ตอนที่ 1,375 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 4
หลินเป่ยเฉินเก็บปืนไรเฟิล
เพราะอาวุธชิ้นนี้ผลาญเงินไม่ใช่เล่น
กระสุนเจ็ดนัดที่บรรจุอยู่ในซองกระสุน มีค่าเท่ากับศิลาบูชาเจ็ดร้อยก้อน
แต่ที่สำคัญก็คือระบบของปืนไรเฟิลจะเสียเวลาโหลดกระสุนครั้งละสิบห้าลมหายใจ หากเป็นการลอบโจมตีคงไม่เป็นไร แต่นี่คือการต่อสู้ตัวต่อตัว ซึ่งเวลาเพียงลมหายใจเดียวก็กำหนดความเป็นตายได้แล้ว
ยังไม่ต้องพูดถึงว่ากระสุนปืนไม่สามารถเจาะทะลุเปลือกตาของพานตั่วชิงได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้น ประหยัดเงินเอาไว้ก่อนดีกว่า
หลินเป่ยเฉินพยายามคิดหาทางอื่น
ณ เวลาเดียวกันนี้
“ฮ่า ๆๆ ข้าเพิ่งใช้พลังเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นเอง”
พานตั่วชิงค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นในอากาศ รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้า “หากเจ้ายังเหลือไพ่ตายอื่นใดอยู่อีก จงรีบแสดงออกมา มิฉะนั้น เจ้าคงต้องรอคอยความตายแล้ว…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
ตู้ม!
มวลพลังพลันระเบิดใส่ใบหน้าของพานตั่วชิง
อย่างไม่มีสัญญาณเตือน
อย่างรวดเร็วมากเกินไป
รวดเร็วจนพานตั่วชิงไม่ทันตั้งตัว
“เอาไปแดกซะ”
หลินเป่ยเฉินสบถคำหยาบขณะลดปืนบาซูก้าลงจากหัวไหล่
ให้ตายสิ
“ยังไม่ระคายผิวอีกก็ให้มันรู้ไป”
ในเมื่อปืนไรเฟิลซุ่มยิงใช้ไม่ได้ผล ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ปืนบาซูก้าดูบ้าง
การยิงกระสุนหนึ่งครั้งต้องใช้ศิลาบูชาถึงห้าร้อยก้อน
การโจมตีครั้งนี้จึงสมควรทำอะไรพานตั่วชิงได้บ้างไม่มากก็น้อย
หลินเป่ยเฉินรีบเก็บปืนบาซูก้าและนำบุหรี่ออกมาจุดสูบ
การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แต่บุหรี่ที่เขาซื้อหาจากแอปเถาเป่าในโทรศัพท์มือถือของยมทูตนั้น มีสรรพคุณช่วยทำให้ผู้คนมีสติแจ่มใส
แรงระเบิดเมื่อสักครู่นี้ส่งสะเก็ดระเบิดที่เป็นเศษเหล็กจำนวนมากฝังลงไปบนใบหน้าของพานตั่วชิง
บุรุษหนุ่มผู้เป็นตัวแทนจากเผ่าเทพตะวันหมุนตัวกลิ้งกระเด็นไปในอากาศหลายตลบ ร่างกายลุกเป็นไฟ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่มีทางรอดชีวิต
นี่คือพลังโจมตีที่น่ากลัวมากเกินไป
บรรดาผู้รับชมการถ่ายทอดสดตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ
สะพานหินสั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแตกร้าวขยายอาณาเขตมากขึ้น และในที่สุด สะพานก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีกต่อไป พื้นที่กลางสะพานพังถล่มลงไปอีกครั้ง
และค่ายอาคมใต้สะพานก็ต้องค้ำยันรับน้ำหนักดันตัวสะพานหินให้กลับขึ้นมาเชื่อมต่อกันดังเดิม
ในสายตาของหลินเป่ยเฉินนี่คือภาพอันสวยงามไม่ต่างไปจากฉากยานอวกาศระเบิดในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอร์ที่เขาเคยดูในชาติภพที่แล้ว…
โครม! โครม! โครม!
มวลอากาศยังคงระเบิดตัวอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของสะพานหินเริ่มพังถล่มลงไป
ไม่ต่างไปจากอสุรกายที่กำลังกลืนกินทุกอย่าง
หลินเป่ยเฉินถือบุหรี่อยู่ในมือ
เขาดีดนิ้วเล็กน้อย
บุหรี่ลอยกระเด็นออกไป
ทันใดนั้น ม่านควันไฟจากแรงระเบิดเริ่มจางหาย
หลินเป่ยเฉินกลับมามองเห็นภาพบนสะพานหินได้อีกครั้ง
เขากำลังจะประทับปืนบาซูก้าเป็นครั้งที่สอง ทันใดนั้น หัวใจก็กระตุกวูบ
ตู้ม!
ร่างหนึ่งพุ่งตัวขึ้นจากกองเศษหินพร้อมกับที่รัศมีทองคำระเบิดเจิดจ้า
ย่อมต้องเป็นพานตั่วชิง
แต่สภาพของเขาดูน่าอนาถไม่น้อย
ใบหน้าเต็มไปด้วยรูพรุนจากเศษเหล็ก ศีรษะและแขนขาบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างเหมือนพลาสติกที่ถูกเผาไหม้ แต่ถึงกระนั้น ลำตัวของเขากลับไม่เกิดบาดแผลแม้แต่น้อย
ไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด
“…”
หลินเป่ยเฉินหรี่ตาลง
แรงระเบิดจากกระสุนปืนบาซูก้าเมื่อสักครู่นี้ สามารถทำให้แขนขาของพานตั่วชิงผิดรูปได้เท่านั้น เรียกว่าได้รับบาดเจ็บก็จริง แต่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บถึงตาย…
ไอ้หมอนี่มันเป็นยอดมนุษย์หรือไงเนี่ย?
ตู้ม!
มวลอากาศระเบิดตัว
พานตั่วชิงพุ่งเข้ามาประชิดตัวหลินเป่ยเฉินและปล่อยหมัดออกมารัว ๆ
เป็นการรัวหมัดที่น่ากลัวยิ่ง
หลินเป่ยเฉินยกแขนขึ้นป้องกัน
พลั่ก!
หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นออกไปไกลหลายสิบวา
“เจี๋ยนเซียวเหยา… เจ้าทำให้ข้าโกรธ!”
พานตั่วชิงยืนโงนเงน ส่งเสียงคำรามแหบต่ำในลำคอ
คล้ายสัตว์ร้ายที่กำลังเดือดดาล
ระหว่างที่พูดออกมา ร่างกายของพานตั่วชิงก็เกิดอาการชักกระตุก แล้วศีรษะรวมถึงแขนขาที่บิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมในพริบตาต่อมา
รูพรุนจากเศษเหล็กบนใบหน้าสลายหายไปหมดสิ้น
“กลับมาเป็นปกติแล้วหรือ?”
“เขาทำได้อย่างไร? นี่เขาใช้พลังเวทมนตร์? ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์? หรือว่ามีตัวช่วยอื่นกันแน่?”
“ข้าได้ยินข่าวลือมาว่า… พานตั่วชิงสวมใส่ชุดเกราะมหาธาตุแล้ว”
“นี่เขาพัฒนาร่างกายไปถึงขั้นนั้นแล้วจริงสิ?”
บรรดาผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดซึ่งพอจะรู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง ต่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึงลานด้วยกันหมดทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาจากในเผ่าเทพตะวันว่า พานตั่วชิงคือผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในหมู่มวลเทพเจ้าในรอบหนึ่งร้อยปี
นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากสวมใส่ชุดเกราะ
นี่ไม่เท่ากับว่าชัยชนะตกอยู่ในมือของพานตั่วชิงแล้วหรือ?
แต่หากพานตั่วชิงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เหตุไฉนตอนที่ต่อสู้กับเจี๋ยนเซียวเหยาในงานเลี้ยงเบิกฟ้า พานตั่วชิงถึงได้พ่ายแพ้อย่างหมดท่า?
หรือว่าเขาตั้งใจซ่อนเร้นฝีมือที่แท้จริงเอาไว้?
เผ่าเทพตะวันจะวางแผนอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
บรรดาเทพเจ้าระดับสูงที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อเผ่าเทพตะวันหมายตาตำแหน่งผู้ชนะเลิศการแข่งขันประจำปีนี้ แผนการทุกอย่างคงถูกเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้น
หลินเป่ยเฉินเองเห็นเช่นนี้ก็ประหลาดใจไม่แพ้คนอื่น ๆ
พานตั่วชิงนอกจากมีพลังโจมตีน่ากลัวแล้ว
ร่างกายยังแข็งแกร่งยากต่อการโจมตีอีกด้วย
เกล็ดทองคำบนร่างกายสามารถช่วยต้านทานและย่อยสลายพลังโจมตีจากคู่ต่อสู้ได้อย่างร้ายกาจ
“เห็นแล้วหรือไม่?”
พานตั่วชิงยืดตัวขึ้น เกล็ดทองคำบนผิวหนังสาดประกายระยิบระยับขณะกล่าวต่อด้วยเสียงยานคาง “การโจมตีรุนแรงที่สุดของเจ้า ยังไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ร่างกายของข้าได้สักนิด… เจี๋ยนเซียวเหยา ฮ่า ๆๆ เจ้ามีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้เองหรือ?”
“แค่เอาเกล็ดปลาทองมาห่อตัว เจ้าก็มั่นใจขนาดนี้แล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะตอบกลับไป
พรึ่บ!
พลังอัคคีเทวะระเบิดออกมา
เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าห่อหุ้มร่างกายของหลินเป่ยเฉินราวกับตัวเขาเป็นดวงตะวันขนาดย่อม
“เปลวไฟของเจ้าทรงพลังก็จริง แต่ว่า…”
พานตั่วชิงหยุดพูดเพื่อระเบิดเสียงหัวเราะ “จงรับรู้รสชาติแห่งความหมดหวังซะ”
ทันใดนั้น เกล็ดทองคำบนร่างกายก็เปล่งแสงสว่างเจิดจรัส
แสงสว่างเหล่านั้นอาบไล้ไปทั่วร่างของพานตั่วชิง
และพวกมันเกิดการแข็งตัว
กลายเป็นชุดเกราะสีทองคำ
ชุดเกราะสว่างไสวไม่ต่างไปจากแสงตะวัน เสริมสร้างสง่าราศีให้แก่พานตั่วชิงจนผู้คนรู้สึกอยากกราบไหว้บูชา
หมวกเหล็ก กระบังหมวก สนับไหล่ สนับแขน สนับขา ถุงมือ แผ่นเกราะที่กำบังหน้าอก แผ่นเกราะที่กำบังหว่างขา ตลอดไปจนถึงรองเท้าบู๊ททองคำ…
ชิ้นส่วนชุดเกราะเหล่านี้ลอยอยู่เหนือร่างของพานตั่วชิง
วูบ!
และเพียงเขาเงยหน้าขึ้น
ชิ้นส่วนชุดเกราะเหล่านั้นก็ประทับเข้าสู่ร่างกาย
การสวมใส่เป็นไปอย่างราบรื่น
ดวงตาของพานตั่วชิงเย็นชามากขึ้น
วููบ!
ทันใดนั้น ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงหายวับไปในอากาศ
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
รวดเร็วเกินไปแล้ว
นี่มันชุดเกราะอะไรกัน? ท่าทางหนักจะตายชัก แต่ทำไมถึงไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของพานตั่วชิงสักนิด
ไม่ใช่สิ
ต้องบอกว่ามันทำให้พานตั่วชิงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วยซ้ำ
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่ทันได้ตั้งตัว
“อะเฮือก…”
ได้ยินเสียงดังพลั่ก หลินเป่ยเฉินรู้สึกเพียงแต่ว่าหน้าท้องของตนถูกอัดกระแทกอย่างแรง
พานตั่วชิงต่อยหมัดใส่ท้องของเขาเข้าอย่างจัง
แรงหมัดทำให้หลินเป่ยเฉินตัวงอเป็นคันธนู เรี่ยวแรงสลายหายไปหมดสิ้น
ลำไส้และอวัยวะภายในของเขาปั่นป่วน
ดวงตาเหลือกถลน
โลหิตไหลทะลักออกจากปาก
พลั่ก!
กำปั้นทองคำต่อยเสยเข้าใส่ปลายคางหลินเป่ยเฉินด้วยความดุดัน
ศีรษะของหลินเป่ยเฉินหงายเงิบ กระดูกลำคอแทบหัก
พลั่ก!
กำปั้นทองคำโจมตีต่อเนื่อง
ต่อยเข้าใส่ขมับซ้ายของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มซวนเซเสียการทรงตัว และด้วยแรงกระแทกของกำปั้นทองคำ ใบหน้าของเขาจึงสะบัดมาทางขวา กระดูกลำคอบิดเบี้ยวผิดองศา…
“แม่งเอ๊ย ให้ตั้งตัวหน่อยสิวะ”
หลินเป่ยเฉินมองเห็นแต่โลกที่หมุนวน พยายามทำทุกอย่างเพื่อโคจรพลังในร่างกายและยืนหยัดเพื่อจะตอบโต้กลับไป
แต่ว่า…
พลั่ก!
กำปั้นทองคำกระแทกเข้าใส่หน้าอกของเขาอย่างแม่นยำ
กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!
เสียงกระดูกหน้าอกแตกหัก
เป็นอีกครั้งที่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถรวบรวมพลังกลับคืนมาได้
“เจ้าทำให้ข้าเดือดดาลนัก…”
สีหน้าของพานตั่วชิงบอกชัดถึงความโกรธแค้นขณะเข้าประชิดตัวหลินเป่ยเฉิน
และรัวหมัดต่อยไม่ยั้ง
กำปั้นทองคำไม่ต่างจากสายฝนโหมกระหน่ำใส่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก กล้ามเนื้อฉีกขาด ชุดเกราะหลุดกระเด็น แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง…
หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ถูกต่อยไปทางนั้นที ถูกต่อยมาทางนี้ที มีสภาพไม่ต่างไปจากกระสอบทรายที่มีชีวิต…
“สถานการณ์พลิกกลับซะแล้วสิ”
“พานตั่วชิง… เจอพลังระเบิดเข้าไปขนาดนั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยได้อย่างไร?”
“บนตัวของเขาคือชุดเกราะมหาธาตุ ทนทานต่อคมหอกคมกระบี่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ นับเป็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเทพตะวันแล้ว”
“ต้องโทษว่าเผ่าเทพตะวันแข็งแกร่งมากเกินไป เจี๋ยนเซียวเหยาไม่มีเผ่าเทพเจ้าคอยหนุนหลัง จึงนับว่าขาดแคลนกำลังเสริมโดยแท้”
“เจี๋ยนเซียวเหยาเจอปัญหาใหญ่แล้วสินะ”
“หากเขายังไม่สามารถโต้กลับได้ ก็คงถูกทุบตีจนตายแล้ว”
“ถูกทุบตีจนตาย? ไม่หรอกน่า เดี๋ยวเขาคงถูกระเบิดจนตายมากกว่า แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือด้วยซ้ำ”
เสียงอุทานดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากม่านพลังถ่ายทอดสดทั่วเมืองเยี่ยเฉิง ผู้คนจำนวนไม่น้อยอดสงสารเวทนาเจี๋ยนเซียวเหยาไม่ได้
เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เทียมฟ้า แต่กลับขาดผู้สนับสนุนส่งเสริม
เจี๋ยนเซียวเหยาเพียงตัวคนเดียวจะสู้กับเผ่าเทพตะวันทั้งเผ่าได้อย่างไร?