บทที่ 1022 เตรียมการป้องการ หาไพ่ตายไว้ในมือ!
ซีผู้งดงามบริสุทธิ์หวนคิดถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมา รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย ดูท่าแล้วบุรุษผู้นั้นจะต้องสำคัญต่อเจ้าอย่างมาก!”
เต่าชราอดเอ่ยออกมาไม่ได้
มันเดินทางกับซีมานานเพียงนี้แล้ว ไม่เคยเห็นซีแย้มยิ้มสดใสงดงามเพียงนี้มาก่อน อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นใคร ต้องมีเสน่ห์มากเพียงใดถึงทำให้นางเป็นเช่นนี้ได้?
“อืม สำคัญยิ่ง!”
ซีพยักหน้าอย่างจริงจัง ในใจของนางหลี่จิ่วเต้านั้นมีความสำคัญเทียบเคียงได้กับบิดาและมารดา
“เป็นผู้ใดกัน? ทรงพลังมากหรือ?”
เต่าชราอดถามซีขึ้นมาไม่ได้
“ไม่ทรงพลัง”
หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าแยกจากเขามาหลายปีมากแล้ว ยามนั้นเขายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่หนทางการฝึกตน ทว่าข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าชีวิตของเขาไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นปุถุชนตลอดไป หลังจากนั้นมาเขาสมควรก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นหรือ”
เต่าชราเบิกตากว้าง มองนางด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเป็นอย่างมาก
ผู้ที่มีความสำคัญกับซีถึงเพียงนี้ แต่เมื่อหลายปีก่อนกลับยังไม่ได้เริ่มเดินบนเส้นทางฝึกตน?
สวรรค์ เกรงว่าต่อให้คนผู้นี้ฝึกฝนทั้งวันคืนไม่ได้พัก แต่ความสำเร็จภายในไม่กี่ปีย่อมมีอย่างจำกัด!
“กลายเป็นนักบุญผู้หนึ่งหรือไม่?”
เต่าชราเอ่ยออกมา
แต่มันทบทวนอีกที เกรงว่าอาจเป็นไปไม่ได้ อย่างไรเสียระยะเวลาก็สั้นเกินไป เพียงไม่กี่ปี การกลายเป็นนักบุญนั้น…ยังดูห่างไกลเกินไปเล็กน้อย
มันเปลี่ยนคำพูด “สามารถจุดเพลิงเทวา…กลายเป็นขอบเขตเทวาได้หรือไม่?”
ปั่ก!
ซียกมือขึ้นเคาะหัวเต่าชรา “อย่าสบประมาทบุรุษตัวน้อยของข้า!”
แต่แม้จะกล่าวเช่นนั้น ภายในใจนางเองก็ไม่ได้คาดหวัง อย่างไรเสียระยะเวลาก็สั้นเกินไป หลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชนผู้หนึ่ง ไม่มีเบื้องหลังอันใด หากต้องการกลายเป็นขั้นเทวาภายในไม่กี่ปี ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด
“อาจจะทำได้”
นางเอ่ยตามหลังหนึ่งประโยค
เต่าชราแยกเขี้ยว อยากเอ่ยออกมาเหลือเกินว่าขนาดเจ้ายังไม่มั่นใจ แต่กลับตีหัวข้า!
“คู่สามีภรรยา แต่ไหนมาล้วนชายแข็งหญิงอ่อน ไม่คิดว่าเจ้าจะตรงกันข้าม”
มันกล่าว “ซ้ำยังแตกต่างเป็นอย่างมาก เจ้าอยากอยู่กับเขาจริงหรือ? ขอบเขตเจ้าอยู่ขั้นใดแล้ว ก้าวข้ามไปถึงขอบเขตล้ำขีด! ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาสามารถกลายเป็นขั้นเทวาเลย จะกลายเป็นนักบุญ จักรพรรดิ หรือกระทั่งเซียน ช่องว่างระหว่างเจ้ากับเขาก็แตกต่างกันมากเกินไป ไม่อาจเทียบได้อย่างสิ้นเชิง!”
“ไม่สำคัญ ข้าไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้”
ซีตอบด้วยสายตาแน่วแน่ “คนที่ข้าชอบก็คือเขา ไม่เกี่ยวกับสิ่งอื่นใด ข้าไม่สนใจว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด!”
“ไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าสนใจหรือ”
เต่าชราส่ายหัว “บุรุษแข็งสตรีอ่อนก็แล้วไปเถิด หากสตรีแกร่งบุรุษอ่อนจึงเกิดปัญหา! บุรุษมีความนับถือตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่เห็นหนทางก้าวข้าม ไม่มีแม้แต่ความหวังจะไล่ตามทัน เจ้าคิดว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกดีหรือไม่? แม้สักระยะหนึ่งอาจไม่มีปัญหา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ย่อมต้องเกิดปัญหาแน่นอน”
“ก็จริง…”
ซีพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่เต่าชราเอ่ยนั้นไม่ผิด
บุรุษนั้นมีความนับถือตนเองเป็นอย่างมาก หากนางทำให้หลี่จิ่วเต้ามองไม่เห็นโอกาสไล่ตามนางทัน จะต้องกระทบกระเทือน ความนับถือตนเองของหลี่จิ่วเต้าอย่างแน่นอน
“เมื่อพบกับเขา ข้าจะต้องกดขอบเขตลง ซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริง ป้องกันไม่ให้เขารู้สึกไม่ดี!”
นางตัดสินใจแล้วว่าหลังจากได้เจอหลี่จิ่วเต้า ไม่ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตใด นางก็จะอยู่ขอบเขตต่ำกว่าขั้นหนึ่ง เพื่อให้ความนับถือตนเองของหลี่จิ่วเต้าไม่ถูกทำร้ายอย่างหนัก
“อืม นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดถึง เจ้าอย่าได้บอกไปว่าตนเองบรรลุขอบเขตล้ำขีดแล้ว สามารถช่วยเขาปรับปรุงขอบเขตได้สบายมาก นั่นจะเป็นปัญหาร้ายแรง”
เต่าชราพยักหน้า ในด้านประสบการณ์ชีวิตของมันนั้นสูงกว่าซีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“แต่ซี เจ้าตัดสินใจที่จะอยู่กับเขาจริงหรือ?”
มันเอ่ยต่อ “ข้ารู้สึกเสมอว่าผู้ที่ปกป้องเจ้าอยู่มีความรู้สึกบางอย่างต่อเจ้า บางที…อาจชอบเจ้าก็เป็นได้ เจ้าไม่คำนึงถึงคนผู้นั้นเลยหรือ?”
ซีสามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ ทั้งยังแข็งแกร่งได้เพียงนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่คอยปกป้องนาง
ร่างเงาผู้นั้นปรากฏขึ้นมาหลายครั้ง ช่วยซีแก้ปัญหาไม่น้อย ถึงจะเป็นเพียงร่างพร่าเลือนไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่มันก็รู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นอาจจะยัง ‘หนุ่ม’ มาก และการคอยดูแลนางก็หาใช่แบบที่ผู้อาวุโสเอาใจใส่รุ่นเยาว์ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามาจากความชื่นชอบซีจริง ๆ
“เจ้าเองก็เคยพูดมาก่อนไม่ใช่หรือ ว่าร่างเงานั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก”
เต่าชรากล่าวต่อ “ตลอดเส้นทางเจ้าก็น่าจะรู้ตัวดี ว่าบนร่างของเจ้าจะต้องมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ ไม่ได้เรียบง่ายธรรมดา บางทีเรื่องในชาติก่อนของเจ้ายังไม่ตื่นขึ้นมา คนผู้นั้นอาจเป็นคนรักของเจ้าในชาติก่อน…”
ร่างของซีสั่นสะท้าน
แน่นอนว่านางยอมรู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเอง เต่าชรากล่าวไม่ผิด มันเป็นไปได้จริง ๆ ว่านางมีความทรงจำของชาติก่อนที่ยังไม่ตื่นขึ้นมา…
คนผู้นั้น… นางรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากจริง ๆ
“ไม่!”
ซีส่ายหัว “ไม่ว่าอดีตชาติของข้าจะเป็นเช่นไร ทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวกับชาตินี้ ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้าในปัจจุบัน ยามนี้ข้ารู้จักเพียงหลี่จิ่วเต้าผู้เดียว!”
