ตอนที่ 1,323 ขอบคุณบรรพบุรุษ
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ จ้องมองคุณชายมู่พร้อมกับสอบถามว่า “เจ้ามีโอสถหัวใจพฤกษาอยู่ในมือแล้วหรือ?”
“เอ่อ… กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยไม่มีขอรับ”
คุณชายมู่หัวใจพองโต เมื่อเห็นลู่ปิงเหวินเรียกหลินเป่ยเฉินว่านายท่าน จึงบังอาจเรียกตามอย่างไม่กระดากปาก
เพราะเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้มีอนาคตยาวไกล สมควรต้องกอดขาไว้ให้แน่น ๆ แล้ว
เจี๋ยนเซียวเหยาน่าจะเป็นผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเทพเจ้ารุ่นใหม่
คุณชายมู่นวดเอวไปด้วยกล่าวต่อไปด้วยว่า “โอสถหัวใจพฤกษาเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าเทพไม้เขียว มันมีราคาแพงและมีขนาดเล็ก ปกติจะถูกจัดเก็บอยู่ในห้องลับของวิหาร ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ใดผู้หนึ่งขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเอามาให้ข้าได้หรือไม่?”
คุณชายมู่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “ย่อมได้แน่นอนขอรับ นายท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลได้เลยว่าข้าน้อยมู่หลินเซินผู้นี้เป็นบุคคลเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมขนาดไหน ไม่ว่าต้องการทำสิ่งใดแล้ว ก็จะทำให้สำเร็จผล แม้ว่าจะต้องใช้วิธีการชั่วช้ามากมายก็ตาม”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
นี่คือเรื่องที่สมควรภาคภูมิใจอย่างนั้นหรือ?
แต่ว่า…
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก
เขาจ้องมองมู่หลินเซินอย่างพินิจพิจารณามากขึ้น
“ข้าเคยลองสืบข้อมูลดูแล้ว โอสถหัวใจพฤกษามีราคาถึงหนึ่งพันล้านคะแนนศรัทธาใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
มู่หลินเซินตอบรับด้วยรอยยิ้ม “นายท่านไม่รู้อะไรเสียแล้ว นั่นเป็นเพียงราคาที่ผู้คนส่วนใหญ่ประเมินกันเองเท่านั้น แต่ในเมื่อโอสถหัวใจพฤกษาเป็นสิ่งที่ไม่มีวางขายอยู่ในท้องตลาด ต่อให้ท่านมีคะแนนศรัทธาหนึ่งพันล้านแต้ม ท่านก็ไม่มีทางหาซื้อมันได้เด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง “ถ้าอย่างนั้นมันมีราคาเท่าไหร่กันแน่?”
หากคะแนนศรัทธาหนึ่งพันล้านแต้มยังไม่พอ เขาก็ต้องรีบหาคะแนนศรัทธามาเพิ่ม
หากยังไม่พออีก…
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด ลอบคิดอยู่ในใจว่า หรือเราจะลงมือปล้นคนรวยช่วยคนจนดีนะ?
มู่หลินเซินนวดเอวด้วยมือหนึ่งและตบหน้าอกด้วยอีกมือหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เฮอะ คนอื่นอาจจะเอามาให้นายท่านไม่ได้ แต่ไม่ใช่ข้าน้อยคนนี้แน่นอน นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยจะจัดหาโอสถหัวใจพฤกษามาให้นายท่านในราคาหนึ่งพันล้านคะแนนศรัทธาเองขอรับ”
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุก
ไอ้หมอนี่มัวแต่พูดจาอ้อมค้อมอยู่ได้ สรุปก็คือเขาแค่เตรียมคะแนนศรัทธาเอาไว้หนึ่งพันล้านแต้มก็พอแล้วสินะ
“พี่ชาย ข้าคงต้องพึ่งท่านแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนท่าทีกล่าวต่อมู่หลินเซินด้วยความอบอุ่นใจ “ตั้งแต่ที่ข้าเห็นหน้าท่านครั้งแรก ข้าก็รู้แล้วว่าเราเป็นบุคคลสายพันธุ์เดียวกัน ข้าแน่ใจว่าเราจะต้องเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์กันตลอดไปแน่นอน”
มู่หลินเซินนั่งนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง “นายท่านเป็นวีรบุรุษประจำใจข้าน้อยจริง ๆ ขอรับ”
“ในเมื่อท่านพูดจาด้วยความสัตย์จริงเช่นนี้ ข้าก็มีของขวัญบางอย่างจะให้ท่าน เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ท่านก็จะสดชื่นและรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง”
กล่าวจบ หลินเป่ยเฉินก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า
บนฝ่ามือของเขาปรากฏกระปุกยาสีขาวกระปุกหนึ่ง
บนกระปุกมีแผ่นป้ายภาษาจีนเขียนแปะเอาไว้ว่า…
ยาฮุยเหรินเซินเป่าชนิดเม็ด
เมื่อเปิดฝากระปุกออก กลิ่นยาที่อยู่ด้านในก็ลอยตลบออกมาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินซื้อยาแก้ปวดเอวชนิดนี้มาจากแอปเถาเป่าเมื่อหลายวันก่อน เพราะกลัวว่าตนเองอาจจะหักโหมฝึกวิชากับชิงเล่ยหนักหน่วงมากเกินไป จนร่างกายอาจจะไม่พร้อมสำหรับการแข่งขันค้นหาเทพเจ้ารอบต่อไป
แต่ปรากฏว่าการฝึกวิชาดำเนินไปอย่างราบรื่น ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยาพวกนี้สักเม็ดเดียว
และหลินเป่ยเฉินตั้งใจจะใช้ยาแก้ปวดเอวกระปุกนี้แหละเอาชนะใจมู่หลินเซิน
“นี่คืออะไรหรือขอรับ นายท่าน?”
มู่หลินเซินถามออกมาด้วยความสงสัย
กระปุกยาสีขาวขุ่นกระปุกนี้มีลักษณะแปลกประหลาดมากเกินไป บนกระปุกยังติดป้ายที่ปรากฏตัวอักษรปริศนา ซึ่งมู่หลินเซินไม่เคยพบเห็นมาจากที่ไหนมาก่อน
แต่องค์ประกอบทั้งหมดทำให้มู่หลินเซินรู้สึกว่านี่ต้องเป็นสิ่งของล้ำค่าแน่ ๆ
“นี่คือโอสถวิเศษที่ใต้เท้ากั้วหลอมขึ้นมา เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว มันจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายของท่าน…”
หลินเป่ยเฉินพูดพร้อมกับเทเม็ดยาจากด้านในกระปุกออกมาหนึ่งเม็ดและชูให้มู่หลินเซินได้มองเห็น
มู่หลินเซินเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่สอบถามอะไรให้มากความ ก็ยื่นมือมาหยิบยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากทันที
หลังจากกลืนลงคอแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงความขม
แต่แล้วความขมกลับเปลี่ยนเป็นความหวาน
ทันใดนั้น เม็ดยานั้นก็ระเบิดพลังออกจากภายในร่างกาย มวลพลังบางอย่างแผ่ซ่านไปตามแขนขาของมู่หลินเซิน ช่วยบำรุงให้ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาในพริบตา
“อ๊า…”
มู่หลินเซินส่งเสียงครางในลำคอและร้องตะโกนว่า “เถ้าแก่ ขอสุราและนางรำมาให้ข้าเดี๋ยวนี้…”
เขาหันหน้ามามองที่หลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยคิดว่าตนเองหายดีแล้วขอรับ”
ลู่ปิงเหวินที่อยู่ด้านข้างเบิกตาโตด้วยความพิศวง
เมื่อรับประทานโอสถวิเศษเม็ดนั้นเข้าไปแล้ว ร่างกายก็กลับมาแข็งแรงดีดังเดิมได้เลยหรือ?
มันเป็นโอสถประเภทใดกัน?
“นายท่านขอรับ… คะ… คือว่าข้าน้อยเองก็เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของท่าน”
ลู่ปิงเหวินพูดอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่ายาฮุยเหรินเซินเป่าชนิดเม็ดมีอานุภาพขนาดไหน เขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะและโยนให้ลู่ปิงเหวินไปหนึ่งเม็ด
ลู่ปิงเหวินรีบรับไปยัดใส่ปากเคี้ยวกลืนด้วยความลนลาน
“เรื่องที่ให้เจ้าไปจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินสอบถามถึงเรื่องการเก็บหนี้
เป็นจังหวะเดียวกับที่ตัวยาออกฤทธิ์ต่อลู่ปิงเหวินพอดี บุรุษหนุ่มรับรู้ได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย เขาหัวเราะฮ่า ๆ และกล่าวว่า “ข้าน้อยสามารถทำได้อีกขอรับ… นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการทวงหนี้ ตอนแรกมีคนที่ไม่ยอมจ่าย ข้าน้อยก็เลยหักขาพวกมัน สุดท้ายพวกมันก็ต้องรีบหาเงินมาจ่ายอยู่ดี… นี่คือศิลาเทวะที่ได้มาทั้งหมดขอรับ”
หลินเป่ยเฉินรับแหวนเก็บของวิเศษออกมาตรวจสอบดูของด้านใน
“หืม? จำนวนศิลาถูกต้องแล้วหรือไม่?”
เขามองหน้าลู่ปิงเหวิน
“อ้อ คือว่าตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเมื่อวานนี้ ข้าน้อยตัดสินใจใช้ศิลาเทวะบางส่วนเลี้ยงสุราผู้คนในโรงเตี๊ยมด้วยนามของนายท่านขอรับ…” ลู่ปิงเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “นายท่านไม่ต้องขอบคุณข้าน้อยหรอก”
“ข้าจะไม่ขอบคุณได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าต้องขอบคุณไปจนถึงบรรพบุรุษของเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“แหม อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยขอรับ”
ลู่ปิงเหวินพลันรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตในอากาศ จึงรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “ความจริงเรื่องนี้เป็นความคิดของเหล่าซือกับเสี่ยวกวนขอรับ ข้าน้อยไม่สามารถขัดขวางพวกเขาได้… นายท่านไปขอบคุณพวกเขาดีกว่า”
“ข้าจะขอบคุณพวกเจ้าทั้งสามคนนั่นแหละ”
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล
ให้ตายเถอะ!
เขาอุตส่าห์ทำงานหนักแทบตาย กว่าจะหาศิลาเทวะมาได้แต่ละก้อนเลือดตาแทบกระเด็น แล้วพวกของลู่ปิงเหวินกลับนำไปเลี้ยงสุราผู้คนในโรงเตี๊ยมหน้าตาเฉยได้อย่างไร?
มีพี่น้องร่วมสาบานตัวแสบเช่นนี้ช่างน่าปวดหัวเหลือเกิน
หลังจากนั้น นางรำและนักดนตรีประจำหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวก็เดินเข้ามา
บรรยากาศในห้องอาหารของพวกเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ได้รับข้อความจากเฉียนหลง
เป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับการรักษาโรคบุปผามรณะ
ยาอีกสองตัวที่ให้ทดลองกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ได้ผลเป็นอย่างดี เพียงผู้ป่วยรับประทานสามวันเท่านั้น อาการของโรคบุปผามรณะก็หายขาดโดยทันที
หลินเป่ยเฉินดีใจจนยิ้มแก้มปริ
เฉียนหลงต่างหากที่สมควรเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา
“ข้าอยู่ที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าว”
หลินเป่ยเฉินตอบข้อความกลับไปผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม
‘รีบมาที่นี่สิ มีสาว ๆ สวย ๆ รอเจ้าอยู่เต็มไปหมด’
‘ข้าน้อยจะรีบไปทันทีขอรับ’
เฉียนหลงตอบข้อความกลับมาด้วยความตื่นเต้น
หลินเป่ยเฉินยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
รีบมาเร็ว ๆ เถอะ
เพราะเขาจะให้เฉียนหลงเป็นคนจ่ายค่าอาหารและค่านางรำทั้งหมดเอง
…
สภาเทพเจ้า วิหารส่วนตัวของใต้เท้าฉาง
พานตั่วชิงเดินเข้าไปในส่วนลึกของวิหารภายใต้การนำทางของหมิงรั่ว
“ใต้เท้าฉางจะลงโทษข้าหรือไม่?”
เขาถาม
“อย่าห่วงเลย นี่เป็นเรื่องดี”
หมิงรั่วตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา “เจ้าอยากแก้แค้นกับสิ่งที่ตนเองถูกกระทำในงานเลี้ยงเบิกฟ้าหรือไม่?”
พานตั่วชิงตอบกลับไปทันทีว่า “ย่อมอยากแก้แค้นอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าข้าน้อย…”
“วางใจเถอะ ใต้เท้าฉางจะให้โอกาสนั้นกับเจ้าเอง” หมิงรั่วกล่าวเสียงเรียบ