ตอนที่ 1,391 ห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพ
หลินเป่ยเฉินรีบออกค้นหา
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
เขาก็ได้พบกับตำแหน่งของเทพตะวันจริง ๆ
ลูกแก้วประจำตำแหน่งเทพตะวันมีขนาดเล็กกว่าลูกแก้วประจำตำแหน่งของใต้เท้าฉางประมาณสองในสามส่วน
แต่ถึงกระนั้น รอบ ๆ ลูกแก้วก็ยังมีม่านพลังแสงตะวันปกคลุมอย่างแรงกล้า
หลินเป่ยเฉินพุ่งเข้าไปหาลูกแก้วใบนั้นด้วยความเร็วแสง
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้ยืนอยู่ด้านข้างได้แต่ร่ำร้องออกมาด้วยความอิจฉา
“ข้านี่มันช่างโง่เขลาเสียจริง… หลงเข้าใจว่าขุมทรัพย์มีอยู่แต่ในห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพเท่านั้น หากรู้ว่าเจ้าเด็กตัวแสบผู้นี้สามารถค้นหาลูกแก้วเทพเจ้าได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ข้าก็คงพูดจาดี ๆ กับเขาไปแล้ว นับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ในอดีต มีเพียงท่านมหาเทพเท่านั้นที่สามารถควบคุมตำแหน่งเทพเจ้าได้ตามใจชอบ
แต่บัดนี้ หลินเป่ยเฉินก็สามารถทำได้เช่นกัน
นี่หมายความว่าเขามีความแข็งแกร่งเท่ากับท่านมหาเทพใช่หรือไม่?
นี่หมายความว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถปกครองดินแดนทวยเทพได้อย่างไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินสามารถมอบตำแหน่งเทพเจ้าที่เก็บเกี่ยวไปนั้นให้แก่ผู้ใดก็ได้ตามใจปรารถนา
นี่หมายความว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถสร้างระบบเทพเจ้าของตนเองขึ้นมาได้ภายในเวลาอีกเพียงไม่นาน
และหากเขามีเวลามากพอ หลินเป่ยเฉินก็คงสามารถโค่นล้มความยิ่งใหญ่ของเผ่าเทพพงไพรได้ไม่ยาก
เมื่อถึงตอนนั้น สงครามนองเลือดก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เลวร้ายเกินไป
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาอีกหนึ่งถ้วย
หลินเป่ยเฉินเก็บตำแหน่งเทพเจ้ามาได้ถึงเจ็ดร้อยยี่สิบตำแหน่ง
ส่วนตำแหน่งเทพเจ้าอีกแปดสิบกว่าตำแหน่งนั้น ล้วนแต่เป็นเทพเจ้าระดับสามัญไปจนถึงเทพเจ้าระดับล่าง ซึ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินเป่ยเฉินอยู่แล้ว
“เหลือไว้เท่านี้ก็พอ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความพอใจ “อีกอย่าง ข้าไม่ใช่คนใจแคบ เมื่อตนเองรับประทานเนื้อและน้ำซุปอิ่มแล้ว ก็เหลือปลาชิ้นเล็ก ๆ เอาไว้ให้ผู้อื่นรับประทานบ้าง”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแทบจะชูนิ้วกลางให้เขา
“ฮะ? ตรงนั้นมันอะไรน่ะ?”
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินมองเห็นว่าชั้นวางตำแหน่งเทพเจ้าทางขวามือมีสภาพเสียหายยับเยิน เมื่อคำนวณดูด้วยสายตาแล้ว มันมีขนาดกว้างใหญ่มากพอที่จะจัดวางลูกแก้วเทพเจ้าได้เป็นร้อยลูกเลยทีเดียว
ดูเหมือนพื้นที่ตรงนี้จะเคยเก็บตำแหน่งที่ใหญ่โตเอาไว้สินะ
เพียงแต่ว่าลูกแก้วที่บรรจุตำแหน่งนั้นได้ถูกใครสักคนฉกชิงไปแล้ว
และนี่ก็เป็นร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการหยิบฉวยตำแหน่งนั้นไป
ช่างไม่มีอารยธรรมเลยจริง ๆ
“ท่านพอทราบหรือไม่ว่าพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของเทพเจ้าตำแหน่งใด ดูจากความใหญ่โตของพื้นที่จัดเก็บ น่าจะเป็นเทพเจ้าระดับสูงของเผ่าเทพพงไพรแล้วกระมัง?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาถามเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
เทพธิดาสาวตอบกลับมาหน้าตาเฉย “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าสักหน่อย”
“แต่ท่านเคยเข้ามาที่นี่ถึงสองครั้งแล้วไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามอย่างไม่ยอมแพ้
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “สองครั้งถือว่าเยอะที่ไหนกัน… ที่นี่ไม่ใช่สวนหลังบ้านของข้านะ”
มีเหตุผล
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
เขาไม่ได้สงสัยในคำตอบของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรอีก
แต่แล้วเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกลับหยุดอย่างกะทันหันและกล่าวว่า “สิ่งเดียวที่ข้าบอกเจ้าได้ก็คือมันคงไม่ได้เป็นตำแหน่งของท่านมหาเทพหรอก เพราะถึงต่อให้เขาตายไปแล้ว ตำแหน่งของเขาก็จะไม่มาปรากฏอยู่ที่นี่”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ รีบถามว่า “หรือมันจะอยู่ในห้องเก็บสมบัติใต้ดิน?”
“อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบ “มีเพียงไปดูให้เห็นด้วยตาตนเองเท่านั้นจึงจะรู้ได้”
“งั้นท่านยังจะรออะไรอยู่อีก?”
หลินเป่ยเฉินรีบโบกมือ “พวกเราไปกันเถอะ”
เด็กหนุ่มหมุนตัวเตรียมวิ่งลงบันไดเวียนกลับไปทางเดิม
“เจ้าจะทำอะไร?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเอื้อมมือมาคว้าแขนของเขาเอาไว้ “เจ้าจะไปไหน?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าเทพธิดาสาวราวกับกำลังมองคนปัญญาอ่อนผู้หนึ่ง “ไปที่ห้องเก็บสมบัติใต้ดินของท่านมหาเทพไงล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ ขืนชักช้าต่อไปเดี๋ยวจะถูกใต้เท้าเหลียนสงสัยเอาได้”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่ใช้มองคนปัญญาอ่อนเช่นเดียวกัน “ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพอยู่ข้างล่างวิหารแห่งนี้”
หลินเป่ยเฉินยังคงจ้องมองเทพธิดาสาวด้วยแววตาเหยียดหยามเช่นเดิม “หมายความว่าข้าไม่ต้องลงบันไดไปงั้นสิ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเองก็มองตอบกลับมาด้วยแววตาเหยียดหยามเช่นกัน “ในวิหารต้องห้าม เร็วคือช้า ช้าคือเร็ว ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเล็กน้อย
และเข้าใจโดยทันที
“หมายความว่าข้างบนคือข้างล่างและข้างล่างคือข้างบนใช่หรือไม่?” หลินเป่ยเฉินยกมือตบหน้าผากตนเอง
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเดินขึ้นบันไดต่อไปด้วยฝีเท้าอันแช่มช้า “เจ้ามันโง่นัก ไม่รู้มีชีวิตอยู่รอดมาจนป่านนี้ได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
เท่าที่สังเกตดู เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเพียงต้องการหาโอกาสหลอกด่าเขานี่นา
ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดต่อไป
ใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งก้านธูป ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงด้านบนสุดของวิหารต้องห้าม
ประตูศิลาสีดำที่มีพื้นผิวขรุขระปรากฏขึ้น ณ ปลายสุดของขั้นบันได
มันมีลักษณะคล้ายกับประตูที่อยู่หน้าทางเข้าวิหารต้องห้าม
ประตูมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่จับประตูเป็นวงแหวนทองเหลือง กลางประตูมีรูกุญแจสำหรับให้นำกุญแจเสียบเข้าไป
“ขออภัยขอรับ ช่วยเปิดประตูให้เราหน่อย”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปเคาะประตูเบา ๆ ตามประสาเด็กหนุ่มผู้มีมารยาทงาม
หืม?
ไม่มีการตอบสนอง
“เปิดประตูหน่อยขอรับ”
ยังคงไม่มีการตอบสนอง
หลินเป่ยเฉินชักรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว
เป็นอีกครั้งที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมองหน้าเขาคล้ายกับกำลังมองคนปัญญาอ่อนผู้หนึ่ง “เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาหัวเราะแหะ ๆ “ท่านไม่เห็นหรือ? ข้ากำลังหาวิธีเปิดประตูห้องเก็บสมบัติไงล่ะ ฮ่า ๆๆ…”
“ข้าก็แค่อยากสร้างบรรยากาศให้คึกคักเท่านั้น”
เด็กหนุ่มถอยหลังกลับมาและพยักหน้า “รีบไปเปิดประตูได้แล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยื่นมือออกมาข้างหน้า “เอากุญแจมา”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง “กุญแจอันใด? ท่านคือกุญแจไม่ใช่หรือ? ก็เอาตัวเสียบประตูเข้าไปเลยสิ”
เพียะ!
“เอาตัวเสียบประตู?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกระโดดเข้าไปตบศีรษะของหลินเป่ยเฉินอย่างแรงพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าแค่ซ่อนตัวอยู่ในกุญแจเท่านั้น ใครบอกว่าข้าคือกุญแจ? สมองเจ้ายังปกติดีหรือไม่? ฮะ?”
หลินเป่ยเฉินได้แต่ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
ก่อนที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะคลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้ เขาก็มอบกุญแจสีดำดอกนั้นกลับคืนให้นาง
กริ๊ก!
กุญแจถูกเสียบเข้าไปในรูกุญแจ
ประตูศิลาเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย
แล้วประตูก็เปิดออกอย่างเงียบงัน
ในที่สุด ห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
ในขณะที่วิหารต้องห้ามมีแต่ชั้นวางอันว่างเปล่าเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่ภายในห้องเก็บสมบัติกลับกว้างใหญ่กว่าที่คิด เมื่อเดินผ่านประตูศิลาเข้าไป ก็จะเจอห้องลับที่มีขนาดความกว้างสองร้อยตารางเมตรและผนังหินที่มีความสูงถึงหกเมตรเมื่อเทียบกับมาตรวัดในชาติภพที่แล้วของเด็กหนุ่ม
ตู้เก็บสมบัติขนาดใหญ่สี่ใบตั้งอยู่ตามผนังห้องทั้งสี่ทิศ
นอกจากตู้เก็บสมบัติเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีหีบใส่สมบัติอีกจำนวนมาก ซึ่งหีบทุกใบไม่ได้มีค่ายอาคมคุ้มครองใด ๆ เลย
“นี่หรือคือห้องเก็บสมบัติของท่านมหาเทพ?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาอยู่ใจกลางห้องเก็บสมบัติและสัมผัสไม่ได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องเก็บสมบัติแห่งนี้ ไม่มีม่านพลังคุ้มกัน ไม่มีค่ายอาคมคอยปกป้อง วัสดุทุกอย่างก็ทำมาจากก้อนหินและเหล็กกล้าธรรมดา…
ที่นี่ดูเหมือนห้องเก็บสมบัติของคนธรรมดามากกว่า
“ถูกต้อง เป็นที่นี่แหละ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกวาดตามองทุกอย่างด้วยแววตาตื่นเต้น “ในที่สุด พวกเราก็มาถึงแล้ว!”