ตอนที่ 1,368 ข้อแลกเปลี่ยน
มู่หลินเซินไม่ต้องการติดตามหลินเป่ยเฉินเข้าไปสู่ด้านในโพรงต้นไม้ เขาจึงยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับมารดาและผายมือเป็นท่าทีว่า ‘เชิญ’
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปด้านใน
แต่หลังจากเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มก็นึกอะไรได้บางอย่าง จึงหยุดเท้าและหมุนตัวกลับไปพูดว่า “จริงด้วยสิขอรับ ข้าเป็นสหายสนิทกับบุตรชายของท่าน บุตรชายของท่านเป็นคนดีมาก เขาไม่เคยเที่ยวหอนางโลม ไม่เคยดื่มสุรา ข่าวลือที่ว่าเขาเที่ยวไปแข่งขันวัดความแข็งแกร่งเชิงชายนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น หากท่านไม่เชื่อ ท่านจะลองสืบสวนเรื่องนี้ดูก็ได้”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สองแก้มขาวเนียนของหญิงสาวผู้เป็นมารดามู่หลินเซินแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วความขวยเขินนั้นก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินหยุดพูด หมุนตัวกลับมา ก้าวเท้าเดินเข้าสู่ด้านในโพรงต้นไม้ต่อไป
ด้านในโพรงต้นไม้มีสภาพเหมือนถ้ำแห่งหนึ่งจริง ๆ
ด้านบนทางเดินถึงกับมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ดวงดาวเหล่านี้ไม่ต่างไปจากจุดสีเงินที่แต่งแต้มอยู่ทั่วผืนผ้ากำมะหยี่ขนาดใหญ่ แสงสว่างของมันทำให้เวลาก้าวเดินก็จะเกิดเงาดำทอดตัวอยู่ใต้ฝ่าเท้า…
หลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาได้ไม่ไกล
เขาก็พบเจอเข้ากับม่านพลังขวางกั้น แต่ทันใดนั้น ม่านพลังก็เลื่อนเปิดออก ไม่ต่างไปจากประตูที่มีระบบตรวจจับเซนเซอร์อัตโนมัติในชาติภพที่แล้วของหลินเป่ยเฉิน
ด้านหลังม่านพลังเป็นดินแดนอันกว้างใหญ่ มีต้นไม้ที่สวยงาม ขุนเขาเขียวขจีและสวนดอกไม้บานสะพรั่ง
นี่คือโลกธรรมชาติที่แท้จริง
เป็นค่ายอาคมที่สวยงามยิ่งนัก
ที่นี่ไม่เหมือนกับสถานที่ภายในโพรงต้นไม้แม้แต่น้อย
แว่วเสียงสายลมกระโชกแรง
ใบหูของหลินเป่ยเฉินกระดิก
ไม่ใช่
นี่ไม่ใช่เสียงสายลม
แต่เป็นเสียงลมหายใจ
เพียงแต่มันเป็นเสียงลมหายใจที่ดังมากเกินไป ทุกครั้งที่เสียงลมหายใจพัดผ่าน บรรยากาศก็คล้ายกับเกิดพายุหมุนขึ้นในที่ห่างไกล ได้ยินเสียงดังโครมครามครืนครันตลอดเวลา
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบตัว
ทันใดนั้น เด็กหญิงร่างเล็กผู้ผูกผมหางม้าสองแกละก็เดินออกมาอย่างแช่มช้า ใบหน้าที่สวยงามของนางมีดวงตากลมโตผิดปกติ ดวงตาของนางไม่ต่างไปจากลูกแก้วสดใสสีเขียวมรกตเปล่งประกายระยิบระยับด้วยความสงสัยใคร่รู้
เสียงลมหายใจนั้นดังออกมาจากจมูกของนาง
เสียงโครมครามครืนครันนั้นคือเสียงหัวใจของนาง
หืม?
เด็กคนนี้มาได้อย่างไร?
“น้องสาว บิดามารดาของเจ้าอยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ตายหมดแล้ว”
เด็กหญิงตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่ต่างไปจากเสียงเสียดสีกันของกิ่งไม้
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
“แล้วญาติผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
“ตายหมดแล้วเช่นกัน”
เด็กหญิงร่างเล็กเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
เขาอยากยกตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งความโชคร้าย ‘ผู้คนล้มตาย บ้านช่องพังพินาศ’ ให้แก่นางเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบตัวอีกครั้งและพบว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในสถานที่นี้อีกแล้ว ฉับพลันนั้น หัวใจของเด็กหนุ่มก็กระตุกวูบ “หรือว่าเจ้าคือท่านยายของมู่หลินเซิน?”
“หึหึ”
เด็กหญิงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ “สวัสดี หลานชาย”
หลินเป่ยเฉินอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ
ให้ตายสิ!
ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเทพไม้เขียวมีตัวจริงเป็นเด็กหญิงร่างเล็กอย่างนี้หรือ?
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านยายของมู่หลินเซินจะไม่ใช่หญิงชราหน้าตายับย่นด้วยริ้วรอยตีนกา แต่กลับเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังผู้หนึ่ง
เพราะเหตุใดอายุกับรูปลักษณ์จึงได้สวนทางกัน?
หากจะอธิบายให้ถูกต้องก็คือ นี่เขากำลังพบเจอกับนางเฒ่าทารกใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัว
ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอีกแล้ว
มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า
“ผู้น้อยคำนับท่านผู้อาวุโส ได้ข่าวว่าผู้อาวุโสยินดีขายโอสถหัวใจพฤกษาแล้วใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินกล่าวถาม “ช่างบังเอิญเสียจริงขอรับ”
“บังเอิญอันใด?”
หญิงชราทารกเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ เงยหน้าถามด้วยความไร้เดียงสา
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “เพราะข้าน้อยอยากจะซื้อมันขอรับ”
หญิงชราทารกก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยและใต้เท้าของนางก็มีต้นไม้งอกเงยขึ้นมา ต้นไม้นั้นยกร่างของนางให้สูงขึ้นมาเทียบเท่ากับส่วนสูงของหลินเป่ยเฉิน ดังนั้น หญิงชราทารกจึงสามารถสบตามองหน้าเขาได้โดยไม่ต้องเงยหน้าอีกแล้ว
นางยื่นมือน้อย ๆ ออกมาข้างหน้า
บนฝ่ามือปรากฏแสงสว่างสีเขียวเป็นประกายระยิบระยับ
หากลองพิจารณาดูให้ละเอียดก็จะมองเห็นว่าในประกายสีเขียวนั้น ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยวัตถุประหลาดรูปทรงหัวใจชิ้นหนึ่ง
พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนออกมาจากวัตถุชิ้นนั้นอย่างหนาแน่น
วัตถุประหลาดรูปทรงหัวใจระเบิดแสงสว่างสีเขียวครอบคลุมทั่วบริเวณ
นี่คือโอสถหัวใจพฤกษาในตำนาน
หญิงชราทารกปล่อยให้โอสถหัวใจพฤกษาลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาของนางจ้องมองที่มาหลินเป่ยเฉินพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “โอสถหัวใจพฤกษาอายุหนึ่งพันปี มีราคาตามท้องตลาดคือหนึ่งพันล้านแต้มคะแนนศรัทธา แต่เราจะไม่ขายตามราคาท้องตลาด ข้าจะขายในราคาที่สูงมากกว่านั้นอีกเท่าตัว ไม่ทราบว่าเจ้านำเงินมาเพียงพอหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินรับฟังด้วยความสบายใจ
เพราะในเมื่อหญิงชราทารกมองเขาเป็นสหายสนิทของหลานชายสุดที่รักของนาง นี่ก็หมายความว่านางคงไม่ได้ตั้งใจโก่งราคาเขาจริง ๆ หรอก
“ผู้เยาว์มีเรื่องบางอย่างอยากสอบถามผู้อาวุโส”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ปรากฏข่าวลือว่าโอสถหัวใจพฤกษามีสรรพคุณช่วยรักษาใบหน้าที่เสียโฉมให้แก่สตรีได้ ไม่ทราบว่านี่คือความจริงหรือไม่?”
ดวงตาของหญิงชราทารกทอแววประหลาดใจวูบ “อย่าบอกนะว่าที่เจ้าอยากได้โอสถหัวใจพฤกษา ก็เพราะอยากจะนำไปรักษาใบหน้าที่เสียโฉมให้แก่สตรีผู้หนึ่ง?”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ”
หญิงชราทารกถามด้วยความสงสัย “สตรีผู้ใดกันที่จะมีใบหน้าคุ้มค่ากับการลงทุนถึงสองพันล้านแต้มคะแนนศรัทธาเช่นนี้? นางเป็นอะไรกับเจ้า?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “นางเป็น… เป็นเพื่อนร่วมสำนักศึกษาของผู้เยาว์”
“แค่เพื่อนร่วมสำนักศึกษา?”
เห็นได้ชัดว่าหญิงชราทารกไม่เชื่อ
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างแข็งขัน “และก็ยังเป็นสหายสนิทของผู้เยาว์อีกด้วย”
“ไม่ใช่คนรักอย่างนั้นหรือ?” ดวงตากลมโตของหญิงชราทารกเป็นประกายล้อเลียน
หลินเป่ยเฉินรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ใช่ขอรับ”
“ข้าไม่เชื่อ”
หญิงชราทารกส่ายศีรษะและกล่าวต่อ “โบราณกล่าวว่าความรักทำให้ผู้คนเสียสติ… และบัดนี้ เจ้าก็กำลังเสียสติด้วยความรัก สตรีนางนั้นคงมีความสำคัญต่อเจ้ามาก…”
หลินเป่ยเฉินล้มเลิกความคิดที่จะอธิบายไปทันที
“และหลานชายสุดที่รักของข้าก็ไปเป็นสหายสนิทกับตัวโง่งมอย่างเจ้าเนี่ยนะ” หญิงชราทารกใช้สายตาสำรวจมองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับกำลังพบเจอตัวประหลาดที่ไม่น่าคบหา
ผ่านไปอึดใจใหญ่ นางจึงได้ยิ้มออกมาและกล่าวอีกครั้ง “การรักษาใบหน้าที่เสียโฉมเป็นเพียงหนึ่งในสรรพคุณข้างเคียงของโอสถหัวใจพฤกษาเท่านั้น แต่สรรพคุณหลักที่แท้จริงของมัน แม้แต่บรรดาเทพเจ้าก็อยากได้ไว้ในการครอบครอง เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย ตอบว่า “ขอเพียงรักษาใบหน้าที่เสียโฉมได้ สรรพคุณอื่น ๆ ผู้เยาว์ก็ไม่สนใจอีกแล้วขอรับ”
“ให้ตายเถอะ เจ้านี่มันหมดหวังแล้วจริง ๆ”
หญิงชราทารกถอนหายใจด้วยความเอือมระอา “สำหรับโอสถหัวใจพฤกษาชิ้นนี้ ข้าจะขายให้เจ้าเพียงครึ่งราคาจากท้องตลาดเท่านั้น”
นั่นหมายถึงห้าร้อยล้านคะแนนศรัทธา?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความดีใจ “มีเงื่อนไขอะไรไหมขอรับ?”
“มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว”
หญิงชราทารกกล่าว “เจ้าต้องช่วยข้านำสิ่งของบางอย่างไปไว้ในวิหารต้องห้ามเท่านั้น”
ผู้ชนะการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ จะได้เข้าสู่วิหารต้องห้ามเพื่อไปเลือกตำแหน่งของตนเอง
นี่คือกฎกติกาที่ทุกคนทราบดี
“ของสิ่งนั้นคืออะไรขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองควรถามรายละเอียดให้รอบคอบก่อนดีกว่า
เพราะในโลกมนุษย์ชาติภพที่แล้วของเขา เคยมีคนมากมายที่รับของฝากจากเพื่อนเพื่อนำไปส่งให้อีกสถานที่หนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าต้องถูกตำรวจจับกุมในภายหลัง เพราะสิ่งของที่นำไปส่งนั้นเป็นยาเสพติด
“ก็แค่ใบไม้ธรรมดาใบหนึ่ง”
หญิงชราทารกยกมือดีดนิ้ว แล้วใบไม้ที่คดงอใบหนึ่งก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน มันไม่ได้มีความแปลกประหลาดพิสดารไปจากใบไม้ธรรมดาตามต้นไม้ทั่วไปเลย ไม่มีการลงค่ายอาคม ไม่มีแม้แต่การลงอักขระอาคมเอาไว้สักตัวด้วยซ้ำ
“ความสามารถเดียวของมันก็คือ มันจะช่วยให้ข้าสามารถขโมยตำแหน่งเทพเจ้าในวิหารต้องห้ามได้โดยสะดวก”
หญิงชราทารกกล่าวออกมาตามความสัตย์จริง
“ท่านผู้อาวุโสอยากได้ตำแหน่งพวกนั้นหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความเหลือเชื่อ
หญิงชราในร่างเด็กน้อยตอบว่า “ถูกต้อง เพราะข้าไม่อยากตาย… ผู้คนในลำดับชั้นเทพเจ้าจำแลงจะอย่างไรก็มีสิ้นสุดอายุขัย ไม่ได้เป็นอมตะอย่างพวกเทพเจ้าชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าติดอยู่ในลำดับชั้นเทพเจ้าจำแลงมาเกือบพันปีแล้ว และในดินแดนทวยเทพ มีเพียงวิหารต้องห้ามเท่านั้นที่มีตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงให้เลือกสรร หน้าที่ของเจ้าคือต้องนำใบไม้ใบนี้เข้าไปในวิหาร ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนั้น เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
หลินเป่ยเฉินถามอย่างใช้ความคิด “ผู้อาวุโสมั่นใจว่าข้าน้อยจะชนะมากถึงเพียงนี้เชียวหรือขอรับ?”
นับว่าเป็นหญิงชราที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลทีเดียว
แต่นางกลับตอบว่า “ไม่เชื่อแม้แต่น้อย”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หากไม่เชื่อว่าเขาจะชนะ แล้วจะมาทำข้อตกลงเพื่ออะไร?
“เพราะฉะนั้น… ข้าจึงได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับทางฝั่งของพานตั่วชิงเอาไว้เช่นกัน”
ความตรงไปตรงมาของหญิงชราทารกทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขาไม่ได้ถามอะไรอีกและยินดีรับข้อเสนอโดยไม่มีปัญหา
เพราะเมื่อการแข่งขันจบลง และการเลือกตำแหน่งเทพเจ้าผ่านพ้นไป หญิงชราทารกจะขโมยตำแหน่งอย่างไรก็เรื่องของนาง เพราะถึงตอนนั้น หลินเป่ยเฉินก็คงกลับสู่จักรวรรดิเป่ยไห่ไปเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายก็ได้ข้อสรุปที่พึงพอใจด้วยกันทั้งคู่
หลินเป่ยเฉินกลับออกมาพร้อมกับใบไม้ปริศนาใบนั้น
และเมื่อหลินเป่ยเฉินนำใบไม้ใบนี้เข้าสู่วิหารต้องห้ามได้เมื่อไหร่ ท่านยายของมู่หลินเซินก็ถึงจะมอบโอสถหัวใจพฤกษาให้กับเขา