นางแสดงท่าทางแน่วแน่ แม้นางอาจจะมีอดีตชาติจริง และมันจะตื่นขึ้นในอนาคต แต่นางก็จะไม่เปลี่ยนใจ
“ข้ายินยอมทำทุกสิ่งเพื่อเขา หากอดีตชาติตื่นขึ้นมาจริง อย่างไรชาตินี้ข้าก็จะเป็นสตรีของเขาเพียงผู้เดียว ต่อให้ข้าต้องกลายเป็นปุถุชนคืนทุกสิ่งกลับอดีตชาติ ข้าก็ยังต้องการที่จะอยู่กับเขา หัวใจของข้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เต่าชราไร้สิ่งใดจะเอ่ยอีก เพียงถอนหายใจอยู่ในใจเงียบ ๆ
บนโลกนี้คิดสิ่งใดแล้วจะทำได้ตามต้องการทุกอย่างหรือ?
หากซีมีอดีตชาติจริง หลังจากอดีตชาติตื่นขึ้น นางจะยังคงจิตสำนึกเอาไว้ได้หรือไม่?
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก อดีตชาติอาจลบล้างจิตสำนึกในชาตินี้จนสิ้นไป
“จะทำสิ่งใดก็ต้องระวังให้ดี เหลือทางถอยเอาไว้ หลังจากพบกล่องสี่เหลี่ยมแล้ว ก็ลองดูเสียว่าสามารถควบคุมพลังกล่องสี่เหลี่ยมได้หรือไม่”
เต่าชรากล่าว
หวังว่าซีจะมีไพ่ตายเก็บเอาไว้ หากสถานการณ์อย่างอดีตชาติตื่นขึ้นมาจริง นางจะได้ยังมีความสามารถต้านทาน ไม่ใช่ถูกลบล้างออกไปทันที
สิ่งเดียวที่อาจเป็นไพ่ตายได้ก็คือกล่องสี่เหลี่ยมแสนลึกลับนั่น
“อืม”
ซีพยักหน้า นางเองก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน จำต้องมีไพ่ตายเอาไว้ในมือเพื่อให้รับมือกับเรื่องราวนอกเหนือความคาดหมายได้
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ทำได้ยากยิ่งนัก
อย่างไรเสียความลับของกล่องสี่เหลี่ยมก็เกี่ยวข้องกับร่างกายนาง หากนางมีอดีตชาติจริง นั่นหมายความว่ากล่องสี่เหลี่ยมมีความเกี่ยวข้องกับอดีตชาติของนาง
เมื่อถึงตอนนั้นนางจะควบคุมกล่องสี่เหลี่ยมได้หรือไม่?
‘ได้ไม่ได้ก็ต้องลอง ไปเถิด! ข้าไม่สามารถนั่งอยู่เฉยไม่ทำสิ่งใดได้! นอกจากนี้ ท่านพ่อท่านแม่รวมทั้งคนในตระกูลของข้ายังอยู่กับกล่องสี่เหลี่ยม!’
นางคิดในใจว่าจะไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้!
ตอนนี้นางไม่ได้ทำเพียงเพื่อตนเองเท่านั้น ทว่ายังทำเพื่อหลี่จิ่วเต้าด้วย
เพื่ออนาคตของนางกับเขา!
หากไม่สำเร็จ ก็เกรงว่านางกับเขาจะมีอนาคตร่วมกันยากแล้ว!
“ไปเถิด”
ซีและเต่าชราออกเดินทางต่อ มุ่งไปยังตำแหน่งกล่องสี่เหลี่ยม
…
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้ายังคงอยู่บนยอดเขา ดวงตาทอดมองสายฝนตกลงมา
“ซี เจ้ากำลังคิดถึงข้าอยู่หรือ?”
เขารู้สึกขึ้นมาในใจ รู้สึกว่านางอาจจะกำลังคิดถึงเขา
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของเขา ไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้
“หวังว่าความรู้สึกข้าจะถูกส่งต่อ ข้ากับเจ้าจะได้พบกันในอีกไม่ช้า”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อพบกันอีกครั้ง ข้าก็จะเพลิดเพลินกับสายฝนพร้อมเจ้าได้ ไม่ถูกเจ้ากล่าวว่าอ่อนแอปวกเปียกอีก”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เก็บลูกแก้วค้ำทะเลกลับไป หยุดสายฝนลง
เก็บร่มหมื่นแปรและภาพวาด ก่อนจะเดินลงจากเขากลับไปยังรถม้า
พวกลั่วสุ่ยกลับมาก่อนแล้ว ทั้งหมดจัดการเหล่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดเป็นที่เรียบร้อย
“สวัสดีคุณชาย”
เมื่อมัจฉาสัตมายาเห็นหลี่จิ่วเต้ากลับมาก็เอ่ยทักทายทันที รอยยิ้มบนใบหน้าดูสดใสและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
มันจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ครั้งนี้ในที่สุดมันก็กลายเป็นตัวเองที่ได้สัมผัสความรู้สึกไร้เทียมทาน ทำให้ตื่นเต้นเสียจนแทบระเบิดออกมาแล้ว
น่าเสียดาย พลังอันไร้เทียมหายไปหลังจากที่มันกลับมา
มันไม่สามารถควบคุมพลังอันไร้เทียมทานนั่นได้ตลอดไป
ทว่ามันยังคงเบิกบานใจอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คุณชายเพียงต้องการลับคมและมองหาความสำคัญของตัวมัน หลังจากมันผ่านการทดสอบของคุณชายได้อย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นก็จะมีพลังไร้เทียมทานเช่นนี้ตลอดไป
“เจ้าดูมีความสุขนัก”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “นี่เป็นเพราะการมีความรักหรือไม่?”
มัจฉาสัตมายาและชางเหยาหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“รอหลังกลับไปแล้ว คุณชายจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งอันยิ่งใหญ่ให้พวกเจ้าเอง!” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
“รับทราบ!”
“ขอบพระคุณคุณชาย!”
มัจฉาสัตมายาและชางเหยาเอ่ยขอบคุณครั้งแล้วครั้งเหล่า พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างถือว่าอีกฝ่ายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของกันและกัน
“ไปเถิด พวกเราอยู่ในอาณาจักรนี้มานานแล้ว ได้เวลาไปยังอาณาจักรอื่น”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในรถม้า พวกลั่วสุ่ยเองก็เดินตามเข้ามาด้วย
อสูรทั้งเก้าลากรถม้า ออกจากอาณาจักรแห่งนี้ เดินทางบนจักรวาลดวงดารามุ่งสู่อาณาจักรต่อไป
‘จะว่าไป ตัวข้าในโลกแห่งการฝึกฝนได้ลองทำเรื่องที่เฝ้าฝันมาก่อนไปมากมาย ทว่ายังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำ…’
หลี่จิ่วเต้ายืนข้างหน้าต่างรถม้า ทอดสายตามองจักรวาลดวงดาราที่อยู่ไกลออกไปพร้อมคิดในใจ
เหินกระบี่ เดินทางในจักรวาลดวงดารา ท่องไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ทั้งหมดเขาล้วนได้ทำแล้ว
แต่ภายในใจเขายังมีอีกเรื่องที่ต้องการทำ
‘อย่างเช่น…ปล้นสุสาน ไม่สิ สำรวจสุสาน’
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยในใจ
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจะทำตั้งแต่อยู่ในดาวเคราะห์สีฟ้า
ยามนั้นนิยายเกี่ยวกับการปล้นสุสานได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เขาเองก็ตกลงไปในห้วงนิยายปล้นสุสาน ภายในใจคิดมาโดยตลอด คงจะดีหากสักวันเขาสามารถลองทำด้วยตนเองได้ในสักวันหนึ่ง
ไม่ใช่เพื่อปล้นสุสาน แต่เพื่อสำรวจ!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเขียนนิยายเกี่ยวกับการปล้นสุสานออกมายามว่างอยู่เสมอ
‘สุสานในโลกการฝึกตนจะต้องทรงพลังและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าใช่หรือไม่?’
เขาคิดในใจ ต้องการจะลองไปสำรวจสักครั้ง
“ลั่วสุ่ย รอจนถึงอาณาจักรต่อไป พวกเจ้าไปตรวจสอบดูว่ามีสุสานโบราณอยู่ที่ใด อืม ยิ่งทรงพลัง ยิ่งโบราณเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
หลี่จิ่วเต้าไปหาลั่วสุ่ยเพื่อเอ่ยสิ่งเหล่านี้
ตามหาสุสาน?
ลั่วสุ่ยจดจำเอาไว้ จากนั้นก็พยักหน้าให้กับหลี่จิ่วเต้า “เจ้าค่ะคุณชาย”
“ด้านในสุสานกับด้านนอกสุสาน นี่เป็นสองโลกที่แตกต่างกัน เป็นการดีที่จะได้สัมผัสประสบการณ์สำรวจมากมาย”
หลี่จิ่วเต้าตัดสินใจจะไปสำรวจสุสานโลกผู้ฝึกตนดู