บทที่ 1330 ไม่สนใจและไม่จำเป็น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,330 ไม่สนใจและไม่จำเป็น

มีน้องชายอยู่ด้วยหรือ?

เฉียนหลงไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่

นายท่านของเขาสนใจแต่ในตัวของจุ่ยถููเพียงคนเดียว

ดังนั้น ให้พบเจอกันก่อนเถอะ เรื่องราวหลังจากนั้นค่อยว่ากัน

เฉียนหลงอยากสำรวจดูสถานที่ด้วยว่าพอจะมีโอกาสลักพาตัวจุ่ยถููได้หรือไม่

ขุนนางผู้มีนามว่าอวิ๋นอิงผู้นั้น แม้บัดนี้จะมีสถานะเป็นคนโปรดของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ แต่ด้วยความที่เพิ่งขึ้นสู่อำนาจได้ไม่นาน รากฐานทางอำนาจจึงไม่มั่นคง และมีผู้คนมากมายที่พยายามจะโค่นล้มอวิ๋นอิงลงจากตำแหน่ง

หากจุ่ยถููให้ความร่วมมือกับพวกเขาก็จะเป็นเรื่องดีที่สุด

“จุ่ยถููออกมาซะ มีผู้คนอยากพบเจ้า”

ตงเซียนส่งเสียงตะโกน

ตึก! ตึก! ตึก!

ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น

แล้วร่างที่สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำซอมซ่อก็เดินออกมาจากโพรงถ้ำ

บนแขนยังเหลือรอยแผลเป็นจากการต่อสู้กับหนูหลาน

แม้ผิวหนังจำนวนมากจะปรากฏกลับคืนมา ทว่าก็ยังพอมองเห็นข้อต่อโลหะบริเวณฝ่ามือและข้อศอกอยู่บ้าง และนั่นก็เกิดเป็นความสวยงามที่แปลกประหลาด

ดวงตาของฉู่เหินจ้องมองบรรดาคุณชายผู้มาเยือน สีหน้าของเขาเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่งขณะกล่าวว่า “มากันทำไมตั้งมากมาย มีเรื่องอะไรหรือ?”

กวนรั่วเฟยหยิบศิลาเทวะออกมาสองก้อนและยัดใส่มือตงเซียน

นักรบหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ รีบเก็บศิลาเทวะทั้งสองก้อนนั้นและเดินหนีหายไปทันที

แม้พวกเขาจะเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในเหมืองหินใต้ดินและพบเห็นศิลาเทวะจนชินตา แต่ถึงกระนั้น บรรดานักรบผู้รักษาความปลอดภัยก็ยังคงต้องการศิลาเทวะเช่นนี้ไม่ต่างไปจากผู้คนทั่วไปอยู่ดี

และตงเซียนก็มักจะหาหนทางสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับตนเองเสมอ

“คิดไม่ถึงเลยนะขอรับว่าผู้เข้าแข่งขันที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างเฉียบขาดเช่นนั้น จะมาอาศัยอยู่ในสถานที่ซอมซ่อเช่นนี้”

เฉียนหลงยิ้มและประสานมือทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อม “เป็นเกียรติของพวกเรานักที่ได้มาพบกับท่านนักสู้ และในเวลาเดียวกันนี้ พวกเราก็มีเรื่องอยากจะมาถามท่าน ไม่ทราบว่าท่านนักสู้มีความคิดที่จะลาจากเหมืองใต้ดินแห่งนี้และเปลี่ยนเจ้านายบ้างหรือไม่?”

ฉู่เหินกวาดสายตามองกลุ่มชายฉกรรจ์และส่ายหน้า “ไม่สนใจ”

เฉียนหลงใบหน้ากระตุกทันที

ลู่ปิงเหวินเดินเข้ามารับช่วงต่อ “ท่านนักสู้ไม่อยากรู้หรือขอรับว่าคนที่อยากจะเป็นเจ้านายใหม่ของท่านคือผู้ใด?”

“ไม่อยากรู้แม้แต่น้อย”

ฉู่เหินตอบอย่างตรงไปตรงมา

ลู่ปิงเหวินกะพริบตาปริบ ๆ

มู่หลินเซินสบโอกาสก้าวออกมาข้างหน้า “ผู้ที่อยากไถ่ตัวท่านออกไปนั้น เป็นถึงเทพเจ้ารุ่นใหม่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง หากท่านติดตามเขาผู้นี้ สถานะของท่านก็จะสูงส่งขึ้นโดยปริยาย ท่านไม่จำเป็นต้องมาทนอุดอู้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนี้อีกแล้ว…”

ฉู่เหินยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่สนใจ”

มู่หลินเซินอ้าปากค้าง

ซือเกินตั๋งขยับออกมายืนด้านหน้าสุด “ท่านนักสู้จุ่ย พวกเราให้ความสนใจท่านมานานแล้ว แม้ว่าท่านจะเป็นคนบาป หากท่านอาศัยอยู่ในเหมืองใต้ดินแห่งนี้ต่อไป ก็น่าเสียดายพรสวรรค์ของท่านยิ่งนัก แต่หากท่านติดตามนายท่านของพวกเรา นอกจากท่านจะสามารถปลดพันธนาการสถานะคนบาปได้แล้ว ท่านก็จะมีชีวิตที่มั่นคงอีกด้วย เหตุไฉนจึงไม่ลองคิดดูสักหน่อยเล่า?”

คำตอบของฉู่เหินยังคงเดิม “ไม่สนใจ”

“ท่านไม่อยากปลดผนึกสถานะคนบาปหรือ?”

กวนรั่วเฟยส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง “นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตเชียวนะ”

ฉู่เหินตอบว่า “ไม่สนใจ”

กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญพูดอะไรกันไม่ออกอีกแล้ว

คนบาปผู้นี้มีจิตใจหนักแน่นมั่นคงมากเกินไป และพวกเขาก็ไม่ทราบว่าจุ่ยถููมีจุดอ่อนอยู่ที่อะไร… ดังนั้น การสื่อสารจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

จะมีคนบาปที่ไหนบ้างกล้าปฏิเสธข้อเสนอจากกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์?

แม้ว่าพวกของลู่ปิงเหวินชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากอดทน

เพราะเฉียนหลงและพรรคพวกยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจี๋ยนเซียวเหยากับคนบาปจุ่ยถููผู้นี้คืออะไรกันแน่ หากจุ่ยถููเกิดเป็นคนสนิทของนายท่านขึ้นมา ขืนพวกเขากระทำการล่วงเกินไป มีหวังได้ซวยกันหมดแน่ ๆ

“ความจริงนั้น…”

เฉียนหลงเปลี่ยนน้ำเสียงมาพูดด้วยความจริงจังมากขึ้น “ท่านเองก็น่าจะรู้จักผู้ที่อยากจะไถ่ตัวท่านดี เพราะเขาผู้นั้นคือนายท่านเจี๋ยนเซียวเหยานั่นเอง”

ดวงตาของฉู่เหินเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาเล็กน้อย แต่สุดท้าย ก็ส่ายศีรษะตอบกลับเหมือนเดิม “ไม่สนใจ”

“ท่าน…”

ลู่ปิงเหวินพยายามข่มกลั้นอารมณ์อย่างสุดความสามารถ “พวกเราพูดไปตั้งมากมาย กรุณาไว้หน้าพวกเราบ้างเถอะ อย่างน้อยตอบรับคำอื่นบ้างก็ยังดี”

ฉู่เหินเงียบไปเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ไม่จำเป็น”

ลู่ปิงเหวินถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

ถือว่าเปลี่ยนไปพูดคำอื่นจริง ๆ ด้วย

มู่หลินเซินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรงดังออกมาจากด้านในโพรงถ้ำ

“แค่ก แค่ก แค่ก…”

ใครบางคนกำลังไอจนตัวโยน

สีหน้าของฉู่เหินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในถ้ำ

ดวงตาของมู่หลินเซินกับเฉียนหลงเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาพร้อมกัน

พวกเขาพบเจอจุดอ่อนแล้ว

คุณชายหนุ่มทั้งสองกำลังจะเดินตามเข้าไปในโพรงถ้ำใต้ดิน

วูบ!

ทันใดนั้น เสียมขุดดินขนาดใหญ่ก็พุ่งมาปักฉึกลงบริเวณทางเข้าโพรงถ้ำ

“ใครกล้าเข้ามา… ต้องตาย”

เสียงของฉู่เหินเต็มไปด้วยจิตสังหาร

กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญหยุดชะงักกึก

การระเบิดพลังของจุ่ยถููระหว่างการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่นั้น ทิ้งความตื่นกลัวไว้ในหัวใจของพวกเขาไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ กลุ่มชายหนุ่มจึงไม่กล้าตอแยจุ่ยถููมากเกินไป

“อย่าได้เข้าใจผิดสิขอรับ”

เฉียนหลงยกมือป้องปากตะโกน “พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ได้ยินว่าน้องชายของท่านป่วยหนัก บางทีเราอาจมีหนทางรักษา”

“ไม่จำเป็น”

ฉู่เหินส่งเสียงตอบกลับมาด้วยความหนักแน่น

“ท่านเชื่อใจพวกเราได้นะ พวกเรารู้จักหมอที่เก่งที่สุดในเมืองเยี่ยเฉิง เราสามารถเชิญหมอเหล่านั้นมาที่นี่ได้” มู่หลินเซินเดินเข้ามายกมือป้องปากตะโกนเช่นกัน “ข้าน้อยมาจากเผ่าเทพไม้เขียว พวกเราถนัดเรื่องการรักษาโรคอยู่แล้ว”

“ใช่แล้วขอรับ พวกเราไม่ได้คิดใช้เรื่องนี้บังคับให้ท่านตัดสินใจสักหน่อย แต่พวกเราอยากจะช่วยเหลือน้องชายของท่านเท่านั้นเอง”

ลู่ปิงเหวินพูดปิดท้ายอย่างน่าเชื่อถือ

เขาคุ้นเคยดีกับการเจรจารูปแบบนี้

เพราะมันไม่ต่างจากการหว่านเสน่ห์ใส่ยอดหญิงงามจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ ลู่ปิงเหวินถนัดกับการป้อนคำหวาน เช่น ‘ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าเพียงลำพัง’ ‘ข้าอยากจะจับมือของเจ้าสักนิด’ ‘ในนี้อากาศร้อนเกินไป ขอข้าถอดเสื้อออกหน่อยแล้วกัน’ ‘ดูลักษณะแล้ว เจ้าก็น่าจะร้อนเช่นกัน มามะ เดี๋ยวข้าช่วยถอดเสื้อให้เอง’ ‘ข้าสัญญาว่าจะขอถูไถเพียงภายนอกเท่านั้น ไม่รุกล้ำเข้าไปภายในเด็ดขาด’ ‘ข้ารับปากว่าจะรีบเข้ารีบออก…’

“ไม่จำเป็น”

ฉู่เหินยังคงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ

บรรดาคุณชายเจ้าสำราญเริ่มไปไม่ถูกกันอีกครั้ง

คนบาปจุ่ยถููเปลี่ยนจากคำว่า ‘ไม่สนใจ’ มาเป็นคำว่า ‘ไม่จำเป็น’ แม้จะเป็นถ้อยคำเพียงสามพยางค์ แต่ก็ถือว่าเป็นประโยคปฏิเสธที่ชัดเจนยิ่ง

เสียงไออย่างรุนแรงพลันดังแทรกขึ้นมา

แล้วเสียงไอก็ค่อย ๆ เบาลง

แต่เสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงที่ดังออกมานั้น ก็ทำให้บรรดาพวกของเฉียนหลงยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนป่วยผู้นี้มีอาการหนักเพียงใด

พวกเขาได้แต่หยุดยืนอยู่ปากทางเข้าโพรงถ้ำ ไม่ทราบเลยว่าตนเองสมควรทำอย่างไร

ทันใดนั้น…

“จุ่ยถูู ได้เวลาแล้ว ยังไม่รีบออกมารับการลงโทษอีก”

เสียงตะโกนอย่างดุร้ายดังกังวาน

และบรรดาคุณชายเจ้าสำราญก็เห็นลูกสมุนของขุนนางอวิ๋นอิงโดยสารเรือเหาะลำหนึ่งลอยลำมาแต่ไกล

หัวหน้ากลุ่มเป็นชายฉกรรจ์สวมใส่หมวกเหล็กประดับหนามแหลม เขามีรูปร่างเตี้ยม่อต้อ ไว้หนวดเคราสีแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยชั้นไขมัน พุงป่อง หอบหายใจฟืดฟาด

“นี่คือหน่วยผู้คุมกฎประจำเหมืองใต้ดิน”

เฉียนหลงกระซิบแผ่วเบา

พรรคพวกของเขาได้แต่ยืนนิ่งเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง

หน่วยผู้คุมกฎเริ่มกระโดดลงมาจากเรือเหาะลำนั้น

ผู้ที่นำออกมาด้านหน้าสุดย่อมต้องเป็นหัวหน้ากลุ่ม

คนผู้นี้หันมาเหลียวมองพวกของลู่ปิงเหวินเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นพวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา จึงหันหน้ากลับไปไม่คิดสนใจอีก หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าโพรงถ้ำและคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว “จุ่ยถูู เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงยังไม่รีบออกมาอีก จงออกมารับการลงโทษเสียดี ๆ”

ฉู่เหินเดินออกมาจากโพรงถ้ำอย่างช้า ๆ

เขาชำเลืองมองไปที่หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎ ก่อนหยุดยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากนั้นจึงได้ถอดเสื้อคลุมของตนเองออกมา เปิดเผยถึงรอยแผลเป็นจำนวนมากที่อยู่บนแผ่นหลัง…

เพียะ!

เงาแส้วาดตัวผ่านอากาศ

แล้วสายแส้ก็ฟาดลงไปบนแผ่นหลังของฉู่เหิน ส่งเลือดเป็นสายสาดกระจาย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท