ตอนที่ 1,310 เส้นผม
“พูดมากเสียเวลา”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความรำคาญใจ “ต้องการอะไรก็ว่ามา”
พานตั่วชิงต้องการสิ่งใดกันแน่?
บุรุษหนุ่มตัวแทนจากเผ่าเทพตะวันสูดลมหายใจลึกและกล่าวออกมา
“ในเมื่อเจ้าไม่มีศิลาเทวะ ถ้าอย่างนั้นหากเจ้าแพ้ เจ้าก็แค่ยอมรับต่อหน้าทุกคนเท่านั้นว่าตนเองเป็นบุคคลไร้ยางอายต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขข้างถนน… เจ้ากล้าหรือไม่?”
พานตั่วชิงพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเบิกโตขึ้นมาทันที
ให้ตายสิ
ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลยนี่นา
หลินเป่ยเฉินตบต้นขาและตอบตกลง
ทันใดนั้น นักบวชสาวเซียงเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างส่งเสียงกระแอมออกมาเล็กน้อย
นางรู้สึกชาดิกที่บริเวณต้นขา ก่อนจะหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินคล้ายกับต้องการจะถามว่าเขาตบต้นขานางทำไม
“อ้าว ขออภัยขอรับ ข้าลืมตัว พอดีมือมันไปเอง…”
หลินเป่ยเฉินรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว
ทำไมเขาถึงควบคุมมือของตนเองไม่ได้นะ?
“ไม่เป็นไร”
นักบวชสาวเซียงเหยียนไม่ถือโทษโกรธเคืองเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ นางดึงชายเสื้อคลุมขึ้นมาปิดคลุมขาของตนเองและให้คำแนะนำว่า “พานตั่วชิงต้องการจะใช้วิธีการนี้ข่มขวัญและทำลายภาพลักษณ์ของเจ้า ซึ่งมันมีค่ามากกว่าศิลาเทวะหนึ่งหมื่นก้อนเสียอีก”
หลินเป่ยเฉินมองนักบวชสาวเซียงเหยียนด้วยความประหลาดใจ “ในสายตาของท่าน ข้ามีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ทำไมเขาถึงไม่รู้ตัวเลยนะ
นักบวชสาวถูกถามอย่างกะทันหันจึงไม่รู้ว่าสมควรตอบอย่างไร
“พี่ใบ้คงไม่รู้สินะเจ้าคะว่าบัดนี้ท่านมีภาพลักษณ์สูงส่งเพียงใด”
ฮันลั่วเซวี่ยไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
หลินเป่ยเฉินหันไปยิ้มให้แก่ฮันลั่วเซวี่ยเล็กน้อย
หลังจากนั้น เขาก็ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน จ้องมองพานตั่วชิงด้วยแววตาท้าทายและกล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ข้าเพียงอยากจะเดิมพันกับเจ้า แต่เจ้ากลับมีเจตนาแอบแฝงอยากจะทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่งของข้า ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว สำหรับผู้ที่ฝึกวิทยายุทธ์มีใครไม่ทราบบ้างว่าศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์นั้นสำคัญมากเพียงใด? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าที่มีภาพลักษณ์ใสซื่อบริสุทธิ์สร้างชื่อเสียงโด่งดังด้วยความดีที่มีมากมายเช่นนี้…”
พานตั่วชิงถลึงตาใส่นักบวชสาวเซียงเหยียนด้วยข้อหาที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัว ก่อนที่เขาจะหันมาจ้องตาหลินเป่ยเฉินเขม็งและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “เจ้าต้องเพิ่มศิลาเทวะ”
พานตั่วชิงพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน
“เพิ่มอีกเท่าไหร่?” พานตั่วชิงสอบถาม
หากไม่ใช่ว่าต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ป่านนี้พานตั่วชิงคงระเบิดโทสะออกมาแล้ว
“เพิ่มอีกสักหนึ่งพันก้อนเป็นไร?”
หลินเป่ยเฉินลองหยั่งเชิง
“ไม่มีปัญหา”
พานตั่วชิงตอบตกลงโดยไม่ลังเล
เชี่ย พลาดแล้วเรา!!
หลินเป่ยเฉินนึกเสียดายขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่าพานตั่วชิงตอบตกลง ทุกคนก็อดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้
ในที่สุด เงื่อนไขการเดิมพันก็เสร็จสมบูรณ์
แม้ว่าพานตั่วชิงจะต้องปวดเศียรเวียนเกล้ามากมาย แต่สุดท้าย เขาก็บรรลุจุดประสงค์ของตนเองในที่สุด ทว่า ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด หลายคนกลับรู้สึกสงสารพานตั่วชิงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เรามาลงนามในสัญญาเพื่อป้องกันการผิดคำสัญญากันดีกว่า”
พานตั่วชิงเกรงว่าหลินเป่ยเฉินจะถอนคำพูด จึงรีบนำสัญญาออกมาให้ลงนาม
“ไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินตอบตกลงอย่างว่าง่าย
เพราะเขาเองก็กลัวว่าพานตั่วชิงจะผิดคำสัญญาเช่นกัน
หลังจากนั้น การลงนามในสัญญาเดิมพันก็สำเร็จลงโดยที่มีเทพเจ้าในห้องโถงใหญ่เป็นสักขีพยาน
พานตั่วชิงฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “อีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ เจ้าจะได้รู้ว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่หอคอยผู้พิชิต
ใช่แล้ว พานตั่วชิงจะเข้ารับการวัดพลังก่อนหลินเป่ยเฉิน
เพราะว่าเขามีความมั่นใจ
การวัดพลังครั้งนี้ พานตั่วชิงจะไม่มีทางพ่ายแพ้
เขาอยากจะใช้โอกาสนี้บดขยี้ความมั่นใจของหลินเป่ยเฉินด้วยคะแนนความแข็งแกร่งของตนเอง
เขาต้องการจะเฝ้าดูหลินเป่ยเฉินเดินเข้ารับการวัดพลังอย่างหมดหวัง ไม่ต่างจากสัตว์อสูรที่ถูกต้อนเข้าสู่กรงขัง ภาพลักษณ์ถูกทำลายย่อยยับ เส้นทางความยิ่งใหญ่ของปีศาจน้อยที่ครอบครองหัวใจใครหลายคนคงจะต้องจบสิ้นลงในคืนนี้เอง
ครืน!
หอคอยผู้พิชิตสั่นไหวเล็กน้อย แล้วลำแสงสีแดงเข้มก็ถูกยิงออกมากระชากตัวพานตั่วชิงเข้าสู่ด้านใน
…
“นี่หรือคือด้านในหอคอย?”
พานตั่วชิงกวาดสายตามองรอบตัวด้วยความประหลาดใจ
พื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าเต็มไปด้วยจุดดาราสีแดง
ภาพจำลองของหมวกเหล็กอมตะลอยอยู่ห่างไปไม่ไกล แต่มันมีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขาลูกมโหฬาร ซ้ำยังปลดปล่อยพลังกดดันออกมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง
พานตั่วชิงยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าหมวกเหล็กยักษ์ ไม่ต่างจากมดตัวน้อยยืนอยู่แทบเท้าพญาคชสาร
“ของที่ข้าให้เจ้าเตรียมเอาไว้ ได้นำมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในอากาศ
หากมีผู้คนได้ยินเสียงนี้ก็คงต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
เพราะนั่นคือเสียงของใต้เท้าหมิงรั่ว
ดูเหมือนเรื่องที่บอกว่าหอคอยผู้พิชิตมีการลงค่ายอาคมอย่างหนาแน่นจนไม่มีผู้ใดสามารถแทรกแซงการวัดพลังได้นั้นคงไม่เป็นความจริงเสียแล้ว
“ย่อมจัดเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว”
พานตั่วชิงเองก็ดูเหมือนจะทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่ได้แสดงความเคารพต่อใต้เท้าหมิงรั่วสักเท่าไหร่
เขาจ้องมองหมวกเหล็กอมตะ แล้วจึงหันมองรอบตัว ก่อนถามออกมาด้วยความสงสัย “เหตุไฉนข้าถึงไม่เห็นคัมภีร์ไพรีดาราราย?”
“คัมภีร์เล่มนั้นถือเป็นของตายสำหรับเจ้าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบ”
ภาพจำลองของใต้เท้าหมิงรั่วที่ปรากฏตัวขึ้นด้านบนหมวกเหล็กอธิบายอย่างยิ้มแย้ม “สิ่งที่เจ้าต้องทำจริง ๆ คือวัดคะแนนออกมาให้มีความเหมาะสมต่อหมวกเหล็กอมตะมากที่สุด เพราะฉะนั้น ข้าถึงได้ถามเจ้าว่าเตรียมสิ่งที่จำเป็นมาเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
พานตั่วชิงผงกศีรษะตอบย้ำไปอีกครั้ง “ข้าได้เส้นผมของท่านผู้นั้นมาแล้ว กว่าจะได้มาต้องเสียเงินไปไม่ใช่น้อย ใต้เท้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเส้นผมของท่านผู้นั้นจะสามารถทำให้หอคอยผู้พิชิตจดจำข้าได้? และมันจะทำให้ข้าเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุด?”
“ไม่ต้องห่วง นี่คือแผนการที่วางไว้เป็นอย่างดี ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด”
ภาพจำลองของใต้เท้าหมิงรั่วพยักหน้ายืนยันด้วยความหนักแน่น “เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก หมวกเหล็กอมตะใบนี้ย่อมเป็นของเจ้า… เอาล่ะ พวกเรากลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้ามีเวลายี่สิบลมหายใจ… นับจากนี้ไป เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่งทุกประการ”
…
ในห้องโถงใหญ่
เงียบสงบ
ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปที่มาตรวัดพลังของหอคอยผู้พิชิต
ไม่กี่ลมหายใจหลังจากที่พานตั่วชิงเข้าไปด้านใน ลำแสงสีแดงก็ส่องสว่างออกมาจากหอคอยผู้พิชิต
มาตรวัดพลังเรืองแสงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยี่สิบคะแนน…
สี่สิบคะแนน…
เจ็ดสิบห้าคะแนน…
เก้าสิบคะแนน…
“ไม่น่าเชื่อ…”
“เขามีความแข็งแกร่งถึงเก้าสิบคะแนนเชียวหรือ?”
“นี่คือพลังทั้งหมดใช่หรือไม่?”
“เก้าสิบห้าคะแนน…”
“เก้าสิบเก้าคะแนน!”
“ในที่สุดก็หยุดแล้ว ค่าความแข็งแกร่งของพานตั่วชิงคือเก้าสิบเก้าคะแนน ข้าล่ะไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ”
“นี่หมายความว่าเขามีความเหมาะสมต่อหมวกเหล็กอมตะมากที่สุดใช่หรือไม่?”
เสียงอุทานดังขึ้นไม่หยุดในห้องโถงใหญ่
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นี่คือค่าพลังที่แข็งแกร่งมากเกินไป
คงไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
เพราะจะมีผู้ใดวัดพลังได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มด้วยหรือ?
ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่หอคอยผู้พิชิต
ครืด!
หอคอยสั่นไหวเล็กน้อย
แล้วลำแสงสีแดงก็ค่อยๆ ม้วนตัวส่งพานตั่วชิงออกมาจากหอคอยอย่างเชื่องช้า
ในขณะที่บรรดาผู้เข้ารับการวัดพลังก่อนหน้านี้แทบจะกระเด็นออกมาจากหอคอยราวกับถูกส่งออกมาพร้อมแรงระเบิด
มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่หอคอยผู้พิชิตดูจะทะนุถนอมผู้เข้ารับการวัดพลังเป็นพิเศษ
มาตรวัดพลังยังคงแสดงอยู่ที่เก้าสิบเก้าคะแนน
ขาดไปเพียงขีดเดียวเท่านั้นพานตั่วชิงก็จะได้คะแนนเต็มแล้ว
พานตั่วชิงทิ้งตัวกลับมายืนบนพื้นหินอย่างสง่างาม ก่อนจะหันไปมองมาตรวัดพลังด้วยความพึงพอใจ
แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความพึงพอใจนั้นออกมา มิหนำซ้ำ พานตั่วชิงกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกล่าวเบา ๆ ว่า “หากได้คะแนนเต็มทุกอย่างก็คงจบสิ้นแล้ว นี่ยังขาดหายไปอีกหนึ่งคะแนน นับว่าเจ้ายังคงมีความหวังอยู่บ้างสินะ… ฮ่า ๆๆ”
กล่าวจบ เขาก็หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน