บทที่ 899 กำเนิด (1)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​สีรุ้ง​นับไม่ถ้วน​พุ่ง​เฉียด​ข้าง​ลู่​เซิ่งไปด้วย​ความเร็ว​สูง เขา​เหมือนกับ​ฉลาม​ใน​กระแส​ธาร​ ว่าย​ทวนกระแส​มุ่งหน้า​ไปตาม​ธาร​มารดา​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ยิ่ง​ว่าย​ขึ้นไป​ เขา​ก็​ยิ่ง​สัมผัส​ได้​ถึงแรง​กระแทก​จาก​ธาร​มารดา​ที่​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ชิ้นส่วน​โลก​ที่​แทรก​อยู่​ใน​ธาร​น้ำ​มากมาย​ กระแทก​ใส่ร่าง​เขา​

ชิ้นส่วน​เล็ก​ๆ ลู่​เซิ่งไม่สนใจ​ ส่วน​ชิ้นส่วน​ใหญ่ เขา​ทำได้​เพียง​หลบ​ซ้าย​หลบ​ขวา​เท่านั้น​

ดี​ที่​ใน​กระแส​ธาร​ไม่มีสัตว์ประหลาด​อะไร​ เพียงแต่​จะเห็น​รู​เรืองแสง​ขนาด​ต่างๆ​ ปรากฏ​แวบ​ขึ้น​ตอน​ผ่าน​หาดทราย​บางส่วน​เป็น​บางครั้ง​เท่านั้น​

ใน​รู​เหล่านี้​ไม่รู้​ว่า​เชื่อม​ไปยัง​ที่ไหน​

ทุกครั้งที่​ผ่าน​ ลู่​เซิ่งจะรู้สึก​ได้​ถึงกลิ่นอาย​อันตราย​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​นั้น​

เขา​ว่าย​ทวนกระแส​ธาร​มารดา​ไปเรื่อยๆ​ กว่า​สามวัน​

ลู่​เซิ่งคำนวณ​เวลา​คร่าวๆ​ โดย​ใช้เวลา​ชีวภาพ​เฉพาะตัว​ ใน​เวลา​สามวัน​ เขา​รักษา​ความเร็ว​แสน​กว่า​หมี่​ต่อ​วินาที​ไว้​ตลอดเวลา​

ใน​ธาร​มารดา​ที่​มีแรง​กระแทก​ยิ่งใหญ่​ นี่​ถือว่า​ร้ายกาจ​ถึงขีดสุด​

เหนือศีรษะ​ของ​เขา​มีเส้นสาย​สีดำ​อ่อน​เล็ก​เส้น​หนึ่ง​ บน​เส้นสาย​กะพริบ​ลวดลาย​อักขระ​เล็ก​จ้อย​อยู่​นับไม่ถ้วน​

เส้นสาย​นี้​เป็น​เส้น​พิภพ​ที่​อิน​เอ้อร์สือ​เจีย​คำนวณ​ออกมา​ เป็น​เส้นสาย​ที่​ชี้ไปยัง​ทิศทาง​ที่​ครอบครัว​ลู่​เซิ่งอยู่​

ลู่​เซิ่งไม่กลัว​ว่า​จะมุ่งหน้า​ไปยัง​โลก​อันตราย​ เขา​ดูดซับ​พลัง​อาวรณ์​มาเกือบ​พัน​ห้า​ร้อย​ล้าน​หน่วย​จาก​โลก​เทพ​นอกรีต​ สำหรับ​เขา​แล้ว​ นี่​เป็น​ตัวเลข​มหาศาล​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​

พลัง​อาวรณ์​จำนวน​ขนาด​นี้​เป็น​ความมั่นใจ​ของ​เขา​

ดังนั้น​ไม่ว่า​จะอยู่​ใน​โลก​ใดๆ​ เขา​ก็​ไม่ต้อง​กลัว​ว่า​ตน​จะเกิด​ปัญหา​ สิ่งที่​เขา​เป็นกังวล​คือ​เส้น​พิภพ​จะใช้หา​ครอบครัว​ได้​ใน​เวลา​อัน​รวดเร็ว​หรือไม่​

สงคราม​ระหว่าง​วิญญาณ​ดวงดาว​กับ​สัตว์​โบราณ​น่า​สะพรึง​เหลือเกิน​ วิญญาณ​ดาว​และ​สัตว์​โบราณ​สายเลือด​แท้ๆ​ พวก​นี้​ คือ​ผู้​เข้ม​แข้ง​ที่อยู่​ใน​ระดับ​อนธการ​เป็น​อย่าง​ต่ำ​

แม้จะเทียบ​กับ​คนใน​ระดับ​อนธการ​ขั้นสูงสุด​อย่าง​พวกเขา​ไม่ได้​ แต่​เมื่อ​เผชิญหน้า​การดำรงอยู่​ทั่วไป​ก็​คือ​เป็น​ระดับ​บดขยี้​อยู่ดี​

ดังนั้น​ลู่​เซิ่งจึงคิด​จะโยกย้าย​สำนัก​นที​คราม​ไปยัง​โลก​ใบ​ใหม่​โดยเร็ว​ที่สุด​ เพื่อ​หลีกเลี่ยง​ไฟสงคราม​ใน​โลก​มาร​สวรรค์​

ขณะ​ลู่​เซิ่งกำลัง​ไตร่ตรอง​ อยู่​ๆ เส้น​พิภพ​เหนือศีรษะ​ก็​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​น้อย​ แล้ว​หด​เล็ก​ลง​กลายเป็น​แสงสีดำ​จุด​หนึ่ง​ พุ่ง​ไปยัง​ทางขวามือ​

ลู่​เซิงเลือด​ลม​พลุ่งพล่าน​ตามหลัง​ไปติดๆ​

แหวกว่าย​ตาม​แสงสีดำ​ไม่กี่​นาที​ เขา​ก็​เห็น​ร่อง​แยก​ที่อยู่​ใน​สภาพ​ประหลาด​เส้น​หนึ่ง​บน​หาดทราย​ของ​ทางแยก​เส้น​หนึ่ง​ทางขวามือ​

นี่​เป็น​ร่อง​แยก​ใหม่​ที่​ลู่​เซิ่งไม่เคย​เห็น​มาก่อน​

ร่อง​แยก​ดำ​สนิท​ บริเวณ​ขอบ​กะพริบ​แสงสีแดง​อ่อน​ กลิ่นอาย​อัปมงคล​กระจาย​ออก​มาจาก​ด้านใน​ เมื่อ​ยืน​อยู่​ตรง​ขอบ​ ลู่​เซิ่งยัง​ได้ยิน​เสียง​กรีดร้อง​เบา​ๆ ที่​ลอย​มาจาก​ด้านใน​ได้​อย่าง​เลือนราง​

“เป็น​ที่นี่​จริงๆ​ หรือ​” ลู่​เซิ่งมอง​จุด​แสงที่​เปลี่ยน​มาจาก​เส้น​พิภพ​

จุด​แสงมีกลไก​หลัก​ตรรกะ​อักขระ​ค่าย​กล​อย่าง​ง่าย​ สามารถ​ถามและ​ป้อนข้อมูล​กลับมา​ให้​แก่​เขา​ได้​

พอ​ได้ยิน​คำถาม​นี้​ มัน​ก็​มุด​เข้าไป​ใน​ร่อง​แยก​ แล้ว​หาย​ลับ​ไป

ลู่​เซิ่งไม่ลังเล​อีกต่อไป​ ว่าย​พุ่ง​เข้าไป​ ร่าง​กลายเป็น​แสงสีแดง​กลุ่ม​หนึ่ง​อย่าง​ฉับพลัน​ หด​เล็ก​ลง​ด้วย​ความเร็ว​สูงลอย​เข้าไป​ใน​นั้น​

กรู๊กๆ…​กรก​ๆ…

ลู่​เซิ่งสลึมส​ลือ​ตื่นขึ้น​มา ได้ยิน​คือ​เสียง​เหมือนกับ​นกกาเหว่า​ร้อง​แผ่วเบา​

เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ขดตัว​อยู่​ใน​พื้นที่​แคบ​ๆ ทรง​รี​ เหมือน​จะเป็น​ไข่​

ด้านนอก​มีความอบอุ่น​อ่อนโยน​ซึมเข้ามา​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ทำให้​เขา​รู้สึก​ปลอดโปร่ง​ไปทั่ว​ทั้งตัว​

พลัง​จิตวิญญาณ​ต้องการ​เวลา​ปรับตัว​เหมือน​ครั้ง​ที่ผ่านมา​ ไม่อาจ​ปล่อย​ออกมา​ได้​ชั่วขณะ​ เพียง​แยกแยะ​จาก​โสตประสาท​ที่​ตื่นตัว​ดีแล้ว​ ด้านนอก​น่าจะเป็น​นก​สอง​ตัว​

ลู่​เซิ่งสงบใจ​ กวาดตา​มอง​ร่างกาย​ของ​ตัวเอง​ใน​ตอนนี้​ ร่างกาย​นี้​ยังอยู่​ใน​สภาพ​ตัวอ่อน​ อวัยวะ​มากมาย​ยัง​ไม่เจริญ​ดี​ เคราะห์ดี​ที่​สมอง​เจริญ​ดี​ที่สุด​ ดังนั้น​ยัง​นับว่า​สมบูรณ์​

เขา​ค้นพบ​ว่า​ตัวเอง​คล้าย​จะจุติ​เป็น​นก​ชนิด​หนึ่ง​ผ่าน​การ​ตรวจสอบ​ภายใน​ด้วย​จิตวิญญาณ​

โครงสร้าง​เลือดเนื้อ​มีความแตกต่าง​ไม่น้อย​ แต่​ยัง​เป็น​โครงกระดูก​พื้นฐาน​ของ​พวก​นก​

ลู่​เซิ่งวิเคราะห์​กฏ​พื้นฐาน​รอบ​ๆ

“แม้จะปรับตัว​เข้ากับ​กฎ​ส่วนใหญ่​ไม่ได้​ แต่​ยังมี​ความสามารถ​หล่อเลี้ยง​น้อย​อยู่​ น่าจะ​ใช้ผล​ส่วนหนึ่ง​ของ​ปราณ​ปฐพี​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​ร่างกาย​ได้​”

พอ​คิดได้​ก็​ลงมือ​ทันที​ ลู่​เซิ่งโคจร​ปราณ​ปฐพี​ที่​ทะลัก​ออกมา​จาก​ใน​ร่าง​อย่าง​ช่ำชอง​ เริ่ม​แยกกัน​ส่งออกมา​ปรับตัว​กับ​กฎ​ส่วนหนึ่ง​ของ​ที่นี่​ ค่อยๆ​ หล่อเลี้ยง​วิหค​ร่าง​นี้​

ด้วย​ระดับ​ของ​เขา​ใน​ปัจจุบัน​ ผล​การ​หล่อเลี้ยง​ปราณ​ปฐพี​ดีกว่า​ก่อนหน้า​มาก​

ขณะเดียวกัน​เขา​ก็​เริ่ม​ใช้อวัยวะ​สัมผัส​ ประเมิน​การ​ไหลเวียน​ของ​เวลา​ที่​แห่ง​นี้​ โดย​เทียบ​กับ​นาฬิกา​ทาง​ชีวภาพ​ของ​ร่าง​หลัก​

ผล​การประเมิน​ทำให้​เขา​แปลกใจ​เล็กน้อย​ เพราะ​การ​ไหล​ของ​เวลา​ใน​สถานที่​แห่ง​นี้​เท่ากับ​โลก​มาร​สวรรค์​แบบ​หนึ่งต่อหนึ่ง​

หมายความว่า​ ที่นี่​ผ่าน​ไปหนึ่ง​วัน​ โลก​มาร​สวรรค์​ก็​ผ่าน​ไปหนึ่ง​วัน​เช่นกัน​

“ดูเหมือน​ระดับ​พลังงาน​ของ​ที่นี่​จะต้อง​สูงสุดขีด​แน่นอน​!” ลู่​เซิ่งตกใจ​ รีบ​สลัด​ความคิด​อันตราย​ส่วนหนึ่ง​ที่​วาง​ไว้​ทิ้ง​ทันที​ แล้ว​เริ่ม​หล่อเลี้ยง​ร่างกาย​อย่าง​ว่าง่าย​

เวลา​ผ่าน​ไปทีละ​นิดๆ​ พริบตาเดียว​ก็​ผ่าน​ไปสิบ​กว่า​วัน​แล้ว​

กลาง​ป่าขนาด​ยักษ์​สูงใหญ่​และ​มืดครึ้ม​ผืน​หนึ่ง​ บน​คาคบ​ของ​ต้นไม้​ยักษ์​สูงกว่า​พัน​เมตร​ ใน​รังนก​สีเหลือง​เล็ก​ๆ รัง​หนึ่ง​ ไข่​ใบ​หนึ่ง​ท่ามกลาง​ไข่​นก​สีขาว​น้ำนม​หลาย​ใบ​ สั่น​เล็กน้อย​ ส่งเสียงแตก​ดัง​แก​ร๊ก​

ลูก​นก​ขน​สีเทา​ตัว​หนึ่ง​มุด​ออก​มาจาก​เปลือกไข่​อย่าง​ง่ายดาย​ ก่อน​จะหันไป​กิน​เปลือกไข่​ของ​ตัวเอง​จน​หมด​

นก​น้อย​สีฟ้าขนาด​เท่า​กำปั้น​สอง​ตัว​ที่อยู่​ใกล้​กัน​กระโดด​โหยง​เหยง​ตรง​ข้าง​รัง​อย่าง​ตื่นเต้น​ ส่งเสียงร้อง​กับ​ลูก​นก​ตลอดเวลา​

“ลูกชาย​ข้า​ ลูกชาย​ข้า​เกิด​แล้ว​!” เสียงร้อง​ที่​มีเฉพาะ​ใน​นก​ตัวผู้​ตะโกน​

“รีบ​ไปหา​ของกิน​เร็ว​ พวกเรา​ต้องการ​อาหาร​มากกว่า​เดิม​แล้ว​! ระวัง​ด้วย​ล่ะ​ เจ้าจิ้งจอก​หยก​ศิลา​บัดซบ​พวก​นั้น​อยู่​แถว​นี้​ จะให้​พวก​มัน​เจอ​บ้าน​ใหม่​ที่อยู่​ที่นี่​ไม่ได้​เป็นอันขาด​!” นก​ตัวเมีย​รีบ​กำชับ​

“ทราบ​แล้ว​! จะไปเดี๋ยวนี้​ล่ะ​” นก​ตัวผู้​พยักหน้า​เหมือน​มนุษย์​

“รอเดี๋ยว​ ทาง​ตะวันออก​มีอินทรี​เนตร​ทอง​มาใหม่​ฝูงหนึ่ง​ อย่า​ปล่อย​ให้​พวก​มัน​เจอ​ตัว​ล่ะ​ เวลา​เคลื่อนไหว​ตามปกติ​ของ​พวก​มัน​คือ​ตอนบ่าย​กับ​ตอนเช้า​ ครั้งก่อน​ครอบครัว​ของ​พวก​ฟูก​เขียว​ก็​ถูก.​..” นก​ตัวเมีย​เอ่ย​ไม่จบ​ประโยค​ แต่​ความหมาย​ชัดเจน​ยิ่ง​

นก​ตัวผู้​พยักหน้า​อย่าง​จริงจัง​อีกครั้ง​

“ข้า​จะระวัง​ พูดถึง​ความเร็ว​ใน​การ​บิน​แถว​นี้​ ไม่มีใคร​เทียบ​ข้า​ได้​ วางใจ​เถอะ​!”

“อือ​ ห​ลัน​ซี ไปเถอะ​ ข้า​เชื่อ​ท่าน​!” นก​ตัวเมีย​เอ่ย​เสียง​แผ่ว​

นก​ตัวผู้​ชื่อ​ห​ลัน​ซี หมายถึง​ธาร​น้ำ​สีคราม​ เป็น​ชื่อ​ที่​พ่อแม่​เขา​ตั้ง​ให้​ พวกเขา​เคย​อาศัย​อยู่​เหนือ​สายน้ำ​สีคราม​แห่ง​หนึ่ง​

ส่วน​นก​ตัวเมีย​ชื่อ​เอิน​รั่ว​ เป็น​ชื่อ​ที่​กวาง​เจ็ด​สีตัว​หนึ่ง​เคย​ตั้ง​ให้​นาง​เมื่อ​ครั้ง​เจอกัน​ใน​อดีต​

ว่า​กัน​ว่า​นี่​เป็น​คำ​เปิด​ประโยค​ที่​สมบูรณ์​

พวก​มัน​อาศัย​อยู่​ใน​ป่าแถบ​นี้​มาได้​หนึ่งร้อย​เจ็ดสิบ​กว่า​ปีแล้ว​ ในที่สุด​ตอนนี้​พวก​มัน​ก็ได้​ฟักไข่​ของ​ตัวเอง​เป็นครั้งแรก​

และ​ไข่​ใบ​หนึ่ง​ใน​นี้​ก็​ฟัก​ในที่สุด​

นก​ตัวผู้​บิน​ตัดผ่าน​ป่า ไม่นาน​ก็​หาย​ลับ​ไป

สักพัก​มัน​ก็​นำ​อาหาร​ที่​มัน​ซ่อน​ไว้​อีก​แห่ง​มา เหมือน​จะเป็น​แมลงเม่า​

เพียงแต่​แมลง​พวก​นี้​เรืองแสง​สีฟ้าอ่อน​เหมือน​ไม่ใช่แมลง​ทั่วไป​

ห​ลัน​ซีกับ​เอิน​รั่ว​เป็น​นก​ที่​มีชื่อว่า​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ นก​ชนิด​นี้​มีความเร็ว​ว่องไว​จัด​อยู่​ใน​อันดับ​แรก​ๆ โดยกำเนิด​ของ​นก​ขนาดเล็ก​

ใน​โลก​อัน​รกร้าง​ที่​ไพศาล​ นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ถือเป็น​นกกระจอก​วิเศษ​ชนิด​หนึ่ง​ที่​พบเห็น​ได้​บ่อย​ นอกจาก​ความเร็ว​แล้ว​ พวก​มัน​ยังมี​อีก​ความสามารถ​หนึ่ง​ที่​ค่อนข้าง​ขึ้นชื่อ​ นั่น​ก็​คือ​เนตร​วิเศษ​

ดวงตา​ของ​พวก​มัน​มีความ​พิเศษ​มอง​ทะลุ​หมอก​ควัน​และ​ค่าย​กล​ลวงตา​ได้​ง่ายดาย​

ห​ลัน​ซีคาบ​แมลง​ตัวเล็ก​บิน​มาถึงข้าง​รัง​ มองดู​เจ้าตัว​น้อย​สีเทา​ขน​ปุย​ตัว​สั่นเทา​ นัยน์ตา​เป็นประกาย​ด้วย​ความรักใคร่​ยาก​จะเอื้อนเอ่ย​

“มากิน​เถอะ​ นี่​เป็น​ของดี​…” เขา​ส่งแมลงเม่า​ไปยัง​ปาก​ของ​ลูก​นก​อย่าง​ระวัง​

ใน​สถานการณ์​ปกติ​ ลูก​นก​ทั่วไป​จะอ้า​ปาก​ส่งเสียง​โหวกเหวก​โวยวาย​ รอ​ให้​พ่อแม่​ป้อน​อาหาร​

แต่​ลูก​นก​ตัว​นี้​เหมือน​จะไม่เป็น​อย่างนั้น​

ลู่​เซิ่งเหลือบมอง​แมลงเม่า​ที่​ห​ลัน​ซีส่งมา ปีก​ที่​ยัง​ไม่งอก​ขน​ก็​ตบ​แมลงเม่า​ทิ้ง​ไป

การ​หล่อเลี้ยง​ด้วย​ปราณ​ปฐพี​เป็นเวลา​สิบ​วัน​ทำให้​เขา​ไม่ได้​อ่อนแอ​ไร้​เรี่ยวแรง​เหมือน​ลูก​นก​ทั่วไป​

เขา​ยืน​ขึ้น​ แล้ว​เดิน​ไปถึงข้าง​รัง​ท่ามกลาง​สายตา​ตกตะลึง​ของ​นก​ทั้งสอง​ตัว​

ทันใดนั้น​ เขา​ก็​หยิบ​กิ่งไม้​ข้าง​รัง​ท่อน​หนึ่ง​ออกมา​ชูขึ้นไป​บน​ฟ้า

ฟ้าว!​

จากนั้น​ก็​ชัก​กิ่งไม้​กลับมา​ ปลาย​ไม้มีแมลงปอ​สีทอง​ที่​บิน​เร็ว​รี่​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​เสียบ​อยู่​

ลู่​เซิ่งแกะ​หัว​และ​หาง​ของ​แมลงปอ​ทิ้ง​อย่าง​คุ้นชิน​ แล้ว​โยน​เนื้อ​ส่วน​อก​เข้า​ปาก​

“…”

“…”

ห​ลัน​ซีกับ​เอิน​รั่ว​ตกตะลึง​นิ่งงัน​เป็น​ไก่​ไม้แกะสลัก​ แมลงเม่า​ใน​ปาก​ดิ้นรน​ไม่กี่​ที​ ก็​หลุด​ออกจาก​ปาก​บิน​ไปไหน​แล้วก็​ไม่รู้​

ไม่นาน​นัก​ก็​มีแมลงปอ​สีทอง​กลุ่ม​หนึ่ง​บิน​มาอย่าง​ดุร้าย​ คล้าย​ต้อง​การแก้แค้น​ให้​แก่​สหาย​

ลู่​เซิ่งถือ​กิ่งไม้​ด้าน​ข้าง​รัง​ไว้​อย่าง​เยือกเย็น​ โดย​ใช้กรงเล็บ​ที่​เพิ่ง​งอก​ออก​มาจาก​ปลาย​ปีก​กำ​ไว้​เบา​ๆ

ฟ้าวๆๆๆ!​

เกิด​เสียงดัง​ขึ้น​สิบ​กว่า​ครั้ง​ บน​กิ่งไม้​มีแมลงปอ​สีทอง​เสียบ​อยู่​สิบห้า​ตัว​ ตัว​พวก​มัน​กะพริบ​แสงสายฟ้า​สีทอง​หลาย​สาย​ ดู​ไม่ธรรมดา​ คล้าย​จะเป็น​ความสามารถพิเศษ​ของ​พวก​มัน​

แต่​ความสามารถ​เหล่านี้​ไร้​ความหมาย​สำหรับ​กิ่งไม้​ที่​เป็น​ฉนวน​ไฟฟ้า

ลู่​เซิ่งนั่งลง​ มือ​ข้าง​หนึ่ง​ถือ​กิ่งไม้​ มือ​อีก​ข้าง​ถือ​กิ่งไม้​สอง​กิ่ง​ติ​ต่าง​เป็น​ตะเกียบ​ แยก​ส่วนหัว​กับ​หาง​ของ​แมลงปอ​สิบ​กว่า​ตัว​ เหลือ​ไว้​เพียง​เนื้อ​อก​ส่วน​เล็ก​ๆ

จากนั้น​ก็​ยัด​เนื้อ​แต่ละ​ชิ้น​เข้า​ปาก​ กิน​อย่าง​สำราญใจ​

ห​ลัน​ซีกับ​เอิน​รั่ว​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ตกตะลึง​โดยสิ้นเชิง​

นั่น​มัน​แมลงปอ​อสนีบาต​เชียว​นะ​!

ต่อให้​เป็น​ตอนที่​พวก​มัน​จับ​ ก็​ยัง​ไม่กล้า​เอา​มามากมาย​ขนาด​นี้​ มาตอนนี้​ลูก​นก​ที่​เพิ่ง​เกิด​ตัว​หนึ่ง​ ถึงกับ​…

“นี่​ไม่น่าจะ​กำลัง​ฝัน​อยู่​กระมัง​” ห​ลัน​ซี

“ไม่…ท่าน​ไม่ได้​ฝัน​…” เอิน​รั่ว​จับ​ปีก​ของ​เขา​พลาง​พึมพำ​ “นั่น​คือ​ลูก​ข้า​…” แม้แต่​นาง​ก็​ยัง​ตกใจ​จน​วิงเวียน​ศีรษะ​ แต่​โลก​ใบ​นี้​ไม่เคย​ขาด​เรื่อง​น่าอัศจรรย์​อยู่แล้ว​ ลูก​นก​ตัว​หนึ่ง​แสดงออก​เกรี้ยวกราด​ไปบ้าง​ก็​ไม่นับว่า​เป็น​อะไร​ ว่า​กัน​ว่า​มีบาง​เผ่าพันธุ์​ที่เกิด​มาพร้อมกับ​ไฟลุก​ท่วม​ตัว​ ก่อให้เกิด​อัคคีภัย​ขึ้น​ทีเดียว​

สามีภรรยา​นก​รับ​ความจริง​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ ลู่​เซิ่งไม่ต้องการ​ให้​พวก​มัน​ป้อน​อาหาร​ ทำให้​พวก​มัน​โล่งใจ​ขึ้น​มาก​

เพียง​แต่วัน​เวลา​ต่อจากนั้น​ พวก​มัน​ก็​ค้นพบ​อย่าง​ตกตะลึง​ว่า​ ความจุ​ใน​การ​กิน​อาหาร​ใน​แต่ละวัน​ของ​นก​น้อย​ที่​เพิ่ง​เกิด​มานี้​น่า​ตกตะลึง​โดยแท้​

อีก​ทั้ง​ความเร็ว​ใน​การ​เติบโต​ของ​เขา​ยังอยู่​เหนือกว่า​จินตนาการ​ของ​พวก​มัน​อีก​

ตอนแรก​ขนาด​ของ​ลู่​เซิ่งเป็นหนึ่ง​ใน​สามของ​พวก​มัน​เท่านั้น​ ไม่สะดุดตา​เท่าไร​ แต่​เมื่อ​ผ่าน​ไปสิบ​วัน​ ลู่​เซิ่งก็​มีขนาด​ครึ่งหนึ่ง​ของ​พวก​มัน​แล้ว​

ความจุ​อาหาร​ของ​เขา​เทียบ​เท่ากับ​พวก​มัน​ ทั้ง​ยัง​ออก​ไปล่า​อาหาร​เอง​อีก​ต่างหาก​

ไม่นาน​นัก​ ไม่ถึงหนึ่ง​เดือน​ ชายป่า​ขนาด​ยักษ์​ผืน​นี้​ก็​ปรากฏ​เงาของ​นกกระจอก​อาภรณ์​คราม​ว่องไว​ปราดเปรียว​ตัว​หนึ่ง​

แมลง​ หญ้า​ ผลไม้​ทั้งหมด​ที่​กิน​ได้​ ต่าง​หนี​ไม่รอด​จะงอย​ปาก​ของ​ลู่​เซิ่ง

ขนาด​ตัว​ของ​ลู่​เซิ่งขยาย​ใหญ่​ขึ้น​ตาม​ความจุ​อาหาร​ที่​เพิ่มขึ้น​ ทวี​ความต้องการ​ต่อ​อาหาร​ใน​อาณาเขต​รอบ​ๆ มากขึ้น​

ในที่สุด​ อยู่​มาวันหนึ่ง​ ลู่​เซิ่งก็​ล้ำเส้น​

……………………………………….

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท