ตอนที่ 1,373 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 2
ครืน!
ในที่สุด รูปปั้นของท่านมหาเทพก็พังถล่มลงไปโดยสมบูรณ์
“เฮ้อ ช่างร้ายกาจจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปยังกองเศษหินซึ่งเป็นอดีตรูปปั้นของท่านมหาเทพและกล่าวต่อ “ถือว่าเจ้ามีเจตนาแอบแฝงชัดเจน”
“หยุดพูดจาเหลวไหลสักที!”
พานตั่วชิงโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย
ทันใดนั้น ตัวคนก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงมาปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินในเวลาเพียงพริบตาเดียว กำปั้นถูกซัดออกมาอีกครั้ง
คราวนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถคำนวณความเร็วหมัดของอีกฝ่ายได้อย่างแน่ชัด และเขาก็ตระหนักว่าพานตั่วชิงมีความแข็งแกร่งทางกายภาพมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า
เห็นได้ชัดว่าหมอนี่เตรียมตัวมาดีไม่ใช่น้อย
แต่แล้วไงล่ะ?
คนโง่ต่อให้อ่านหนังสือสูงเท่าภูเขา ก็ใช่ว่าจะฉลาดขึ้นชั่วข้ามคืนสักหน่อย
“เจ้าคงติดใจรสชาติหมัดทมิฬของข้าแล้วกระมัง?”
บนกำปั้นของหลินเป่ยเฉินปรากฏลำแสงสีทองเคลือบฉาย
หลังจากนั้น ถุงมือเทวฤทธิ์ก็ปรากฏขึ้น
หลินเป่ยเฉินยกมือกระแทกหมัดต่อยออกไป
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เงากำปั้นสีทองพุ่งออกมาจากหมัดของหลินเป่ยเฉิน แสงสว่างเป็นประกายเจิดจ้า รอบบริเวณไม่ต่างจากมีผู้คนยิงดอกไม้ไฟ
สะเก็ดไฟทองคำพร่างพรมลงมาบนสะพานหินโบราณ
สะพานหินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
น้ำแข็งแตกกะเทาะหลุดร่อน
ต้นไม้และเถาวัลย์ไม้เลื้อยที่ขึ้นอยู่บนสะพานแตกกระจายกลายเป็นผุยผง
“ฮ่า ๆๆ ถุงมือเทวฤทธิ์อย่างนั้นหรือ?”
พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความคลุ้มคลั่ง ไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ ยังถลันเข้ามาเผชิญหน้าหลินเป่ยเฉินในระยะประชิดอย่างไม่กลัวเกรง
ตลอดร่างกายของพานตั่วชิงได้รับการคุ้มกันด้วยชุดเกราะมหาธาตุซึ่งเทพเจ้าพานเอินเป็นคนสร้างเองกับมือ และด้วยอานุภาพการป้องกันของชุดเกราะมหาธาตุ พานตั่วชิงจึงไม่ต้องเกรงกลัวการโจมตีทุกรูปแบบอีกแล้ว
เพราะฉะนั้น เขาจึงกล้าเข้ามาเผชิญหน้ากับเจี๋ยนเซียวเหยาในระยะประชิด
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พานตั่วชิงจึงจะสามารถล้างอายได้สำเร็จ
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พานตั่วชิงจึงจะสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรีของตนเองกลับคืนมาได้จากความพ่ายแพ้ต่อเจี๋ยนเซียวเหยา
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้แสดงท่าทีวิตกกังวลเช่นกัน
เมื่อสวมใส่ถุงมือเทวฤทธิ์ พลังการโจมตีของเขาก็รุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ในที่สุด ความเร็วในการออกหมัดของทั้งสองฝ่ายก็เชื่องช้าลง
เงาหมัดในอากาศจางหายไป
กำปั้นของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างจัง
นี่ไม่ต่างจากมีผู้คนนำค้อนมาฟาดเข้าใส่กันด้วยความหนักหน่วง คลื่นแรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายไปรอบบริเวณ มวลอากาศปั่นป่วนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าทั้งสองฝ่ายออกหมัดกันอีกกี่กระบวนท่า
แต่รัศมีรอบกายหลายสิบวา มวลอากาศเกิดความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง สะพานหินเกิดรอยแตกร้าวไม่หยุดยั้ง…
สะพานหินกำลังจะพังถล่มลงไปอีกครั้ง
ภาพที่ปรากฏผ่านทางม่านพลังถ่ายทอดสดทำให้บรรดาผู้รับชมรู้สึกหนังหัวชายิบ
นี่คือความแข็งแกร่งที่น่าตกตะลึงมากเกินไป
การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขันทั้งสองไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์แม้แต่นิด พวกเขาอาศัยเพียงพละกำลังทางกายภาพล้วน ๆ แต่กลับมีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าผู้ที่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในรอบที่แล้วมาหลายเท่า…
…
“คิดอยู่แล้วเชียวว่าการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศต้องดุเดือดมากแน่ ๆ แต่เราคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเริ่มต่อสู้กันไม่กี่กระบวนท่าก็จะดุเดือดกันถึงเพียงนี้แล้ว”
ในวิหารสาขาที่ 98 ของแดนตะวันตกเฉียงเหนือ นักบวชสาวเซียงเหยียนเฝ้ารับชมการถ่ายทอดสดด้วยสีหน้าลุ้นระทึก
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เท่านั้น
สำหรับนักบวชสาวเซียงเหยียน นางรู้สึกว่านี่คือระดับความแข็งแกร่งที่ตนเองไม่มีวันก้าวไปถึง
…
“ดูเหมือนพวกเขาจะก้าวขึ้นไปอีกระดับชั้นแล้วสินะ… เหมียว”
นักฆ่าแมวเหมียวถอนหายใจออกมายาวแรง ก่อนจะโยนขนมแป้งทอดเข้าใส่ปากและครวญครางต่อว่า “โชคดีนะที่ข้ารีบถอนตัวออกมาเสียก่อน มิฉะนั้นแล้ว… ข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าพวกเขาให้หมด… เหมียว ฮ่า ๆๆ”
…
“ไม่สิ พานตั่วชิงไม่สมควรมีร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่พลังที่เขาควรจะมี… แต่เขาผ่านม่านพลังการตรวจสอบเข้ามาได้อย่างไร?”
คฤหาสน์ตระกูลฮัน นักเวทสาวฮันลั่วเซวี่ยขมวดคิ้วหน้ายุ่ง สีหน้าวิตกกังวลและไม่พอใจ
ฮันฉวินกับอันต้าหวงผู้นั่งอยู่ด้านข้างหันมองหน้ากันด้วยความเงียบงัน
…
ส่วนทางด้านคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าอ้าปากค้าง ชิงเล่ยยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ส่วนฉู่เหินกับไต้จือฉุนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
…
“ไม่มีทาง”
หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
บัดนี้ เขาระเบิดหมัดทมิฬออกไปหลายพันครั้ง
ระดับพลังทำลายล้างของเขาสมควรทำให้พานตั่วชิงตกตายไปแล้วหลายร้อยครั้ง
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินนึกว่าคู่ต่อสู้ของตนเองอาศัยวัตถุวิเศษในการป้องกันตัว หรือมีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่างที่ทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพิ่มมากขึ้น
แต่เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพานตั่วชิงจะสามารถยืนหยัดได้นานขนาดนี้
ไม่มีท่าทีของความเหนื่อยล้า
หรือนี่จะเป็นพลังที่แท้จริงของพานตั่วชิง?
หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้
มีเคล็ดวิชาใดในดินแดนทวยเทพที่จะสามารถช่วยให้ผู้คนแข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วเช่นนี้ด้วยหรือ?
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หลินเป่ยเฉินยังคงต่อยหมัดออกไปอย่างดุดัน
แรงระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด สะพานหินโบราณก็ไม่สามารถทนทานต่อคลื่นแรงระเบิดได้อีกต่อไป รอยแตกร้าวบนสะพานขาดออกจากกัน สะพานหินพังถล่ม และต้องอาศัยการค้ำยันจากค่ายอาคมด้านล่างสะพานอีกครั้ง
แสงสีทองสาดประกายเจิดจ้า
หมวกเหล็กอมตะปรากฏขึ้นบนศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
เมื่อสวมใส่ถุงมือเทวฤทธิ์และหมวกเหล็กอมตะ พละกำลังของหลินเป่ยเฉินจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า
“ลองชิมรสหมัดม้าบินของข้าดูหน่อยเป็นไร”
หลินเป่ยเฉินรวบรวมกำลังในร่างกาย ถ่ายทอดมวลพลังมาที่มือขวาของตนเองและเหวี่ยงหมัดกระแทกออกไปเต็มแรง
หมัดของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งแหวกอากาศ
ตู้ม!
กำปั้นปะทะเป้าหมาย
เกิดแรงดีดสะท้อนตอบกลับมาอย่างน่ากลัว
สุดท้าย บุรุษหนุ่มทั้งสองคนต่างก็ลอยกระเด็นออกจากกันห่างไกลหลายสิบวา
ตึง!
เมื่อพานตั่วชิงทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนสะพานอีกครั้ง เท้าของเขาก็ประทับลงบนพื้นหินได้อย่างมั่นคงราวกับหอกทองคำที่ถูกปักลงสู่ดิน บุรุษหนุ่มฝืนตัวไม่ให้ตนเองเซถอยหลัง ทำให้เท้าของเขาจมหายลงไปใต้เนื้อหินของพื้นสะพาน
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ด้านหลินเป่ยเฉินต้องเซถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
รอยเท้าของเขาปรากฏขึ้นบนพื้นสะพานอย่างชัดเจน
“เจ้ารู้สึกถึงพลังที่แท้จริงของข้าแล้วหรือยัง?”
พานตั่วชิงแสยะยิ้ม ลดมือลงช้า ๆ พลางพูดว่า “เจ้าถึงกับต้องใช้ถุงมือเทวฤทธิ์และหมวกเหล็กอมตะออกมาแล้ว แต่ข้ายังไม่ทันเอาจริงเลยด้วยซ้ำ… เห็นหรือยังว่าความแข็งแกร่งของพวกเรามันแตกต่างกันเพียงใด?”
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองมือของตนเอง
ถุงมือยังคงอยู่ดี
แต่แขนเสื้อของเขาขาดวิ่น เปิดเผยให้เห็นถึงท่อนแขนที่มีเส้นเลือดปูดโปน ไม่ต่างจากฝูงตะขาบที่กำลังคลานไต่ยั้วเยี้ยะ…
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกแขนของตนเองแตกหัก
ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า
แขนของเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว!