บทที่ 1331 หลินเป่ยเฉินมาแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,331 หลินเป่ยเฉินมาแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”

พวกของเฉียนหลงยืนอึ้งตะลึงงัน

ทำไมจุ่ยถููถึงยอมถูกเฆี่ยนตีแต่โดยดีเช่นนี้?

ไม่คิดต่อต้านขัดขืนสักหน่อยหรือ?

เพียะ!

เพียงพริบตาเดียว รอยแส้ก็ปรากฏขึ้นเป็นจำนวนหลายรอย

แผ่นหลังของฉู่เหินมีโลหิตไหลซึมออกมา

“หยุดก่อน”

ซือเกินตั๋งระเบิดเสียงคำราม เดินเข้าไปจับข้อมือของหัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎและกล่าวว่า “นี่เรื่องอะไรกัน? เหตุไฉนจึงต้องเฆี่ยนตีผู้คน?”

หัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎชักสีหน้าใส่ซือเกินตั๋งด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าซือเกินตั๋งสวมใส่เสื้อผ้าหรูหราและไม่ใช่คนบาปทาสรับใช้ประจำเหมืองใต้ดิน เขาจึงกล่าวตอบด้วยความสุภาพมากขึ้น “นี่เป็นกฎประจำเหมืองของเรา จุ่ยถููต้องถูกเฆี่ยนตีวันละสามรอบ รอบละหนึ่งร้อยครั้ง… ไม่ทราบว่าท่านคือผู้ใด?”

มีกฎเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

ซือเกินตั๋งหันกลับมามองหน้าพรรคพวกของตนเอง

แม้พวกเขาจะเป็นคุณชายจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่ก็เคยติดต่อกับกลุ่มคนบาปอยู่บ้าง และพวกของซือเกินตั๋งก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีกฎเช่นนี้อยู่ด้วย

“นี่เป็นกฎผีสางอันใด?”

ลู่ปิงเหวินพูดเสียงเข้ม “ไสหัวไปซะ ธุระของพวกเรากับจุ่ยถููยังไม่จบ”

เมื่อตนเองมีสถานะสูงส่ง ลู่ปิงเหวินจึงไม่ต้องเคารพยำเกรงหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎของเหมืองใต้ดินแม้แต่น้อย

“พวกเจ้า…”

หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎมีสีหน้าลังเล “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? กล้าดีอย่างไรมาออกคำสั่งกับข้า…”

เพียะ!

ได้ยินเสียงฝ่ามือตบใส่ใบหน้าดังสนั่นหู

ร่างของหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎหมุนคว้างสามร้อยหกสิบองศา

กวนรั่วเฟยลดมือของตนเองลง ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งออกมาเช็ดมือของตนเองด้วยสีหน้าขยะแขยง เปิดเผยให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลของคุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองเยี่ยเฉิง “เจ้ามีค่าอันใดถึงได้มาถามนามสูงส่งของพวกเรา? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎบวมช้ำยิ่งกว่าหัวหมูไหว้เจ้า เขาลุกขึ้นเซถอยหลังด้วยความแตกตื่นลนลาน ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก และทำได้เพียงนำลูกสมุนของตนเองกลับขึ้นเรือเหาะไปเท่านั้น…

แต่ระหว่างที่กลับขึ้นไปบนเรือเหาะก็ส่งเสียงตะโกนออกมาว่า “พวกเจ้าสุนัขป่าเถื่อนเป็นผู้ใดมาจากไหน กล้ามาก่อกวนเหมืองใต้ดิน… ฝากไว้ก่อนเถอะ”

แล้วเรือเหาะก็ลอยลำจากไป

กวนรั่วเฟยและพรรคพวกหันมาจ้องมองที่ฉู่เหินอีกครั้ง

บาดแผลบนแผ่นหลังของคนบาปผู้นี้สมานตัวด้วยความรวดเร็วสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงพริบตาเดียว บาดแผลจากแส้ทมิฬนั้นก็หายไป ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็นสักรอยเดียว

“ขนาดท่านเป็นผู้เข้าแข่งขันคนสำคัญ ขุนนางอวิ๋นอิงยังกล้าทำกับท่านถึงเพียงนี้ แม้แต่สุนัขก็ยังรักชีวิตของมันเอง… แล้วท่านจะยังไม่ไปจากที่นี่อีกหรือ?”

เฉียนหลงอดถามออกมาไม่ได้

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกท่านด้วย?”

สีหน้าของฉู่เหินยังคงเรียบเฉย “คุณชายทั้งหลายได้โปรดกลับไปเถอะ นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกท่านควรมาอยู่”

ในที่สุด เขาก็พูดออกมามากกว่าเดิมแล้ว

มู่หลินเซินไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน “อวิ๋นอิงทารุณท่านถึงเพียงนี้ เหตุไฉนท่านยังจะอยู่กับมันอีก? หรือว่าท่านมีเหตุผลที่พูดออกมาไม่ได้? อย่าได้กังวลไปเลย ตระกูลของข้าอยู่กับเผ่าเทพไม้เขียวมานานนับพันปี ส่วนคุณชายท่านนี้ก็มาจากตระกูลของเผ่าเทพอัคคี และท่านนี้ก็มาจากเผ่าเทพทองคำ… พวกเราต่างก็เป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์จากเมืองเยี่ยเฉิง ขอเพียงท่านเอ่ยปากออกมาเท่านั้น พวกเราจะหาทางแก้ปัญหาให้ท่านโดยทันที…”

พูดยังไม่ทันจบ

ฉู่เหินก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในถ้ำหน้าตาเฉย

คุณชายเจ้าสำราญทั้งห้าคนได้แต่หันมองหน้ากัน

แปลกประหลาด

หรือว่าคนบาปจุ่ยถููชอบถูกทารุณ?

เพราะการอยู่ที่นี่จะทำให้เขาได้รับการทารุณทุกวัน?

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น

“ดูเหมือนครั้งนี้เราจะทำให้นายท่านผิดหวังซะแล้วสิ”

“นั่นสินะ คนบาปผู้นี้ใจแข็งมาก พวกเราทำไม่สำเร็จหรอก…”

“บางทีนายท่านอาจจะต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง”

“ต่อให้นายท่านมาก็เปล่าประโยชน์ ขนาดพวกเราห้าคนยังทำไม่สำเร็จ นายท่านเพียงคนเดียวจะทำสำเร็จได้อย่างไร”

“ถูกต้อง นายท่านอาจจะเก่งเรื่องการรับมือกับสตรี แต่นายท่านไม่เก่งเลยเรื่องการรับมือกับบุรุษ…”

“ถูกต้อง นายท่านไม่มีทางกล่อมคนบาปผู้นี้ได้สำเร็จเด็ดขาด”

กลุ่มชายหนุ่มปรึกษาหารือกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ทันใดนั้น ซือเกินตั๋งนึกอะไรได้บางอย่าง จึงพูดออกมาเบา ๆ ว่า “แต่นายท่านรับมือกับพวกเราได้ดีมากเลยนะ”

คุณชายหนุ่มอีกสี่คนพูดอะไรไม่ออก

ก่อนที่จะช่วยกันจับแขนจับขาซือเกินตั๋งและสั่งสอนกันคนละหมัดสองหมัด

หลังจากนั้น หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎผู้ดุร้ายก็กลับมาอีกครั้ง

คราวนี้เขานำตัวชายฉกรรจ์ผู้สวมใส่ชุดเกราะหนามแหลมมาด้วย

หมวกเหล็กของชายฉกรรจ์ผู้นี้มีหนามแหลมมากกว่าหมวกเหล็กของหัวหน้ากลุ่ม แต่ถึงแม้จะมีรูปร่างเตี้ยม่อต้อเหมือนกัน ทว่ากล้ามเนื้อบนร่างกายกลับมีความกำยำมากกว่ากันหลายเท่า

“กราบเรียนคุณชายทั้งหลาย ไม่ทราบว่ามีเหตุผลอันใดจึงได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องราวของพวกเรา?”

ชายฉกรรจ์หมวกเหล็กถือป้ายสีแดงชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ “ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นคนหนุ่มมีความสามารถ ข้าเองก็ไม่อยากล่วงเกิน เพราะฉะนั้น ข้าอยากรบกวนให้คุณชายทั้งหลายรับชมการลงโทษในความสงบ อย่าได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องราวของพวกเราอีก”

และป้ายสีแดงในมือของเขาก็ระเบิดแสงสว่างเรืองรอง

สีหน้าของบรรดาคุณชายเจ้าสำราญแปรเปลี่ยนไป

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นบุตรหลานจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อพลังคุกคามถูกปลดปล่อยออกมาจากป้ายแดงนั้น กลุ่มบุรุษหนุ่มก็รู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้นมาทันที

“ดำเนินการลงโทษต่อไป”

ชายฉกรรจ์หมวกเหล็กระเบิดเสียงคำราม

หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎหัวเราะเยาะและหันมามองพวกของเฉียนหลงก่อนตะโกนว่า “จุ่ยถูู เจ้าเข้าไปตายอยู่ในนั้นแล้วหรือ? ยังไม่รีบออกมารับการลงโทษอีก”

ร่างของฉู่เหินเดินกลับออกมาอย่างแช่มช้า

เขาไม่พูดคำใด ถอดเสื้อคลุมของตนเองออกและหันหลังเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเก่าแก่

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้รักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง?”

หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎหัวเราะด้วยความชั่วร้าย “มีความสามารถเหลือเกินนะ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง การลงโทษเมื่อสักครู่นี้ถือเป็นโมฆะ ข้าจะเริ่มลงโทษใหม่อีกครั้ง และวันนี้เจ้าต้องได้รับการลงโทษมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า…”

พูดจบก็สะบัดข้อมือ

ควับ!

สายแส้ตัดผ่านอากาศกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปหาแผ่นหลังของฉู่เหิน…

เฉียนหลงอยากจะเข้าไปขัดขวาง แต่แผ่นป้ายในมือของชายฉกรรจ์หมวกเหล็กมีพลังกดดันทำให้พวกเขาไม่อาจขยับตัวได้

ทุกคนเห็นว่าสายแส้กำลังจะฟาดลงไปที่แผ่นหลังของฉู่เหิน…

วูบ!

รังสีกระบี่พลันสาดลำแสงเป็นประกาย

รังสีกระบี่สีเงินทำให้เหมืองใต้ดินที่มืดมิดสว่างไสว

บังเกิดแสงสว่างวูบวาบ

“อ๊าก…”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“มือของข้า มือของข้า…”

หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎกุมแขนขวาของตนเองและส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

ช่วงแขนตั้งแต่ใต้ข้อศอกลงมาของเขาถูกตัดขาด มือขวาร่วงหล่นลงไปอยู่บนพื้นดิน โลหิตไหลทะลักปานน้ำพุ

เงาร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมใส่หน้ากากสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นราวกับเป็นวิญญาณร้ายตนหนึ่ง

เงาร่างปริศนาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่หน้าทางเข้าถ้ำ

“นายท่าน”

เฉียนหลงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

เช่นเดียวกับคุณชายคนอื่น ๆ

ในที่สุด นายท่านก็มาแล้ว

ในที่สุด ปัญหาก็กำลังจะได้รับการคลี่คลายแล้ว

แม้พวกเขาจะยังมองไม่ออกเลยก็ตามว่านายท่านจะคลี่คลายปัญหาได้อย่างไร

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าทักทายกลุ่มลูกสมุนของตนเอง ก่อนจะหันไปจ้องมองชายฉกรรจ์ผู้ยืนหันหลังให้กับเขา

และฉู่เหินก็หันกลับมามองหลินเป่ยเฉินอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงได้หันกลับไปมองที่หัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎซึ่งกำลังร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ก่อนที่จะขมวดคิ้วนิ่วหน้า กล่าวว่า “วุ่นวายเกินไปแล้ว… เมื่อเจ้าจากไป เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาใหม่”

พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในถ้ำ

“นี่? รอก่อนสิขอรับ”

หลินเป่ยเฉินกำลังจะเดินตามเข้าไป

ทันใดนั้น…

“บังอาจนัก”

ชายฉกรรจ์หมวกเหล็กผู้ถือป้ายสีแดงระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น เขาดึงค้อนเหล็กที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังออกมา ตัวคนเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินจากทางด้านหลัง

จิตสังหารปกคลุมบรรยากาศ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท