บทที่ 1355 สัมผัสที่หก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,355 สัมผัสที่หก

เพราะว่าหลินเป่ยเฉินขยับเท้าก้าวไปทางขวาสามก้าว

เป็นการขยับเท้าที่ธรรมดายิ่ง

แต่ตรงนั้นกลับเป็นช่องว่างในค่ายอาคมพอดี

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้ค่ายอาคมปั่นป่วนเล็กน้อย

และนั่นก็ทำให้ร่างของหลินเป่ยเฉินมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าฉางจิ้งคงห่างออกไปสิบกว่าวาเท่านั้นเอง

การโจมตีด้วยกระบี่วายุพักตร์เมื่อสักครู่นี้จึงพลาดเป้าหมาย

เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่?

เจี๋ยนเซียวเหยาถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้า แล้วจะค้นพบช่องว่างในค่ายอาคมได้อย่างไร?

หัวใจของฉางจิ้งคงเริ่มรู้สึกหวั่นไหว

ทันใดนั้น ค่ายอาคมกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ช่องว่างในค่ายอาคมสลายหายไป

หลินเป่ยเฉินกลับเข้าไปติดอยู่ในกับดักดังเดิม

ฉางจิ้งคงยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม นางควบคุมกระบี่วายุพักตร์ด้วยพลังจิต แล้วกระบี่เล่มนั้นก็พุ่งเข้าไปหาหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง

มวลอากาศปั่นป่วนราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแยกออกจากกัน

ผู้คนที่ถูกตัดขาดประสาทสัมผัสทั้งห้าย่อมไม่สามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้

บรรยากาศปกคลุมด้วยจิตสังหาร

แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ขยับตัวอีกครั้ง

เขาถอยหลังไปสามก้าว

แล้วร่างของเขาก็หายวับไป

กระบี่วายุพักตร์พลาดเป้าหมายเป็นครั้งที่สอง

ลมหายใจต่อมา ร่างของหลินเป่ยเฉินก็กลับมาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ เขายืนอยู่ห่างจากฉางจิ้งคงเพียงสิบวาเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้น?

ฉางจิ้งคงหัวใจกระตุกวูบ

เมื่อสักครู่ เจี๋ยนเซียวเหยาสามารถค้นพบช่องว่างของค่ายอาคมได้อีกครั้ง ทำให้สามารถหลบหนีการสังหารได้อย่างทันเวลา

หากครั้งแรกเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว

หรือว่าเขามีวิธีค้นพบช่องว่างในค่ายอาคมของนาง?

ฉางจิ้งคงคิดด้วยความหวาดวิตก

วูบ!

กระบี่วายุพักตร์ถูกดึงกลับไปลอยวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของนาง

ลำแสงสาดประกายลงมาเป็นม่านพลังปกป้องรอบกาย

ในเวลาเดียวกันนี้ ลำแสงกระบี่จากหลังหมอกขาวในค่ายอาคมก็เริ่มรัวยิงใส่หลินเป่ยเฉินจากรอบทิศทาง

ในเมื่อการโจมตีด้วยกระบี่พิฆาตไม่ได้ผล ฉางจิ้งคงก็ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบสังหาร แม้ว่าการยิงลำแสงกระบี่ใส่จะทำให้ตายช้าลง แต่อย่างน้อยก็เป็นวิธีการที่แน่นอนขึ้น

ลำแสงกระบี่เหล่านั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พุ่งทะลวงเข้าสู่ร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

โลหิตสาดกระจาย

โลหิตไหลทะลักออกมาเท่าที่จะไหลได้

ในอากาศเหม็นคาวด้วยกลิ่นเลือด

นี่คือภาพที่น่าตกตะลึง

หลินเป่ยเฉินขยับไปทางขวาหกก้าวอย่างกะทันหัน

ร่างของเขาหายวับไป

และเมื่อมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มก็ยืนอยู่ห่างจากฉางจิ้งคงเพียงห้าวาเท่านั้น

ใช่แล้ว

เขาสามารถตรวจพบช่องว่างในค่ายอาคมได้อีกครั้งและเข้าใกล้ผู้ควบคุมค่ายอาคมมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพื่อสลายค่ายอาคม หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องสังหารผู้ควบคุม

ซึ่งนั่นก็คือฉางจิ้งคง

หากผู้ควบคุมตาย ค่ายอาคมก็จะสลายลง

นี่คือหลักการพื้นฐานสำหรับนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคม

ฉางจิ้งคงรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง

นี่คือภัยคุกคามที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิด

นางไม่เข้าใจเลยว่าเจี๋ยนเซียวเหยาซึ่งถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้านั้น ยังสามารถค้นพบช่องว่างในค่ายอาคมได้อย่างไร?

หรือว่าเขามีสัมผัสที่หก?

ฉางจิ้งคงรู้ดีว่าในดินแดนทวยเทพ ผู้คนส่วนหนึ่งมีสัมผัสที่หกอันร้ายกาจ

โดยเฉพาะหลังจากที่ถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้า นักเวทบางคนก็จะสามารถเปิดการใช้งานสัมผัสที่หกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หรือว่าเจี๋ยนเซียวเหยาจะมีความสามารถนั้น?

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะปิดการทำงานสัมผัสที่หกของเจ้าซะ”

ฉางจิ้งคงแสดงสีหน้าดุดันอำมหิต

นางกระแทกฝ่ามือลงไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตนเอง

ฟู่!

โลหิตไหลทะลักออกปาก

ฉางจิ้งคงรีบยกมือขึ้นลูบโลหิต

หญิงสาวใช้นิ้วมือแทนพู่กัน ใช้โลหิตแทนหยดหมึก ใช้อากาศแทนแผ่นกระดาษ วาดอักขระโบราณที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ

“โลหิตคือสื่อกลาง เผาผลาญวิญญาณในค่ายอาคม ปลดปล่อยมวลพลังแห่งความตาย… ย๊ากกก”

ฉางจิ้งคงระเบิดเสียงคำรามพลางท่องคาถา พร้อมกันนั้นก็เป็นจังหวะที่เขียนอักขระลึกลับเสร็จพอดี

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

อักขระลึกลับเหล่านั้นถูกส่งเข้าไปในค่ายอาคม

ทันใดนั้น หมอกขาวเพิ่มความหนาตัวและมวลอากาศเกิดความปั่นป่วนขึ้น

เพียงเท่านี้ ฉางจิ้งคงก็สามารถใช้พลังเสริมที่ได้มาปิดกั้นการทำงานสัมผัสที่หกของเจี๋ยนเซียวเหยาได้แล้ว

“สัมผัสที่หกดับสิ้น”

เสียงคำรามอย่างอำมหิตตะโกนออกมาจากปากของฉางจิ้งคง

ร่างของหลินเป่ยเฉินในค่ายอาคมสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะยืนนิ่ง

ใบหน้าที่ซีดขาวของฉางจิ้งคงยิ้มมุมปากเล็กน้อย

เรียบร้อยแล้ว

“เมื่อไม่มีสัมผัสที่หก ดูซิว่าเจ้าจะหาช่องว่างเจออีกหรือไม่”

นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและส่งกระบี่วายุพักตร์เข้าไปโจมตีอีกครั้ง

กระบี่สีเงินสาดประกายระยิบระยับ คมกระบี่สั่นไหว พุ่งทะยานเข้าไปหาหลินเป่ยเฉินด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด

“ตำนานปีศาจน้อยคงมีจุดจบเพียงเท่านี้”

“ลาก่อน”

ฉางจิ้งคงยิ้มกว้างด้วยความสะใจ

“จบสิ้นแล้ว”

เมื่อเห็นฉากนี้ พานตั่วชิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “เจ้านี่ต้องตายด้วยน้ำมือของฉางจิ้งคงจริง ๆ ข้าจึงไม่มีโอกาสได้ฆ่ามันเองกับมือ ช่างน่าเสียดายนัก”

หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา

“แต่ยังมีบรรดาสหายของมันอยู่อีกนี่นะ ฮ่า ๆๆ ข้าจะฆ่าพวกมันเรียงตัวต่อหน้าศพของเจี๋ยนเซียวเหยาและข้าจะส่งพวกมันให้ไปพบกันในยมโลก มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นข้าถึงจะหายแค้น”

“จบสิ้นแล้ว”

ในวิหารใหญ่ ใต้เท้าฉางสรุปผลการแข่งขันอยู่ในใจ

เมื่อตกไปอยู่ในค่ายอาคมภาพมายา และถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหก มิหนำซ้ำ ยังต้องเผชิญหน้าการโจมตีจากกระบี่วายุพักตร์ เจี๋ยนเซียวเหยาก็มีแต่ต้องพ่ายแพ้สถานเดียว

แม้ว่าทางทฤษฎี จะยังคงมีความเป็นไปได้สุดท้ายที่เด็กหนุ่มจะเปลี่ยนจากความพ่ายแพ้มาเป็นชัยชนะ

แต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น

“จบสิ้นแล้ว”

ใต้เท้าซินกล่าวออกมาช้า ๆ

ผู้ที่เป็นนักเวทต่างก็ลงความเห็นตรงกันว่า ในขณะนี้ เจี๋ยนเซียวเหยาไม่ต่างไปจากลูกไก่ในกำมือที่รอเวลาถูกฆ่าตายเท่านั้น

เมื่อประสาทสัมผัสที่หกถูกปิดกั้น ก็ไม่มีหนทางรอดชีวิตอีกแล้ว

และฉางจิ้งคงผู้ควบคุมกระบี่วายุพักตร์ ย่อมไม่เปิดเผยช่องว่างให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน

ใบหน้าของใต้เท้าซินแสดงออกถึงความพอใจเป็นอย่างสูง

เจี๋ยนเซียวเหยากำลังจะต้องพบกับความตาย

กว่าที่ฉางจิ้งคงจะสามารถสร้างค่ายอาคมที่แข็งแกร่งได้เช่นนี้ ใต้เท้าซินต้องทุ่มเททรัพยากรของตนเองออกไปไม่น้อย แต่หากนั่นจะนำมาสู่ความตายของเจี๋ยนเซียวเหยาได้จริง ๆ ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว

“ใต้เท้าเจ้าคะ เจี๋ยนเซียวเหยากำลังจะตายแล้ว”

เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำเบิกตาโต

ใต้เท้าเหลียนกลับยิ้มออกมาเล็กน้อยและไม่พูดคำใด

“ใต้เท้าคิดว่าเจี๋ยนเซียวเหยายังมีโอกาสชนะอยู่หรือเจ้าคะ?”

เด็กสาวเท้าเปล่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนสีหน้าของผู้เป็นนายท่าน จึงถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

“อาจจะ”

ใต้เท้าเหลียนยังคงจ้องมองไปที่สะพานหินโบราณตาไม่กะพริบ

ในค่ายอาคม

หลินเป่ยเฉินไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

เขารู้สึกเหมือนตนเองได้กลับไปอยู่ในครรภ์มารดาอีกครั้ง

ไม่สิ มันมีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่ายิ่งกว่าในครรภ์มารดาเสียอีก

ไม่มีด้านบน ไม่มีด้านล่าง ไม่มีข้างซ้าย ไม่มีข้างขวา ไม่มีความสูง ไม่มีความต่ำ…

ไม่มีกาลเวลา

ไม่มีพื้นที่

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตัดขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง

สิ่งเดียวที่ยังทำให้เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ ก็คือเสียงสดใสซึ่งดังขึ้นในสองหู

เป็นเสียงของผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะเสี่ยวจี้

“ขณะนี้อยู่ห่างจากเป้าหมายอีกห้าวา ขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นขยับไปทางขวาอีกหนึ่งก้าว และเดินหน้าไปอีกหนึ่งก้าวเจ้าค่ะ…”

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท