ตอนที่ 1,383 ความตายของเทพเจ้าระดับสูง
เมื่อหลินเป่ยเฉินนึกออกว่ากระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอเป็นผู้ใด การโจมตีครั้งที่สองก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
คมกระบี่แผ่รัศมีกดดันในวงกว้าง
นี่คือการโจมตีที่รุนแรงอย่างร้ายกาจ
มีอานุภาพมากพอที่จะแยกโลกได้ทั้งใบ
หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่านี่เป็นกระบวนท่าใดกันแน่
เขารู้เพียงอย่างเดียวว่า
นี่คือพลังลำแสงกระบี่ที่ไม่ควรมีกระบี่เล่มใดสามารถปลดปล่อยออกมาได้
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้
อานุภาพในการทำลายล้างจากการโจมตีของกระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอมีความน่ากลัวมากเกินไป
นี่คือพลังการโจมตีที่ไม่ควรมีอยู่จริง
แม้จะเป็นพลังการโจมตีจากเทพเจ้าก็ตาม
ลำแสงกระบี่มีความน่ากลัวสะเทือนขวัญ
“ซวีเซี่ยเกอ!”
ใต้เท้าฉางระเบิดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง
กระบี่แรกทำให้พลังการโจมตีของเขาสูญสลาย
กระบี่ที่สองคือกระบี่ทำลายการป้องกัน
เทพตะวันเห็นเช่นนั้น ก็พยายามจะใช้เส้นพลังทองคำที่เคยพันธนาการเสือดำศักดิ์สิทธิ์ไปช่วยเหลือใต้เท้าฉาง
แต่ทว่า…
“โฮกกก!”
เสียงเสือดำคำรามออกมา
ร่างกายของมันกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสือดำศักดิ์สิทธิ์มาพร้อมกับมวลพลังกดดันหนักหน่วงทวีคูณ เส้นพลังทองคำที่เคยพันธนาการมันได้ก่อนหน้านี้จึงไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
เส้นพลังทองคำเหล่านั้นขาดกระจุยด้วยกรงเล็บของเสือดำ
ก้อนพลังทองคำในอากาศถูกบดขยี้อย่างรุนแรง
สถานการณ์พลิกกลับ
เทพตะวันไม่สามารถป้องกันตนเองได้อีก
วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ฟันกลุ่มก้อนเมฆดำออกเป็นสี่ส่วน
“ซวีเซี่ยเกอ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
ใต้เท้าฉางรีบร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
กระบี่แรกทำให้เขาสูญเสียพลังการโจมตี
กระบี่ที่สองทำให้เขาสูญเสียพลังการป้องกัน
บัดนี้ ใต้เท้าฉางไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีก นอกจากจ้องมองฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้าใส่ตนเองโดยไร้หนทางป้องกัน
แน่นอนว่าซวีเซี่ยเกอย่อมไม่รับฟังคำสั่งจากใต้เท้าฉาง
ลำแสงกระบี่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
ตามมาด้วยความเงียบงัน
เป็นความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นลุ้นระทึก
หลินเป่ยเฉินอดโห่ร้องอยู่ในใจไม่ได้ว่า
‘ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ’
ตราบใดที่ฆ่าใต้เท้าฉางได้สำเร็จ เขาก็จะปลอดภัย
และหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ใต้เท้ากั้วย่อมเอาชนะเทพตะวันได้อย่างไม่มีปัญหา
จังหวะที่พลังวิญญาณกำลังจะแตกสลายไป ใต้เท้าฉางก็ยังคงส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “บัดซบ… พวกเจ้าต้องไม่ตายดี!”
ให้ตายเถอะ
ชั่วขณะสุดท้ายของชีวิตอันยาวนาน ใต้เท้าฉางยังจมอยู่ในความโกรธแค้นอีกหรือนี่?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ายอาคมกับดักแห่งนี้ เมื่อผลสรุปออกมา ไม่ทราบเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่าและใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ
ผู้ที่ควรจะต้องเสียชีวิตกลับยังมีชีวิตอยู่
ผู้ที่สมควรเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์กลับเสียชีวิตไปแล้ว?
นี่คือสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้
เพราะค่ายอาคมกับดักแห่งนี้เป็นใต้เท้าซินสร้างขึ้นมา
ใต้เท้าซินเป็นพวกเดียวกับใต้เท้าฉาง
ใต้เท้าซินมีฝีมือในการสร้างค่ายอาคมชนิดที่ท่านมหาเทพยังต้องกล่าวคำชมเชย
กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกออาจจะสามารถจัดการใต้เท้าฉางได้ แต่ลำแสงกระบี่ของเขาไม่สมควรทะลุผ่านค่ายอาคมของใต้เท้าซินเข้ามาได้เด็ดขาด
แต่สุดท้ายลำแสงกระบี่ของเขาก็ทะลุเข้ามาได้สำเร็จ
นอกจากทะลุเข้ามาแล้ว ยังสามารถสังหารผู้คนได้อีกด้วย
เพราะฉะนั้น คำตอบจึงมีเพียงหนึ่งเดียว
ซึ่งก็คือ…
กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอได้รับอนุญาตจากใต้เท้าซินมาตั้งแต่แรก เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่เก็บตัวเงียบ ไม่แสดงท่าทีให้ผู้ใดรับรู้ถึงการมีตัวตน
ซวีเซี่ยเกอรอให้เหยื่อตายใจ
วูบ!
ลำแสงกระบี่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
ลำแสงกระบี่พุ่งตรงเข้าเล่นงานกลุ่มก้อนเมฆของใต้เท้าฉาง
ขณะนี้ ค่ายอาคมเริ่มเกิดการสลายตัว
…
ในวิหารใหญ่ของใต้เท้าฉาง บัลลังก์ขนาดใหญ่ประจำตำแหน่งของเขาเกิดรอยแตกร้าว ก่อนที่มันจะพังถล่มลงมาบนพื้นหินกลายเป็นก้อนหินเศษเล็กเศษน้อย
ครืน!
ตามมาด้วยการพังถล่มของวิหารทั้งหลังอย่างช้า ๆ
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
อย่าบอกนะว่า…
ใต้เท้าฉางตายแล้ว?
…
หุบเหวโหยหวน
ลำแสงกระบี่จางหายไป
พลังวิญญาณของใต้เท้าฉางดับสูญ
กลุ่มก้อนเมฆดำบนท้องฟ้ากระจายตัว
ค่ายอาคมคลี่คลายลง
ร่างของชายวัยกลางคนในชุดสีขาวผู้หนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ
กระบี่ทองคำในมือเขาเป็นประกายระยิบระยับ
ตัวคนมีดวงตาปราดเปรียวราวกับเสือดาว
กระบี่แผ่รังสีอำมหิต
ตัวคนแผ่รังสีแห่งความเศร้าโศก
นี่คือกระบี่กวาดสวรรค์ ซวีเซี่ยเกอ
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้พบกับยอดมือกระบี่ฝีมือฉกาจในดินแดนทวยเทพ
หลินเป่ยเฉินเคยได้ยินตำนานเล่าขานเกี่ยวกับมือกระบี่ผู้นี้มาจากปากของเฉียนหลงอยู่บ้าง
ซวีเซี่ยเกอนับเป็นบุคคลที่แปลกประหลาด
เขามีสถานะเป็นเทพเจ้า แต่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของระบบเทพเจ้า
เพราะฉะนั้น ซวีเซี่ยเกอจึงไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทพเจ้า
แต่กระบี่ของเขามีพลังมากพอที่จะฆ่าเทพเจ้าระดับสูงได้สำเร็จ
กระบี่ของซวีเซี่ยเกอมีความร้ายกาจมากพอที่จะปั่นป่วนเมืองเยี่ยเฉิง
หลายปีที่ผ่านมาเขาหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ไม่มีผู้ใดทราบว่าซวีเซี่ยเกอหายสาบสูญไปที่ใด
บัดนี้ ซวีเซี่ยเกอกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง กระบี่ในมือยังคงทรงอานุภาพเช่นเดิม
ถึงกับสามารถสังหารใต้เท้าฉาง ผู้เป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าได้ในไม่กี่กระบวนท่า
หลินเป่ยเฉินมองชายวัยกลางคนผู้นั้นและรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ซวีเซี่ยเกอมีร่างกายกำยำ สวมใส่ชุดขาวราวหิมะ คิ้วหนา ตาเรียว ดวงตาทอแววโกรธแค้นและเศร้าสลด กระบี่ทองคำในมือถูกยึดถืออย่างมั่นคง
ซวีเซี่ยเกอก้มหน้ามองลงมาที่หลินเป่ยเฉิน
ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ
พลัน หลินเป่ยเฉินตัวเย็นเฉียบ เกิดภาพหลอนเห็นตนเองถูกอีกฝ่ายฟันกระบี่ผ่าร่างแยกออกเป็นสองเสี่ยง แม้แต่ดวงวิญญาณก็ต้องดับสูญไปเช่นกัน
“เจ้าอยากฝึกกระบี่กับข้าหรือไม่?”
ซวีเซี่ยเกอถาม
“อ้อ คือว่า…”
หลินเป่ยเฉินพูดตะกุกตะกักเพราะกำลังตกตะลึง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามือกระบี่กวาดสวรรค์ผู้ฆ่าใต้เท้าฉางอย่างง่ายดายกลับเอ่ยปากชักชวนเป็นลูกศิษย์
“ช่างมันเถอะ ไม่อยากฝึกก็ไม่ต้องฝึก”
ซวีเซี่ยเกอพูดอีกครั้ง
อ้าวเฮ้ย?
เดี๋ยวก่อนสิลุง นี่บอกตอนไหนว่าไม่อยากฝึก?
อยากฝึกอยู่แล้วขอรับ อยากฝึกอยู่แล้ว
หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดออกไป
แต่ร่างของกระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอก็พุ่งเป็นลำแสงหายวับไปในเส้นขอบฟ้าเสียแล้ว
เชี่ย
ตั้งใจหลอกกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง
การพลาดโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้
การต่อสู้ระหว่างใต้เท้ากั้วกับเทพตะวันก็ดำเนินมาถึงจุดจบ
ดวงไฟสีทองคำซึ่งเป็นแหล่งรวมวิญญาณของเทพตะวันถูกกรงเล็บของเสือดำศักดิ์สิทธิ์ฉีกกระชากกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งกลุ่มก้อนพลังเหล่านั้นก็จะถูกกลืนหายเข้าไปในปากของเสือดำและมีเศษพลังบางส่วนโปรยปรายลงมาในอากาศราวกับเป็นฝนดาวตก
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาว
“กราบเรียนใต้เท้า ข้าน้อยจะช่วยท่านเอง”
เขารีบลอยตัวขึ้นไปดูดซับเศษพลังทองคำเหล่านั้น
นี่คือของดี
นี่คือพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเทพตะวัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีพลังปราณธาตุไฟ
บัดนี้ ร่างกายของหลินเป่ยเฉินสามารถดูดซับพลังได้อย่างราบรื่น
เพราะสำหรับเขาที่มีพลังอัคคีเทวะ นี่คือโอกาสที่จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
“โฮกกก!”
เสือดำยักษ์หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าน้อยไม่ได้ต้องการแย่งชิงพลังไปจากท่าน แต่ในฐานะสาวกผู้ซื่อสัตย์ ข้าน้อยเพียงต้องการช่วยประหยัดเวลาให้ใต้เท้าเท่านั้นเอง…”
ระหว่างที่พูดอยู่นี้ หลินเป่ยเฉินก็รีบดูดซับพลังวิญญาณจากเทพตะวันให้ได้มากที่สุด
ในดวงตาของเสือดำยักษ์ปรากฏความเหนื่อยหน่ายใจ
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ขัดขวาง
เสือดำยักษ์กลืนกินก้อนพลังวิญญาณของเทพตะวันจนพอใจแล้ว เศษพลังเหล่านั้นจึงไม่มีค่าสำหรับมันอีกต่อไป
หลินเป่ยเฉินเห็นเช่นนี้ก็รีบดูดซับพลังอย่างรวดเร็วมากขึ้น
และเศษพลังทองคำที่โปรยปรายลงมาเหล่านั้น ส่วนใหญ่จึงถูกดูดซับเข้ามาในร่างกายของเขาหมดสิ้น
“เตรียมตัวเข้าพิธีรับรางวัลด้วย”
เสียงของใต้เท้ากั้วพูด ก่อนที่เสือดำจะกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายวับไปในอากาศ
การต่อสู้ที่สะเทือนจิตสะท้านวิญญาณจบลงแล้ว
ใต้เท้าฉางและเทพตะวันเสียชีวิต
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองรอบตัว
สภาพของหุบเหวโหยหวนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หน้าผาหินที่เคยสูงเสียดฟ้า บัดนี้กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
เกล็ดน้ำแข็งที่เคยละลายไปก่อนหน้านี้ด้วยความร้อนแรงจากพลังของเทพตะวัน เมื่ออุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ ชั้นน้ำแข็งก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
สะพานหินโบราณแตกสลายกลายเป็นผุยผง
หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า
หลงเหลือเพียงหุบเหวที่มืดมิด
หลินเป่ยเฉินสะบัดปีกไฟบนแผ่นหลังยกตัวเองขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า
ลมหายใจต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างในหุบผาอเวจีก็ค่อย ๆ เลือนรางจางหายไป
…
ในเวลาเดียวกันนี้
ระบบการถ่ายทอดสดผ่านม่านพลังพลันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ทุกคนมองเห็นเจี๋ยนเซียวเหยาลอยตัวอยู่กลางอากาศ
พานตั่วชิงหายไปแล้ว
หุบเหวโหยหวนตกอยู่ในสภาพกระจุยกระจาย
นี่คือผลลัพธ์ของการต่อสู้อันดุเดือดใช่หรือไม่?
เจี๋ยนเซียวเหยากับพานตั่วชิงต่อสู้กันหนักหน่วงถึงขั้นที่สะพานหินโบราณพังทลายลงไปเชียวหรือ?
ทุกคนล้วนตกตะลึง