ตอนที่ 1,321 ท่านมหาเทพ
เป็นไปตามคาด เมื่อหลินเป่ยเฉินนำกระบี่ทั้งสองเล่มเข้าไปเก็บไว้ในพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ของแอปสวิ่นเล่ย เขาก็จะได้รับลิงก์สำหรับดาวน์โหลดวีดีโอทันที
หลินเป่ยเฉินกดดาวน์โหลดโดยไม่ลังเล
ภาพยนตร์ที่เขาได้รับมาก็คือขั้นตอนการตีกระบี่ของอาจารย์เฉินเซียวเยี่ยน และภาพยนตร์ตอนที่เจ้าหนูอากวงโดดลงบ่อลาวาไปงมกระบี่เพลิงโลกันตร์ขึ้นมาจากก้นบ่อนั่นเอง
“สรุปว่าหนังที่เราดาวน์โหลดมาจากแอปสวิ่นเล่ย ก็คือภาพเหตุการณ์ในอดีตจากผู้เป็นเจ้าของคนเก่าสินะ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด
เพราะดูเหมือนมันจะถ่ายทอดแต่เพียงชีวิตของผู้เป็นเจ้าของวัตถุเท่านั้น
อย่างเช่น ภาพยนตร์ที่เขารับชมก่อนหน้านี้ มันก็เป็นเรื่องราวชีวิตของเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง หรือเทพเจ้าผู้เป็นเจ้าของหมวกเหล็กอมตะใบนั้น
ซึ่งภาพยนตร์ที่มีความยาวสิบนาทีนั้นก็ทำให้หลินเป่ยเฉินได้รู้ว่าเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา กว่าจะขึ้นมามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าได้ ก็คงต้องฝ่าฟันความลำบากมาไม่น้อย
แต่เขาก็ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินได้ทดลองทำอะไรบางอย่างอีกหลายครั้ง และเขาก็ได้ค้นพบว่า…
ไม่ใช่สิ่งของทุกชิ้นที่จะมีภาพยนตร์ให้รับชม
อย่างเช่น สิ่งของที่เป็นวัตถุธรรมดาอย่างศิลาบูชา ชุดเกราะราคาถูกหรือกระบี่ที่ซื้อมาจากข้างทาง สิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่มีลิงก์ดาวน์โหลดภาพยนตร์ปรากฏขึ้นมา
นั่นทำให้เด็กหนุ่มได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่จะทำให้มีลิงก์ดาวน์โหลดภาพยนตร์นั้น จะต้องเป็นสิ่งของที่มีความพิเศษต่อผู้เป็นเจ้าของพอสมควร
หลินเป่ยเฉินจึงทดลองนำชุดชั้นในของชิงเล่ยใส่เข้าไปในพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ของแอปสวิ่นเล่ย และเขาก็ได้รับลิงก์ดาวน์โหลดภาพยนตร์ผู้ใหญ่ที่มีตนเองกับชิงเล่ยเป็นพระเอกนางเอก
เพราะว่าชุดชั้นในชิ้นนี้ เป็นตัวที่ชิงเล่ยสวมใส่ในวันแรกที่พวกเขาร่วมรักกัน ณ หอสุราเหมียวเหมียวหง่าว หลินเป่ยเฉินเป็นคนถอดมันออกมาอย่างทะนุถนอมและแอบเก็บไว้เป็นของที่ระลึกโดยไม่ให้ชิงเล่ยรู้ตัว
“อะฮิ ๆ…”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะคิกคัก “ดูเหมือนลีลาวันนั้นของเราจะทำให้ชิงเล่ยประทับใจจนลืมไม่ลงเลยสินะ”
เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
สำหรับกับบุรุษหนุ่มทุกคน นี่คือเรื่องที่ควรค่าต่อการคุยโวแล้ว
“จะว่าไปแล้ว แอปสวิ่นเล่ยก็มีความสามารถน่าสนใจไม่น้อย ถ้าเราใช้ให้ถูกวิธี เราก็สามารถรู้ได้ด้วยซ้ำว่าห้าพันปีก่อนเกิดอะไรขึ้น โชคร้ายที่แอปพยากรณ์ดวงไม่แม่นเท่าไหร่ ไม่งั้นเราก็จะเป็นผู้ที่รู้ทั้งอดีตและอนาคต หากไปเปิดแผงหมอดู ก็มีแต่รวยกับรวยเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินกดออกมาจากแอปสวิ่นเล่ย
บัดนี้ โทรศัพท์มือถือของเขามีพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ให้ใช้งานอยู่สองแอปพลิเคชันคือแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์กับแอปสวิ่นเล่ย
หลังจากเสียเวลาคัดแยกอยู่เล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจใช้แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์เป็นพื้นที่เก็บศิลาบูชา อาวุธระดับสามัญและคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ ส่วนแอปสวิ่นเล่ยก็จะใช้เป็นที่เก็บกระบี่เพลิงโลกันตร์ กระบี่เงินของอาจารย์เฉิน หมวกเหล็กอมตะและถุงมือเทวฤทธิ์
“ว่าแต่ทำไมเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถึงไม่ออนไลน์เลย?”
หลินเป่ยเฉินเปิดดูแอปวีแชต เมื่อไม่เห็นข่าวคราวจากเทพีฝึกหัดขี้เมา เขาก็อดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะเป็นคนเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมโลภมากไว้ใจไม่ค่อยได้ในบางครั้ง… แต่นางก็เป็นเพื่อนที่ดีของเขาเสมอ
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือและนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน
ครืด!
กำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สามสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เป็นข้อความจากลู่ปิงเหวิน
‘นายท่านขอรับ ข้าน้อยเก็บหนี้ครบหมดแล้ว และมีข่าวดีอยากจะแจ้งนายท่านด้วย พวกเรานัดพบกันได้หรือไม่?’
ลู่ปิงเหวินส่งข้อความมาด้วยความกระตือรือร้น
‘ได้สิ พบกันที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าว’
หลินเป่ยเฉินส่งที่อยู่ไปให้
…
“ใต้เท้ากั้วมอบตำแหน่งเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยาอย่างนั้นหรือ?”
วิหารใหญ่ของเผ่าเทพพงไพร
ใต้เท้าเหลียนขมวดคิ้วใช้ความคิด
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เขาทำเกินไปแล้วจริง ๆ”
เด็กสาวเท้าเปล่ากัดฟันกรอดและกระทืบเท้าด้วยความไม่สบอารมณ์ “ศตวรรษนี้เป็นช่วงที่ใต้เท้าต้องดูแลสภาเพียงลำพัง แต่ทั้งใต้เท้ากั้วกับใต้เท้าฉางกลับไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย มิหนำซ้ำ ยังเข้ามาแทรกแซงแผนการพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่าอีก…”
“ดูเหมือนเจ้าจะเดือดดาลมากกว่าข้าอีกนะ?”
ใต้เท้าเหลียนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน
“แล้วใต้เท้าไม่โกรธหรือเจ้าคะ?”
เด็กสาวเท้าเปล่าพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ข้าน้อยทำงานหนักรับใช้ใต้เท้า จึงเป็นกังวลว่าแผนการของเราจะถูกทำลาย เมื่อคิดได้เช่นนั้น ข้าน้อยก็อดรู้สึกโกรธแค้นไม่ได้ ข้าน้อยจะไปทวงคืนความยุติธรรมจากพวกเขาเอง”
“อย่าได้พูดเช่นนั้นเลย”
ใต้เท้าเหลียนค่อย ๆ ลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หน้าต่างของวิหาร “เจ้าเป็นเพียงข้ารับใช้เท่านั้น จะมารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดอะไรอยู่ หรือกำลังโกรธแค้นหรือไม่…”
นางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งเป็นทิวทัศน์ภาพรวมเกือบทั้งหมดของเมืองเยี่ยเฉิง
“พวกเขาคงตื่นขึ้นมาจากการจำศีลนานแล้ว ไม่ใช่เพียงใต้เท้ากั้วกับใต้เท้าฉางเท่านั้น แม้แต่ใต้เท้าซินกับใต้เท้าเหยาก็คงตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน…” ใต้เท้าเหลียนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “เพียงแต่เจ้าไม่รู้เท่านั้น”
“หืม? ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าพวกเขาละเมิดกฎสิเจ้าคะ”
เด็กสาวเท้าเปล่าอุทานด้วยความตกใจ
เพราะนับตั้งแต่ที่ท่านมหาเทพแห่งสภาเทพเจ้าเข้าจำศีล ห้าเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตอย่างใต้เท้าเหลียน ใต้เท้าฉาง ใต้เท้ากั้ว ใต้เท้าซิน และใต้เท้าเหยา ต่างก็จะสลับสับเปลี่ยนกันดูแลเมืองเยี่ยเฉิงตามกำหนดวาระของตนเอง
และนี่คือช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างควรอยู่ในอำนาจของใต้เท้าเหลียนและใต้เท้าอีกสี่ท่านก็สมควรเข้ารับการจำศีลหลับใหล
นี่คือกฎที่ท่านมหาเทพได้ตั้งเอาไว้
เทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตแต่ละองค์มีเวลาในการดูแลเมืองเยี่ยเฉิงคนละหนึ่งร้อยปี
และการที่ใต้เท้าอีกสี่ท่านตื่นขึ้นมา ก็เท่ากับเป็นการขัดคำสั่งของท่านมหาเทพแล้ว
พวกเขาไม่กลัวหรือว่าเรื่องนี้จะปลุกท่านมหาเทพให้ตื่นขึ้นมา?
“เพราะว่าใกล้หมดเวลาแล้วไงล่ะ”
ใต้เท้าเหลียนทอดสายตามองเมืองเยี่ยเฉิงอันกว้างใหญ่ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสดใส ซึ่งเด็กสาวเท้าเปล่ายิ่งมองดูก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“เวลาอะไรหมดแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้า?”
เด็กสาวเท้าเปล่าถามด้วยความสงสัย
“เมื่อถึงเวลา เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
ใต้เท้าเหลียนไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ก็หันหน้ากลับมา กล่าวว่า “เจ้าสืบสวนเรื่องหัวขโมยที่บุกรุกเข้ามาในวิหารต้องห้ามไปถึงไหนแล้ว?”
พลัน เด็กสาวเท้าเปล่ากล่าวตอบด้วยสีหน้าน่าสงสารว่า “ยังหาตัวหัวขโมยไม่พบเลยเจ้าค่ะ… แต่กราบเรียนใต้เท้า ข้าน้อยพบบางอย่างที่แปลกประหลาดมาก ๆ”
“เจ้ากำลังหมายถึงเรื่องที่ผู้คนใกล้ตัวของเจี๋ยนเซียวเหยามีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าตกใจใช่หรือไม่?”
ใต้เท้าเหลียนถามด้วยเสียงยานคาง
“ใต้เท้ารู้แล้วหรือเจ้าคะ?”
เด็กสาวเท้าเปล่าตัวสั่นเทาและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ นับตั้งแต่ที่เจี๋ยนเซียวเหยาปรากฏตัวขึ้นมา หลายคนที่มีความข้องเกี่ยวกับเขาก็มีความแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ ไม่ว่าจะเป็นฮันลั่วเซวี่ย ชิงเล่ย หรือแม้แต่นักบวชเซียงเหยียนก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน”
“และบัดนี้ บรรดาผู้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมาก นำโดยคุณชายเฉียนหลงและคุณชายลู่ปิงเหวิน พวกเขาต่างก็อยู่รอดปลอดภัยและมีความเจริญก้าวหน้าอย่างที่สุด ในกลุ่มคนเหล่านี้มีเพียงฉินโซวผู้เดียวเท่านั้นที่บ้านแตกสาแหรกขาด ตนเองต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉิน เพราะหลังจากที่แต่งภรรยาใหม่เข้าจวนได้ไม่นาน เขาก็ไปกระทำการลวนลามอนุภรรยาบิดาของตนเอง…”
“ดูเหมือนว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ ผู้ใดทำดีต่อเจี๋ยนเซียวเหยาก็จะมีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ส่วนผู้ใดที่ทำไม่ดีกับเจี๋ยนเซียวเหยา ชีวิตก็จะต้องตกต่ำถึงขีดสุด”
ใต้เท้าเหลียนกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านมหาเทพเคยเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า ‘โชคชะตา'”
เด็กสาวเท้าเปล่าหัวใจกระตุกวูบขณะถามว่า “ใต้เท้าหมายความว่าเจี๋ยนเซียวเหยาคือบุคคลประเภทนี้หรือเจ้าคะ?”
ใต้เท้าเหลียนพยักหน้า “บัดนี้ข้าก็ยังมองไม่ออกหรอก เขาอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ข้าสงสัยว่าบุคคลที่เป็นโชคชะตาในดินแดนทวยเทพเรา คงไม่ได้มีแต่เจี๋ยนเซียวเหยาเพียงคนเดียวเท่านั้น… อย่างเช่นใต้เท้าฉางนั่นปะไร เขาเดิมพันไปไม่น้อยกับการสนับสนุนพานตั่วชิงจากเผ่าเทพตะวัน เพราะเขาก็เข้าใจว่าพานตั่วชิงน่าจะเป็นโชคชะตาของตนเองเช่นกัน”
เด็กสาวเท้าเปล่าพลันถามว่า “แล้วใต้เท้าเลือกเดิมพันในตัวผู้ใดหรือยังเจ้าคะ?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ใต้เท้าเหลียนยิ้มตอบกลับมา
เด็กสาวเท้าเปล่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าของนางจึงตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ใต้เท้าเหลียนค่อย ๆ หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องพลางถามว่า “ช่วงหลังนี้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทำอะไรอยู่บ้าง?”