ตอนที่ 1,357 ใต้เท้าซิน
เนื่องด้วยมุมภาพจากการถ่ายทอดสด ผู้คนจำนวนมากจึงมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็สวมใส่หน้ากากกลับคืนตามเดิม
แต่ถึงกระนั้น ความหล่อเหลาของเขาก็ทำให้ฉางจิ้งคงตะลึงลาน
แม้แต่ในห้วงคิดสุดท้าย นักเวทสาวก็ยังรู้สึกว่าช่างเป็นเกียรติเหลือเกินที่ตนเองจะได้ตายด้วยน้ำมือของบุรุษผู้หล่อเหลาเช่นนี้
ความเจ็บปวดจากหน้าอกและลำคอทำให้นางเกือบหมดสติลงแล้ว
ทันใดนั้น ฉางจิ้งคงก็หลุดออกมาจากภวังค์แห่งความหล่อเหลา
แต่มันก็สายเกินไป
มือของเด็กหนุ่มมีเปลวไฟลุกโชน ไม่ว่าฉางจิ้งคงจะพยายามดิ้นรนเพียงใด นางก็สลัดไม่หลุด
“ข้าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้าเลย แต่น่าเสียดายที่บนสะพานหินแห่งนี้ มีผู้รอดชีวิตได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ดังนั้น เจ้าจึงต้องตาย”
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงขั้นนี้ ฉางจิ้งคงก็ไม่มีทางรอดอีกต่อไป
น้ำเสียงของหลินเป่ยเฉินบอกชัดว่าเห็นใจ แต่มือของเขาช่างอำมหิต พลังอัคคีเทวะระเบิดอย่างรุนแรง แล้วเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ลุกไหม้ทั่วร่างกายของฉางจิ้งคง
นักเวทสาวผมสีชมพูถูกเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กลืนกินทั้งเป็น
พรึ่บ!
ทันใดนั้น มวลพลังที่แปลกประหลาดระเบิดออกมา
นิ้วมือทั้งห้าของหลินเป่ยเฉินสั่นไหว
เขาตกใจ
และในลมหายใจต่อมา ร่างของฉางจิ้งคงก็สลายหายกลายเป็นหมอกควัน หลงเหลือเพียงเถ้าถ่านปลิวกระจายอยู่ในอากาศ
ตายแล้วหรือ?
มวลพลังเมื่อสักครู่นี้…
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น ประตูมิติบนสะพานหินก็ค่อย ๆ เปิดออก
การต่อสู้จบลงแล้ว
ดูเหมือนว่าฉางจิ้งคงจะตายแล้วจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นับเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น
เป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุด นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาถึงดินแดนทวยเทพ
เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ดับมอดลง อาการบาดเจ็บของเขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง หลินเป่ยเฉินเดินเข้าสู่ประตูมิติอย่างสง่างาม
…
“สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เขาถูกตัดประสาทสัมผัสทั้งหกเช่นนั้น ยังสามารถชนะได้อย่างไร?”
“ภายใต้หน้ากากของเจี๋ยนเซียวเหยา มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?”
“ล่าสุดมีข่าวลือว่าความจริงนั้น เจี๋ยนเซียวเหยาเป็นอดีตคนรักของฉางจิ้งคง เมื่อเขาถอดหน้ากากแสดงให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริง ฉางจิ้งคงจึงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขาก็เลยใช้โอกาสนี้สังหารนาง…”
“ถ้าอย่างนั้น เจี๋ยนเซียวเหยาก็เป็นตัวบัดซบแล้ว เขาสามารถฆ่าอดีตคนรักของตนเองได้อย่างไร”
“เหลวไหล”
“ความจริงนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เจี๋ยนเซียวเหยาเพียงฝึกวิชาเวทมนตร์ เวลาใช้งานก็แค่ต้องถอดหน้ากากเท่านั้น… เป็นฉางจิ้งคงประมาทมากเกินไป”
“ผิดแล้ว ความจริงเป็นเพราะว่าเจี๋ยนเซียวเหยาหล่อเหลามากเกินไปต่างหาก!”
“หล่อเหลาถึงขนาดทำให้คนตายได้เชียวหรือ?”
“ผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลาจะอำมหิตขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ข่าวลือจำนวนมากก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง
มีเพียงผู้ที่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจี๋ยนเซียวเหยาเท่านั้นจึงจะทราบความจริง
แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘ความจริง’ นั้นกลับน่าตลกเกินกว่าจะเป็นคำอธิบาย
“น่าขันสิ้นดี เขาจะต้องหล่อเหลาขนาดไหน ถึงจะทำให้ฉางจิ้งคงจิตใจหวั่นไหวได้เพียงนี้?”
“อีกอย่าง พวกเจ้าคิดว่าคนอย่างฉางจิ้งคง นางจะลุ่มหลงในตัวบุรุษเช่นนี้หรือ?”
หลายคนหัวเราะเยาะใส่ ‘ความจริง’ ด้วยความตลกขบขัน
…
“นี่คือโอกาสชนะที่ใต้เท้ากล่าวถึงใช่ไหมเจ้าคะ?”
ในวิหารใหญ่ เด็กสาวเท้าเปล่าถามด้วยความเหลือเชื่อ
ใต้เท้าเหลียนเพิ่งหลุดพ้นออกจากความตกตะลึง สั่นศีรษะกล่าวตอบเสียงยานคาง “ไม่ใช่”
แน่นอนว่าการระเบิดพลังขั้นสุดท้ายของเจี๋ยนเซียวเหยาอยู่นอกเหนือการคาดเดาของนาง
“แต่ใต้เท้าบอกว่าเขาอาจจะมีโอกาสชนะ?”
เด็กสาวเท้าเปล่าถามอย่างสงสัยใจ “หรือใต้เท้าเชื่อมั่นในตัวของเทพีกระบี่?”
นางจำได้ดีว่าใต้เท้าเหลียนเคยให้ความสำคัญกับเทพธิดาขี้เมาผู้นี้มากทีเดียว
ใต้เท้าเหลียนพยักหน้าช้า ๆ
ตอนแรก นางเข้าใจว่าเจี๋ยนเซียวเหยาผู้เป็นลูกศิษย์ของเทพีกระบี่จะต้องมีอาวุธเด็ดอยู่ในมือสำหรับใช้ยามฉุกเฉินอย่างแน่นอน หรือเลวร้ายที่สุด เทพีกระบี่ก็คงยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการแข่งขันเพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ของนาง เช่นเดียวกับที่ใต้เท้าฉางช่วยเหลือฉางจิ้งคงออกไปในจังหวะสุดท้าย
แต่ใต้เท้าเหลียนคิดไม่ถึงเลยว่าเจี๋ยนเซียวเหยากลับสามารถเอาชนะได้ด้วยตนเอง
และเขามีหน้าตาที่แท้จริงหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง
หล่อเหลายิ่งกว่าบุรุษทุกคนที่จะสามารถหล่อเหลาได้
แม้แต่เทพเจ้าที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่สุดในดินแดนทวยเทพ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความหล่อเหลาของเจี๋ยนเซียวเหยา
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวใจของใต้เท้าเหลียน
บุรุษหนุ่มรูปงาม
เทพธิดาสาวแสนสวย
หรือว่าเจี๋ยนเซียวเหยากับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง… จะเป็นคู่รักกัน?
…
พื้นที่ตอนกลางของเมืองเยี่ยเฉิง
วิหารของใต้เท้าซิน
ห้องโถงใหญ่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส การตกแต่งจำลองพื้นที่ด้านในสภาเทพเจ้ามาทุกกระเบียดนิ้ว
แต่สองข้างทางเดินที่มีเสาหินเงินขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มก้อนเมฆจำลองนั้น ยังคงมีทิวทัศน์ของม่านน้ำตก ภูเขา และการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรอยู่มากมาย
เสาเงินเหล่านั้นส่องแสงสว่าง ทำให้ในห้องโถงใหญ่ไม่มืดมิด มันมีความสว่างเสียจนแทบทำให้ผู้คนมองไม่เห็นกันและกัน
หากไม่มีพลังแข็งแกร่งมากพอ ก็จะไม่มีทางเดินเข้าสู่วิหารแห่งนี้ได้เด็ดขาด หากไม่มีพลังแข็งแกร่งมากพอ คนผู้นั้นก็จะหลงทางอยู่ในนี้ไปจนตาย
นี่คือทางเดินที่ไม่มีทางเดิน
ใต้เท้าซินเป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่ของสภาเทพเจ้า ปกติมีสถานะเป็นพญามังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง น้อยครั้งมากที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
มีสองเหตุผลที่ใต้เท้าซินมักเก็บเนื้อเก็บตัวต่อโลกภายนอก…
เพราะใต้เท้าซินเป็นสตรี
เป็นสตรีที่ชื่นชอบสตรี
บัดนี้ นางสวมใส่ชุดเสื้อคลุมบางเบา เผยให้เห็นถึงช่วงไหล่ขาวเนียนไร้ตำหนิ นางกำลังนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และใช้หวีมรณะซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งสางผมที่ยาวสลวยของตนเอง
ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม
เป็นการเคลื่อนไหวที่เปี่ยมล้นด้วยมนต์เสน่ห์
ลูกไฟเงินดวงหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศทางด้านหลังของนาง
ทันใดนั้น ร่างของใครบางคนก็ก้าวออกมาจากดวงไฟ
เป็นร่างที่เปลือยเปล่าขาวราวหิมะ
นี่คือร่างของสาวงามที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นช่วงแขน ช่วงขา ช่วงเอว หรือหน้าอก ต่างก็สมสัดส่วนเกิดเป็นความงามไร้ที่ติ ผมยาวสลวยสีชมพูแผ่สยายลงมาปกคลุมหน้าท้องและยาวเรื่อยลงไปจนถึงข้อเท้า
นี่คือฉางจิ้งคงที่ควรจะตายไปแล้ว
“ขอบคุณใต้เท้าที่ช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้”
ฉางจิ้งคงคุกเข่าข้างเดียวด้วยความเคารพเทิดทูน
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วยามใช้ค่ายอาคมใหญ่เช่นนี้ จิตใจต้องสงบนิ่ง ห้ามเกิดความหวั่นไหวเด็ดขาด แต่เจ้าก็ไม่เชื่อฟังข้า… เพียงมันผู้นั้นถอดหน้ากากออกมา เจ้าก็หลงเสน่ห์มันอย่างโงหัวไม่ขึ้น… ความพยายามทั้งหมดที่พวกเราทุ่มเทมาจึงต้องสูญเปล่าไปเสียแล้ว”
ใต้เท้าซินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน สะบัดหน้ากลับมามองด้วยความแง่งอน
ไม่ต่างจากเด็กสาวที่เพิ่งเริ่มมีความรัก
ฉางจิ้งคงรีบลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “เป็นข้าน้อยประมาทเกินไป… ข้าน้อยไม่ทราบว่าเจี๋ยนเซียวเหยาสามารถค้นพบช่องว่างในค่ายอาคมมายาจิตได้อย่างไร ชั่วขณะนั้น จิตใจของข้าน้อยจึงไม่มั่นคง…”
“ในโลกใบนี้ มีหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้…” ใต้เท้าซินยื่นมือออกมาหยุดยั้งที่เอวคอดกิ่วของฉางจิ้งคง ก่อนที่มือจะเลื่อนขึ้นไปขยำยอดภูเขาไฟอย่างไร้ความปรานี “เพราะฉะนั้น ข้าจึงไม่อยากเสียตำแหน่งนี้ไป”
“อ๊า…”
ฉางจิ้งคงส่งเสียงครางอย่างเสียวกระสัน “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ… ข้าน้อยคิดว่าเจี๋ยนเซียวเหยา… อ๊า…”
ใต้เท้าซินก้มหน้าลงและจูบนางอย่างดูดดื่ม
“เรื่องอื่นเอาไว้คุยกันทีหลัง วางใจเถอะ อีกไม่นานจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในดินแดนทวยเทพ ตำแหน่งของเทพเจ้าจะว่างลงเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะให้เจ้าเลือกเองว่าอยากจะดำรงตำแหน่งเทพเจ้าของผู้ใด”
แล้วพวกนางก็พัวพันกันไม่ต่างจากเถาวัลย์ไม้เลื้อย