ตอนที่ 1,319 ดาวน์โหลดภาพยนตร์
ใต้เท้าหมิงรั่วไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือส่งมอบคัมภีร์ไพรีดารารายออกมาแต่โดยดี
หลินเป่ยเฉินรับคัมภีร์มาเปิดออกดูคร่าว ๆ ก็พยักหน้าด้วยความโล่งอก
เพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย
ซึ่งส่วนใหญ่คัมภีร์ที่เขาไม่เข้าใจมักจะเป็นคัมภีร์วิชาระดับสูงเสมอ
ฝากให้เป็นหน้าที่ของโทรศัพท์มือถือวิเคราะห์เอาเองก็แล้วกัน
“พวกเจ้ารอข้านานไหม”
เมื่อหลินเป่ยเฉินได้รับรางวัลแล้ว ความโกรธแค้นของเขาก็หายไป
“พวกเรากลับกันเถอะ”
เขาพูดกับเจ้าอ้วน
“ดะ… ดะ… ดะ… ได้เลยขอรับ”
เจ้าอ้วนตบพุงตนเอง ก่อนจะลากหางเจ้ากิ้งก่ายักษ์ลุกเดินออกไป
ผึ่ง!
หางขาดติดมือทันที
เจ้ากิ้งก่ายักษ์มองหน้าเจ้าอ้วนด้วยความพิศวง “กรร”
“รู้แล้ว… รู้แล้ว… ขะ… ครั้งหน้า… ขะ… ข้าจะจับเบา ๆ”
เจ้าอ้วนขออภัย
แล้วหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรก็เดินตามหลังหลินเป่ยเฉินออกมา
แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น หลินเป่ยเฉินพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปชี้หน้าใต้เท้าหมิงรั่วกับพานตั่วชิง “เรื่องราวในวันนี้ยังไม่จบ ฝากไว้ก่อนเถอะ อีกไม่นาน ข้าจะหาโอกาสฆ่าพวกเจ้าให้ได้”
เมื่อถึงตอนที่ต้องแยกย้ายกัน หลินเป่ยเฉินก็จำเป็นต้องฝากประโยคเด็ดเอาไว้สักหน่อย
แน่นอนว่าคำพูดของเขาย่อมทำให้พานตั่วชิงและใต้เท้าหมิงรั่วตัวสั่นเทา
หากนี่เป็นคำขู่ของเจี๋ยนเซียวเหยาก่อนที่จะมีงานเลี้ยงเบิกฟ้า พวกเขาคงไม่เก็บมาคิดใส่ใจ
แต่บัดนี้ มันกลับเป็นคำขู่ที่ทำให้ขนลุกเกรียวไปทั้งร่างกาย
เพราะว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีความแข็งแกร่งจริง ๆ
เมื่อร่างของเด็กหนุ่มหายวับไปในราตรีอันมืดมิด ใต้เท้าหมิงรั่วกับพานตั่วชิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อหันมองหน้ากัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะซ่อนเร้นความหวาดกลัวในแววตา
แม้ยังไม่มีการประกาศว่างานเลี้ยงยุติลงอย่างเป็นทางการ แต่บัดนี้งานเลี้ยงก็ยุติลงแล้ว
ใต้เท้าหมิงรั่วไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่เดินทางจากไป
พานตั่วชิงจ้องมองท้องฟ้าอันมืดมิด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาคล้ายพูดพึมพำกับตนเอง แต่เสียงนั้นสามารถได้ยินไปถึงผู้คนที่อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกห้องโถงใหญ่ว่า “ที่แท้เขาก็มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าผู้หนึ่ง ไม่แปลกที่จะสามารถเอาชนะข้าได้… รอให้ข้าได้ตำแหน่งเทพเจ้าก่อนเถอะ ข้าจะต้องแก้แค้นสิ่งที่มันทำไว้กับข้าอย่างสาสม”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไป
หลายคนลอบหัวเราะเยาะออกมา หลายคนส่งเสียงถอนหายใจด้วยความเวทนา
เหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าพานตั่วชิงแข็งแกร่งไม่พอ แต่เป็นเพราะเขาโชคร้ายเกินไป
เขาเลือกที่จะไปมีเรื่องกับเจี๋ยนเซียวเหยา
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุด
โชคร้ายที่สุด
วันนี้ แม้แต่ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าในสภาอย่างใต้เท้าหมิงรั่วก็ยังถูกเจี๋ยนเซียวเหยาจัดการอย่างราบคาบ แล้วมีหรือที่พานตั่วชิงจะสามารถล้างแค้นได้ตามใจปรารถนา
กลุ่มคนส่ายหน้า หันหลังกลับ เตรียมตัวเดินทางจากไป
แต่ทันใดนั้น…
วูบ!
ร่างของใครบางคนทิ้งตัวกลับลงมาจากท้องฟ้า
ปรากฏว่าเป็นเจี๋ยนเซียวเหยากลับมาอีกครั้ง
“ใต้เท้าหมิงรั่วอยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินร้องถามออกมาด้วยความร้อนรน
“เขากลับไปแล้วเจ้าค่ะ พี่ใบ้”
ฮันลั่วเซวี่ยรีบตอบด้วยความกระตือรือร้น
“อ้าว? หนีกลับบ้านไปแล้วเหรอ… เฮ้อ น่าเสียดาย”
หลินเป่ยเฉินกระทืบเท้าด้วยความผิดหวัง
“เจ้าจะมาหาใต้เท้าหมิงรั่วทำไมหรือ?”
นักบวชสาวเซียงเหยียนถามด้วยความสงสัย
หลินเป่ยเฉินตอบเสียงเข้มว่า “ตอนขามาข้าเห็นเขาโดยสารรถม้าคันงาม จึงอยากจะขอยืมไปใช้งานสักหลายวันหน่อยน่ะขอรับ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหนีไปเร็วขนาดนี้”
นักบวชสาวเซียงเหยียนพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนพูดอะไรไม่ออก
ขอยืมอย่างนั้นหรือ?
ให้ตายเถอะ คำว่า ‘ขอยืม’ หมายถึงอะไร?
เด็กหนุ่มพูดจริงหรือไม่?
ขอยืมของเขาหมายความว่าเอาไปแล้วไม่คิดส่งคืนใช่หรือไม่?
พานตั่วชิงได้ยินคำนั้นก็ต้องตัวสั่นเทา ได้แต่กลั้นหายใจ บอกกับตนเองว่า ‘อย่ามองเห็นข้าเลยนะ อย่ามองเห็นข้าเลยนะ อย่ามองเห็นข้าเลยนะ…’
โชคดีที่หลินเป่ยเฉินรีบเดินทางกลับไปเพราะมองไม่เห็นเขาจริง ๆ
บัดนี้ พานตั่วชิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพื่อแก้หน้าตนเองอีกแล้ว
เขาเลือกที่จะเดินทางไปยังทิศทางฝั่งตรงข้ามกับการมุ่งหน้าไปของหลินเป่ยเฉิน
แล้วงานเลี้ยงเบิกฟ้าก็จบลงเช่นนี้
ทุกคนแยกย้าย
แต่เมื่อเดินลงมาถึงเชิงเขาเซินเหลียน พวกเขากลับพบสิ่งแปลกประหลาด
บริเวณหน้าประตูรั้ว ผู้คนนับร้อยกำลังจับกลุ่มกันในความมืด คล้ายกับกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นบางอย่างจากโรงเตี๊ยมข้างทาง
“เกิดอะไรขึ้น?”
คนถ่อแพฮั่วเซี่ยเดินเข้าไปถาม
“เจ้าไม่รู้หรือ? คนรับใช้สลบไปสี่คนแล้วน่ะสิ”
ชาวบ้านผู้หนึ่งตอบกลับมา
“เป็นผู้ใดมาก่อกวนถึงภูเขาเซินเหลียน?”
ฮั่วเซี่ยถามด้วยความสนใจ
“ก่อกวนหรือ? เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร? คุณชายลู่จากเผ่าเทพอัคคีและคุณชายมูู่จากเผ่าเทพไม้เขียวกำลังแข่งขันวัดความแข็งแกร่งเชิงชายของตนเองอยู่ต่างหาก”
“วัดความแข็งแกร่งเชิงชาย?”
ฮั่วเซี่ยเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
เพราะเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
“ถูกต้อง พวกเขาแข่งขันกันมาถึงเจ็ดชั่วยาม หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคงเอวหักตายไปแล้ว และพวกเขาก็ทำให้สาวรับใช้สลบไปถึงสี่นาง แต่กลับยังตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้อยู่ดี เห็นบอกว่าพวกเขาจะสู้ต่อไปจนถึงรุ่งเช้าเชียวนะ…” ชาวบ้านอีกคนหนึ่งกล่าวออกมา
“นี่สินะความแข็งแกร่งเชิงชาย”
ฮั่วเซี่ยยิ้มมุมปากและกล่าวว่า “ข้าเองก็อยากชมดูเช่นกัน”
ตัวเขาเองมีอาชีพถ่อแพอยู่ในแม่น้ำใต้ดิน ช่วงเอวจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าม้าศึก และในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ครั้งนี้ ฮั่วเซี่ยก็อาศัยพละกำลังของตนเองเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยถ่อไม้ไผ่คู่ใจ และการใช้อาวุธชนิดนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความแข็งแกร่งช่วงแก่นกลางลำตัว
เมื่อได้ยินว่ามีการแข่งขันที่น่าสนใจเช่นนี้ ฮั่วเซี่ยก็อยากจะเข้าไปรับชมดูเพื่อเรียนรู้บ้างแล้ว
…
ระหว่างทางกลับที่พัก หลินเป่ยเฉินกับเจ้าอ้วนแยกทางกัน
เจ้ากิ้งก่ายักษ์เลือกที่จะติดตามเจ้าอ้วนกลับไป
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรเข้ากันได้ดีมาก
หลินเป่ยเฉินเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งมีความสุข
เขาย่อมอยากเห็นผู้ติดตามของตนเองมีความสุข
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู ชิงเล่ยก็ไม่อยู่แล้ว
นางทิ้งข้อความแจ้งว่าขอเดินทางไปเรียนวิชาเวทมนตร์กับอาจารย์อู่จิว
แต่ก่อนไป หญิงสาวยังได้ทำความสะอาดคฤหาสน์ ทำอาหารเอาไว้ให้เขาและจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่เอาไว้ให้ในห้องนอน
หลินเป่ยเฉินยังไม่หิว จึงกลับเข้าไปที่ห้องลับ เพื่อนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
นี่กลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว หลังศึกใหญ่ทุกครั้ง เขาจะมานั่งสงบสติอารมณ์และนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลินเป่ยเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่งใบหนึ่ง ก่อนจะนำหมวกเหล็กอมตะและถุงมือทองคำออกมาวางไว้ตรงหน้า
“ดูเหมือนพวกมันจะทำขึ้นมาจากวัสดุเดียวกันเลยแฮะ”
“หรือว่าหมวกเหล็กกับถุงมือข้างนี้จะมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน?”
“แต่ทำไมถึงไม่บอกว่าเป็นหมวกเหล็กของเทพแห่งดินแดนรกร้างไปเลยล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความสงสัย
วันนี้ตอนที่เขาสู้กับใต้เท้าหมิงรั่ว เด็กหนุ่มสังเกตได้ว่าหมวกเหล็กและถุงมือช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของกันและกัน หากไม่ใช่เพราะว่าพวกมันเป็นองค์ประกอบของชุดเกราะชุดเดียวกัน ก็ไม่มีเหตุผลอื่นสามารถอธิบายได้อีก
หลังจากพิจารณาอยู่ครึ่งค่อนวัน หลินเป่ยเฉินก็เตรียมเก็บสิ่งของทั้งสองชิ้น
แต่พื้นที่เก็บไฟล์ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์แทบไม่มีเหลือแล้ว
และอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้กินพื้นที่ไม่น้อย
“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิด แอปสวิ่นเล่ยน่าจะมีพื้นที่ให้เก็บไฟล์ออนไลน์ได้เหมือนกันนี่นา”
หลินเป่ยเฉินนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่ที่ตนเองดาวน์โหลดแอปสวิ่นเล่ยมา เขาก็แทบไม่เคยเปิดใช้งานเลยสักครั้ง
ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงรีบเปิดการทำงานของแอปสวิ่นเล่ยทันที
แน่นอนว่าบรรทัดล่างสุดหน้าแรกของตัวแอป มีคำว่าพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์จริง ๆ
เยี่ยมยอด
น่าจะใช้เก็บอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นนี้ได้ไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินพยายามฝากหมวกเหล็กอมตะและถุงมือทองคำใส่เข้าไป
การฝากไฟล์ดำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่หลังจากนั้น กลับปรากฏข้อความแจ้งเตือนว่า
“ตรวจพบลิงก์ดาวน์โหลดวีดีโอ ต้องการดาวน์โหลดเลยหรือไม่?”
นี่คือหน้าต่างคำถามที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
หืม?
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความเหลือเชื่อ
แอปนี้สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ได้จริง ๆ หรือ?