความ​ประหลาด​ลี้ลับ​ที่​ข้า​สร้าง​ขึ้น​สิ” ลู่​เซิ่งเสนอ​ “จะว่า​ไป ใน​สมาคม​ขาด​ขุม​กำลัง​ระดับ​สั่งการ​อยู่​หลาย​คน​พอดี​”

“สมาคม​วิจัย​ความ​ประหลาด​ลี้ลับ​หรือ​” เฮย​จิน​เอ่ย​อย่าง​แปลกใจ​ “ตอนนี้​ข้า​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ มีพลัง​ไม่ถึงหนึ่ง​ใน​พัน​ส่วน​ของ​พลัง​เดิม​ด้วยซ้ำ​…ยัง​เข้าร่วม​ได้​หรือไม่​”

“แม้จะไม่ถึงหนึ่ง​ใน​พัน​ส่วน​ของ​พลัง​เดิม​ แต่​เจ้าก็​กำลังจะ​ก้าว​สู่ขอบเขต​ลวงตา​แล้ว​ เมื่อ​ขอบเขต​ยังอยู่​ อีกไม่นาน​พลัง​ก็​จะกลับมา​เอง​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​ไม่นำพา​

“…” เฮย​จิน​นิ่ง​ไปเล็กน้อย​

“ลอง​ใคร่ครวญ​ดูเถอะ​ สมาคม​วิจัย​มีห​ลี่​ซุ่น​ซีรับผิดชอบ​ ตอนนี้​อยู่​ภายใต้​สำนัก​นที​คราม​ จริง​สิ ถือโอกาส​บอก​ด้วย​เลย​ก็แล้วกัน​ ตอนนี้​ข้า​เป็น​เจ้าสำนัก​นที​คราม​” ลู่​เซิ่งผลัก​ประตูออก​ไป ทิ้ง​ประโยค​หนึ่ง​ไว้​ก่อน​ผละ​ไปอย่าง​ผ่าเผย​

เขา​ไม่สนใจ​ว่า​เฮย​จิน​จะมีปฏิกิริยา​อย่างไร​ ตัว​เขา​ทราบ​ว่า​นาง​รู้​ความลับ​ของ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​มากมาย​และ​จะเป็น​ผู้ช่วย​ที่​ดี​ที่สุด​ของ​เขา​ใน​การ​รับมือ​มารดา​แห่ง​ความเจ็บปวด​แน่นอน​

พอ​ออก​มาจาก​ห้อง​ ลู่​เซิ่งก็​ขึ้นไป​ชั้น​สาม

หญิงสาว​ที่​แต่งกาย​แปลกประหลาด​เล็กน้อย​คน​หนึ่ง​รอคอย​อย่าง​เงียบๆ​ อยู่​ใน​โถงใหญ่​ชั้น​สาม คล้าย​กับ​รอ​มานาน​แล้ว​

ตอน​ลู่​เซิ่งผลัก​ประตู​เข้ามา​ นาง​ก็​ลุกขึ้น​จาก​เก้าอี้​นุ่ม​และ​หันมา​มอง​เขา​

“ดีใจ​มาก​ที่​ได้​พบ​ท่าน​อีกครั้ง​ ท่าน​หมอ​ลู่​เซิ่ง”

ใบหน้า​ของ​สตรี​ยาม​หันมา​ มีความแน่วแน่​เยือกเย็น​ ปาก​เล็ก​แดงสด​ สายตา​หยาดเยิ้ม​ ชวน​ให้​คน​ลุ่มหลง​

“ข้าน้อย​จ้าว​ลั่ว​อิง​ ครั้งนั้น​ต้อง​ขอบคุณ​ท่าน​หมอ​ลู่​ที่​ช่วยเหลือ​ ครั้งนี้​จึงมาเยี่ยมเยือน​เจ้าค่ะ​” คุณหนู​ใหญ่​ตระกูล​จ้าว​ประสานมือ​โค้ง​ตัว​เล็กน้อย​

เสื้อแขนยาว​ตัวเล็ก​กับ​กระโปรง​สั้น​ลาย​ตาราง​ดำแดง​ของ​นาง​ ขับ​ทรวงอก​อวบ​อิ่ม​ชูชัน​และ​สอง​ขา​กลมกลึง​เรียว​ยาว​ยิ่ง​

ผม​ดำ​นุ่ม​สลวย​ดู​เรียบร้อย​บางส่วน​คลอเคลีย​ไหล่​น่ามอง​ อีก​ส่วน​กระจาย​อยู่​บน​แผ่น​หลัง​

การ​แต่งกาย​แบบนี้​ ทำให้​ลู่​เซิ่งหวน​นึกถึง​นักศึกษา​มัธยม​ที่​เห็น​ตอน​อยู่​ใน​โลก​เทพ​นอกรีต​ขึ้น​มา ขัด​กับ​บรรยากาศ​ของ​โลก​มาร​สวรรค์​โดยสิ้นเชิง​

“คุณหนู​จ้าว​ลั่ว​อิง​มาหา​ข้า​ มีธุระ​อะไร​อย่างนั้น​หรือ​” เขา​ย่อม​จำได้​ว่า​ยาม​ที่​ตน​เพิ่ง​มาถึงนคร​ตราชั่ง​ เวลา​นั้น​พลัง​ยัง​อ่อนแอ​ จึงสมัครงาน​ไปอยู่​ที่​ตระกูล​จ้าว​ซึ่งเป็น​ขุม​กำลัง​ใหญ่​ของ​ที่นี่​ เพื่อ​ขจัด​พลัง​แห่ง​จักรพรรดิ​รัตติกาล​ให้​แก่​จ้าว​ลั่ว​อิง​ผู้​ที่​กำลัง​สลบไสล​

ตอนนี้​สถานะ​และ​ตำแหน่ง​ของ​เขา​ต่าง​ไปจาก​เดิม​ แต่​อีก​ฝ่าย​กลับ​เพียง​พูดถึง​สถานะ​แพทย์​ของ​เขา​ แสดงให้เห็น​ชัด​ว่า​ต้องการ​ติดต่อ​กับ​เขา​ด้วย​ฐานะ​นี้​

“ที่​ลั่ว​อิง​มาใน​ครั้งนี้​ ประการ​แรก​เพื่อ​ขอบคุณ​ใน​บุญคุณ​ช่วยเหลือ​ของ​ท่าน​หมอ​ใน​ตอนนั้น​ ประการ​ที่สอง​ เพื่อ​มาดู​ว่า​คน​ที่​ครอบครอง​ตรา​แห่ง​แก่น​ปฐมใน​นคร​ตราชั่ง​ มีความต้องการ​อะไร​” จ้าว​ลั่ว​อิง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“อ้อ​?” ลู่​เซิ่งตกใจ​ ถึงกับ​เป็น​คน​ของ​ราก​แห่ง​ความว่างเปล่า​หรือ​นี่​

ตอนที่​เขา​รักษา​จ้าว​ลั่ว​อิง​ใน​ตอนนั้น​ ได้​หลอกลวง​ลูกผู้น้อง​ของ​นาง​ชื่อ​จ้าว​เซิ่งอิง​ สร้าง​วิชา​เพิ่ม​เสน่ห์​ของ​ตัวเอง​ให้​อีก​ฝ่าย​ เวลา​นั้น​เขา​จึงได้​สัมผัส​กับ​เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐมที่​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​ตัว​จ้าว​เซิ่งอิง​เข้า​

เวลา​นั้น​คน​ผู้​นั้น​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เชื้อไฟ​ของ​นคร​อมตะ​ เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐม และ​เขา​ก็ได้​ทราบ​จาก​เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐมคนอื่น​ใน​โลก​อีก​ใบ​ว่า​ เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐมใน​ตัว​จ้าว​เซิ่งอิง​น่าจะ​มีสถานะ​สูงสุดขีด​

ตอนนี้​จ้าว​ลั่ว​อิง​ที่​เดิม​เคย​หมดสติ​มาหา​เขา​ ถึงกับ​รู้​ว่า​เขา​ครอบครอง​ตรา​แห่ง​แก่น​ปฐม ไม่รู้​ว่า​คิด​จะทำ​อะไร​

“เจ้ารู้​ได้​อย่างไร​” ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​ หรี่ตา​มอง​อีก​ฝ่าย​

จ้าว​ลั่ว​อิง​หัวเราะ​เสียง​แผ่ว​

“จะว่า​ไป ลูกผู้น้อง​ของ​ข้า​เคย​ได้รับ​การ​ดูแล​จาก​ท่าน​ ตอนนี้​เดิน​บน​เส้นทาง​สมบูรณ์แบบ​ที่​คน​มากมาย​ต่าง​อิจฉา​” นาง​กล่าว​โดย​ไม่ตอบคำถาม​

พอ​นึกถึง​จ้าว​เซิ่งอิง​ ลู่​เซิ่งก็​นึก​ขยาด​เล็กน้อย​

ตอนนั้น​เขา​หลอก​อีก​ฝ่าย​ว่า​เพราะ​กล้ามเนื้อ​ไม่พอ​ เลย​ไม่อาจ​สร้าง​ความงาม​ที่​มากมาย​ได้​

ตอนนี้​ไม่รู้​ว่า​เป็น​อย่างไรบ้าง​

“ดูเหมือน​ความสัมพันธ์​ของ​ตระกูล​จ้าว​กับ​ราก​แห่ง​ความว่างเปล่า​จะล้ำลึก​กว่า​ที่​ข้า​คาด​ไว้​นะ​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​เสียงทุ้ม​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท