ตอนที่ 1,358 ของรางวัล
“เย้!”
เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังกึกก้องคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู
ทุกคนต่างก็ยกจอกสุราขึ้นฉลองให้แก่การกลับมาของหลินเป่ยเฉิน
“นายท่านยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานที่สุดเลยขอรับ”
เฉียนหลงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ทั้ง ๆ ที่ถูกปิดกั้นการทำงานของสัมผัสทั้งหกไปเช่นนั้น แต่นายท่านก็ยังสามารถฆ่านางได้สำเร็จ นายท่านทำได้อย่างไรกัน?”
“ใช่แล้วขอรับ นายท่านยอดเยี่ยมที่สุด”
“เมื่อสักครู่นี้ ข้าน้อยหวาดกลัวแทบตาย นึกว่านายท่านจะต้องพ่ายแพ้เสียแล้ว…”
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ยังจำภาพการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ได้ดี ในขณะนั้น พวกเขาต่างก็คิดกันจริง ๆ ว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะต้องตาย
ผู้ใดจะคิดเลยว่าสถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้
“พวกเจ้ามันไม่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคงเพียงพอ”
ซือเกินตั๋งผุดลุกขึ้นยืน ชูจอกสุราในมือขึ้นสูงพร้อมกับกล่าวว่า “นายท่านขอรับ ข้าน้อยจะขอดื่มให้กับนายท่าน ข้าน้อยเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของนายท่านตลอดมา ข้าน้อยรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายท่านจะต้องเป็นผู้ชนะ”
บรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์อีกสี่คนที่เหลือต่างก็เบิกตาโต
เพราะซือเกินตั๋งเป็นคนแรกเลยไม่ใช่หรือที่ร้องบอกให้พวกเขารีบไปซื้อหาโลงศพเพื่อจัดเตรียมพิธีศพให้แก่นายท่าน?
“จัดการมัน”
ลู่ปิงเหวินคำรามด้วยความโกรธแค้น
แล้วกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งสี่ก็ช่วยกันรุมซือเกินตั๋งจนลงไปนอนกองอยู่บนพื้นดิน
ชิงเล่ยเฝ้ามองสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างมีความสุข เมื่อคนรักของนางกลับมาอย่างปลอดภัย หัวใจของหญิงสาวจึงกลับมาเต้นอย่างเป็นปกติอีกครั้ง
ตอนที่รับชมการถ่ายทอดสดเมื่อสักครู่ ชิงเล่ยกลัวจริง ๆ ว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องตายอยู่ที่หุบเหวโหยหวน หากเป็นเช่นนั้น ชิงเล่ยก็สาบานว่าชีวิตหลังจากนี้ของตนเอง นอกจากจะมีอยู่เพื่ออันอันแล้ว นางจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแก้แค้น
ไม่ว่าทำอย่างไรนางก็จะต้องแก้แค้นให้ได้
ฉู่เหินกับไต้จือฉุนล้วนมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กหนุ่มจอมเสเพลซึ่งเป็นบุคคลสมองเสื่อมแห่งเมืองหยุนเมิ่งจะเติบใหญ่มาถึงเพียงนี้ หากพวกเขาได้เดินทางกลับแผ่นดินตงเต้าด้วยกันเมื่อไหร่ จักรวรรดิเป่ยไห่ก็คงยกสถานะของตนเองขึ้นมาเทียมฟ้าแล้วกระมัง?
พวกเขาทั้งสองคนต่างก็มีความหวัง
โดยเฉพาะไต้จือฉุน
หลังจากรับประทานยาวิเศษ โรคบุปผามรณะก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ไต้จือฉุนต้องนำสีมาแต้มไว้บนร่างกายเป็นลวดลายกลีบดอกไม้เพื่อตบตาผู้คน
“ข้าเพิ่งนึกอะไรได้บางอย่าง”
ฉู่เหินพูดออกมาช้า ๆ “ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าพานตั่วชิงถูกลอบสังหารจนได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ? แต่เท่าที่ดูการต่อสู้ของเขาในวันนี้ เขาดูไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บสาหัสสักเท่าไหร่”
“คนผู้นี้มีความร้ายกาจเกินไป”
ลู่ปิงเหวินเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิดและพูดต่อ “เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเคยใช้ระเบิดควันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู และอาศัยจังหวะที่ศัตรูไม่ทันระวังตัวคว้าชัยชนะได้สำเร็จ… นายท่านต้องระวังนะขอรับ ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าพานตั่วชิงยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกบ้างในรอบชิงชนะเลิศ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ความเข้มข้นและความอันตรายของการแข่งขันทำให้หลินเป่ยเฉินรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า ในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ครั้งนี้ ล้วนเต็มไปด้วยพยัคฆ์มังกรซ่อนเล็บ เขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
รอบรองชนะเลิศเขาแทบเอาตัวไม่รอด
รอบชิงชนะเลิศจะต้องอันตรายมากกว่านี้แน่นอน
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องวางแผนให้ดี
ระหว่างที่พูดคุยกันถึงตรงนี้ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
เป็นเจ้าอ้วนมาพร้อมกับเจ้ากิ้งก่ายักษ์
เจ้าอ้วนเดินกะเผลกเข้ามาพร้อมกับที่มีเบ้าตาดำคล้ำราวกับผ่านการทุบตีมาอย่างหนัก เพียงมองดูแวบเดียว หลินเป่ยเฉินก็รู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของหญิงชราที่โกรธแค้นจากการถอนตัวของเจ้าอ้วนแน่ ๆ
แต่เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็มีสภาพสะบักสะบอมไม่ต่างกัน หางของมันขาดร่องแร่ง กระดูกขาข้างซ้ายแตกหัก ใบหน้าบวมช้ำ เกล็ดบนผิวหนังหลุดลอกจำนวนมาก สภาพน่าอนาถยิ่ง
“เจ้า… เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเป่ยเฉินแกล้งถามด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉิน เจ้ากิ้งก่ายักษ์ก็ไม่ต่างจากสุนัขที่ถูกทุบตีจากคนแปลกหน้าและได้กลับมาพบเจอเจ้าของตนเองอีกครั้ง มันรีบวิ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่มและส่งเสียงครางผ่านทางลำคอ คล้ายกับต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง
เจ้ากิ้งก่ายักษ์พูดว่าอะไร?
หลินเป่ยเฉินได้แต่หันไปมองหน้าเจ้าอ้วน “เจ้าไปโดนอะไรมา?”
เจ้าอ้วนยกมือเกาศีรษะด้วยความเขินอาย “มะ… มะ… มารดาของข้าน้อย…”
เพียงเท่านี้ก็เข้าใจแล้ว
ทั้งเจ้าอ้วนและเจ้ากิ้งก่ายักษ์ต่างก็ถูกหญิงชราทุบตี
หลินเป่ยเฉินอดกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “เป็นหญิงชราที่ดุร้ายยิ่ง”
เจ้าอ้วนจมูกบวมช้ำ ใบหน้าบวมปูด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชาย ย่อมไม่สามารถขัดขืนการลงโทษจากมารดา ถึงถูกทุบตีแทบตายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงรอดชีวิตมาได้ก็ถือว่าบุญแล้ว
แต่เจ้ากิ้งก่ายักษ์ที่เป็นสัตว์อสูรระดับสูงกลับโดนทุบตีจนมีสภาพบอบช้ำเช่นนี้เหมือนกันหรือ?
เกรงว่าจะเป็นหญิงชราที่ดุร้ายจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ สาบานกับตนเองในใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าอ้วนและมารดาทราบเด็ดขาดว่าผู้ส่งยาปริศนาที่ข่มขู่ให้เจ้าอ้วนถอนตัวออกจากการแข่งขันนั้นก็คือตัวเขาเอง
“นายท่านขอรับ ยะ… ยะ… ยินดีด้วย…”
เจ้าอ้วนรีบแสดงความยินดีอย่างรวดเร็ว
การผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคือเรื่องสำคัญ
ดังนั้น เจ้าอ้วนจึงรีบมาแสดงความยินดีโดยเร็วที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้
“เจ้ายังมีกะใจมายินดีกับข้าอีกหรือนี่?”
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ
เจ้าอ้วนคือคนจิตใจดีที่มีสติปัญญาต่ำต้อย แต่กลับยังมีความคิดมาร่วมแสดงความยินดีต่อหลินเป่ยเฉิน… นับว่าเป็นมิตรแท้ผู้หนึ่งอย่างแท้จริง
เจ้าอ้วนยกมือเกาศีรษะของตนเองอีกครั้งและกล่าวว่า “มะ… มารดา…”
อ้อ ที่แท้เป็นมารดาส่งมานี่เอง
หลินเป่ยเฉินยิ่งรู้สึกว่าหญิงชราผู้เป็นมารดาของเจ้าอ้วนต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ทุกคนกินดื่มในสวนหย่อมหน้าคฤหาสน์อย่างมีความสุข ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไป
เจ้ากิ้งก่ายักษ์ทิ้งหางของมันเอาไว้ให้พวกเขาสิบชิ้น บัดนี้ หางเหล่านั้นเมื่อผ่านการย่างไฟก็ส่งกลิ่นหอมฉุยน่ารับประทาน แต่ที่คฤหาสน์เหลือเพียงหลินเป่ยเฉินกับชิงเล่ยสองคนเท่านั้น หางกิ้งก่าย่างเหล่านี้จึงจะกลายเป็นของฝากให้แก่อันอันกับฉินเฉียนเซวียนเด็กหญิงทั้งสองคนนั้นแล้ว
แต่ในทันใด…
วูบ!
ประตูมิติสีเงินพลันเปิดออกในอากาศ
นักเวทชราปรากฏตัวขึ้นหน้าคฤหาสน์อย่างไม่มีสัญญาณเตือน
“ท่านอาจารย์”
ชิงเล่ยรีบประสานมือทำความเคารพ
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าท่านอาจารย์ห่วงใยตนเองมาก
และเมื่อการแข่งขันรอบรองชนะเลิศผ่านไป จิตใจของชิงเล่ยก็เข้มแข็งมากขึ้น นางหวังว่าตนเองจะได้เป็นผู้ช่วยข้างกายของเจี๋ยนเซียวเหยาและไม่ต้องคอยหลบลมหลบฝนอยู่ข้างหลังเขาอีก
หลินเป่ยเฉินกลับไม่ยินดีต้อนรับชายชราสักเท่าไหร่
“เฮอะ ท่านผู้เฒ่า คิดจะเข้าบ้านผู้ใดก็เข้ามาได้เลยหรือ? ไม่รู้จักการเคาะประตูหรืออย่างไร?”
น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างอย่างแปลกประหลาด
แต่นักเวทชรากลับไม่สนใจคำพูดของหลินเป่ยเฉินแม้แต่น้อย เขาสะบัดมือวูบหนึ่ง แล้ววัตถุบางอย่างก็ถูกโยนออกมา
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือคว้ารับไว้ตามสัญชาตญาณ
หืม?
ถุงมืออีกข้างอย่างนั้นหรือ?
หน้าตาดูคุ้น ๆ จัง
“อย่าบอกนะว่าถุงมือที่เคยให้ข้าก่อนหน้านี้เป็นของปลอม?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย “นี่คือถุงมือเทวฤทธิ์ของจริงใช่หรือไม่?”
“นี่เป็นถุงมืออีกข้างต่างหาก”
นักเวทชราตอบเสียงเรียบ “ใต้เท้าสั่งให้ข้านำมามอบให้กับเจ้า”
เจี๋ยนเซียวเหยารอดชีวิตจากการแข่งขันในวันนี้ นักเวทชรารู้สึกผิดหวังไม่น้อย เขาไม่อยากจะพูดอะไรอีก
หลังจากนั้น นักเวทชราก็หันไปมองหน้าชิงเล่ยและกล่าวว่า “เจ้ารับชมการแข่งขันจบแล้ว บัดนี้ได้เวลากลับไปฝึกวิชากับอาจารย์ต่อ”
กล่าวจบ
แสงสีเงินก็ครอบคลุมรอบบริเวณ
วูบ!
แล้วร่างของชิงเล่ยก็หายวับไป
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน
ให้ตายสิ
เขาเพิ่งจะรอดพ้นการต่อสู้เสี่ยงตายมาแท้ ๆ ยังไม่ทันได้รับการปลอบใจจากชิงเล่ย นักเวทอู่จิวก็มาแย่งชิงตัวนางไปจากเขาหน้าตาเฉย
ทนไม่ไหวแล้วโว้ย
นี่มันตั้งใจปาดหน้ากันชัด ๆ
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วกลางชูใส่ท้องฟ้าด้วยความโกรธแค้น
หลังจากนั้น เขาก็กลับมาสำรวจถุงมือทองคำในมือของตนเอง
หน้าตาของมันไม่ได้แตกต่างไปจากถุงมือเทวฤทธิ์ที่เขาเคยมีอยู่ก่อนหน้านี้
“เป็นของจริงแน่หรือเปล่าเนี่ย?”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นรัวเร็วด้วยความลุ้นระทึก
เขารีบสวมใส่ถุงมือและเมื่อลองโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ลงไป รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที
เป็นของจริง
เพียงเท่านี้ หลินเป่ยเฉินก็มีถุงมือเทวฤทธิ์ครบทั้งสองข้างแล้ว
สวยงามมาก
“เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนหน้านี้ใต้เท้ากั้วเคยเล่าให้เราฟังว่าตอนที่เทพเจ้าแห่งแดนรกร้างเสียชีวิต ชุดเกราะที่สวมใส่ได้แตกสลายออกจนเหลือเพียงถุงมือข้างเดียวเท่านั้น แล้วนี่เขาไปเอาอีกข้างมาจากไหน?”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ใต้เท้ากั้วก็โกหกเช่นกัน
นับว่าในดินแดนทวยเทพไม่มีคนดีอยู่เลยจริง ๆ