ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 285 ข้าสามารถช่วยพวกท่านได้

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 285 ข้าสามารถช่วยพวกท่านได้

“พวกท่านไม่ลองเป่ายิงฉุบกันดูล่ะ?” หลิงเยว่ถามอย่างลองเชิง

ทั้งสามสบตากัน ถอยห่างออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยม พลางซ่อนมือไว้ด้านหลัง

ถึงแม้วิธีเด็ก ๆ แบบนี้จะเป็นวิธีที่ศิษย์น้องหลิงสอนมา แต่ก็เร็วกว่าการต่อสู้กันเป็นไหน ๆ

“งั้นเป่ายิงฉุบกันเถอะ!”

ทั้งสามคนมีแววตาเอาชนะให้ได้

“ค้อน”

“กรรไกร”

“กระดาษ!”

สองกำปั้น หนึ่งกระดาษ ผู้ชนะคือผู่ตานที่ออกกระดาษ เขายิ้มกว้าง “ต้องขอโทษศิษย์พี่ทั้งสองแล้ว”

กิเลนไฟตัวหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า เหยียบเท้าทั้งสี่บนเมฆเพลิง เงยหน้าคำรามดังกึกก้อง ท่าทางน่าเกรงขามยิ่งนัก

“นั่นมันกิเลนไฟของยอดเขาหลอมศาสตราไม่ใช่หรือ?!”

หลังจากอิงหลง สัตว์เทพโบราณอย่างกิเลนไฟก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบโบราณ ทุกที่ที่กิเลนไฟผ่านไป อุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้น แม้ยังไม่ได้เริ่มโจมตี เหล่าปีศาจระดับต่ำก็ละลายไปแล้ว

ผู่ตานคำรามอีกครั้ง ปีศาจระดับกลางระเบิดตายทันที เขายังรู้สึกไม่พอใจจึงรีบพุ่งเข้าใส่ปีศาจระดับสูง แสงสีแดงทะลุร่างมหึมา

ปีศาจระดับสูงชะงักไป จากนั้นร่างกายที่เหมือนภูเขาลูกใหญ่พลันลุกไหม้ขึ้นมา

ผู้บำเพ็ญระดับสูงที่กำลังต่อสู้กับปีศาจตัวนั้นอยู่ “?”

หลังจากต่อสู้กันมาสามวันสามคืน ในที่สุดก็ทำให้เจ้าตัวใหญ่นี่บาดเจ็บได้แล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เท่ากับหนึ่งกระบวนท่าของสัตว์เทพโบราณ…

พวกเขาจะโกรธแล้วนะ!

“เจ้าทำสำเร็จอีกแล้ว…”

ผู้อาวุโสมู่ยืนอยู่ข้างหลิงเยว่พลันถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นักหลอมศาสตราวุธจะสามารถผลิตศาสตราวุธชั้นเลิศที่มีจิตวิญญาณได้”

“สุราปราบมารหมดอีกแล้วเหรอเจ้าคะ?” หลิงเยว่เหลือบมอง ทุกครั้งที่ท่านผู้นี้ปรากฏตัว มักจะมาขอสุราปราบมารตลอด

เมื่อหลิงเยว่ยื่นสุราปราบมารที่เหลืออยู่ให้ผู้อาวุโสมู่ อีกฝ่ายก็รับไปอย่างสบาย ๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้จากไปทันที แต่กลับถอนหายใจมองไปยังผู่ตานที่แปลงร่างเป็นกิเลนไฟกำลังคลุ้มคลั่งอยู่ในสนามรบ

“จะให้ข้าทำอะไรอีกเจ้าคะ?”

ผู้อาวุโสมู่ส่ายหัว หลิงเยว่ช่วยเหลือมามากพอแล้ว ความจริงเขากำลังคิดวิธีที่จะทำให้ ศาสตราวุธขับไล่ปีศาจมีจิตวิญญาณได้แล้ว แต่วิธีนี้โหดร้ายเกินไป ถ้าไม่ใช่หนทางสุดท้าย เขาก็ไม่อยากใช้

“ม่านพลังป้องกันปีศาจอย่างมากก็อยู่ได้อีกสิบปี”

“ถ้าภายในสิบปียังแก้ไขไม่ได้ ดินแดนตะวันตกจะกลายเป็นเขตแดนปีศาจโดยสมบูรณ์…”

หลิงเยว่ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้อาวุโสมู่ถึงมาพูดเรื่องพวกนี้กับนาง นางทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่นางหลอมศาสตราวุธไม่ได้นะ!

อิงหลงเย้ยหยัน “อยากได้ศาสตราวุธที่มีจิตวิญญาณเหรอ? แค่เอาพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญมาสักสองสามคน แล้วมาหลอมให้เป็นศาสตราวุธก็ได้แล้ว!”

“ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?!”

คำตอบคือต้องถูกลงโทษแน่นอน! นี่คือสาเหตุที่ผู้อาวุโสมู่ลังเล ไม่เพียงแต่คนที่หลอมเท่านั้นที่จะถูกสวรรค์ลงโทษ รวมไปถึงวิญญาณของผู้ที่ถูกนำมาหลอมก็จะถูกขังอยู่ในศาสตราวุธนั้นไปชั่วกัปชั่วกัลป์

ดังนั้นวิธีนี้จึงโหดร้ายมาก!

“ท่านอาวุโส หากพวกท่านกับปรมาจารย์ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์อีกหลายคนร่วมมือกัน น่าจะสามารถจัดการปีศาจในสนามรบได้ทั้งหมดใช่ไหมเจ้าคะ?”

กิเลนไฟหัวเราะ

“ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาหรอก สัตว์เทพโบราณอย่างข้าสามารถเผาปีศาจข้างในให้วอดวายได้ในพริบตา เพียงแต่…”

“เพียงแต่อะไรเหรอ?” หลิงเยว่รีบถาม

“เพียงแต่ว่าดินแดนตะวันตกทั้งหมดจะกลายเป็นทะเลเพลิง”

“ท่านไม่สามารถควบคุมไฟของตัวเองได้หรือ?”

หลิงเยว่รู้สึกว่าหมอนี่กำลังโม้อยู่อย่างแน่นอน!

“สนามรบโบราณเฉียนซีนั้นพิเศษมาก หากที่นี่ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ดินแดนตะวันตกทั้งหมดก็ไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว”

หลิงเยว่ยังคงฟังไม่เข้าใจ จนกระทั่งเสวียนอู่ลากนางลงไปใต้ดินและเดินทางไปรอบหนึ่ง นางจึงเข้าใจได้เล็กน้อย…

รากของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตายแล้วกระจายอยู่ทั่วทั้งดินแดนตะวันตก แม้กระทั่งยังแผ่ขยายไปนอกดินแดนตะวันตกด้วย หากปล่อยให้กิเลนไฟเผาพวกปีศาจในสนามรบโบราณ แต่เปลวเพลิงเหล่านั้นก็สามารถแพร่กระจายออกไปได้ในพริบตา

“หากไฟไม่ได้ แล้วน้ำแข็งหรือสายฟ้าล่ะ?”

ชายร่างใหญ่หลายคนมองไปที่หลิงเยว่อย่างเงียบงัน คุณสมบัติอื่น ๆ ก็เช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือการวางกับดักสังหาร

“ข้าสามารถช่วยพวกท่านได้”

หลิงเยว่หันหน้าไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว วิญญาณที่เหลืออยู่วิ่งเข้ามาหานางพร้อมรอยยิ้ม

“ฟูเหรินผีผา?”

นางไม่ได้หลับอยู่หรอกเหรอ!

“ตราบใดที่ยินยอมกลายเป็นศาสตราวุธ เหล่านักหลอมศาสตราวุธจะไม่ถูกสวรรค์ลงโทษ”

หลิงเยว่ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง นางยังคิดจะรอจนกว่าจะหาส่วนที่เหลือครบ เพื่อฟื้นคืนชีพพวกเขา หากกลายเป็นศาสตราวุธแล้ว…

ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะฟูเหรินผีผา หลิงเยว่คงตายไปนานแล้ว บุญคุณชีวิตนี้นางจดจำมาโดยตลอด ทั้งยังมีอินสุ่ยอวิ๋นด้วย!

“ข้าไม่เห็นด้วย!”

“เสี่ยวเยว่ ข้าตายไปก็ไม่เสียดาย”

ฟูเหรินผีผายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เมื่อนางกลายเป็นดวงตาปีศาจ ทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมสำนักส่วนใหญ่ต่างเสียชีวิตด้วยน้ำมือของนางเอง บาปเช่นนี้ไม่อาจให้อภัยได้!

ถือเสียว่าเป็นการชดใช้บาปกรรมเถอะ…

“ยังขาดอีกสิบเจ็ดดวงใช่ไหม?”

วิญญาณที่แตกสลายกระโดดออกมาจากร่างของหลิงเยว่ทีละดวง พวกเขาไม่ได้บ้าคลั่ง จิตวิญญาณได้รับการปลอบโยนจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และ… ได้ความทรงจำคืนมา พวกเขาจดจำมือที่เปื้อนเลือดของญาติพี่น้องร่วมสำนักได้ดี

วิญญาณสิบแปดดวงที่แตกสลาย มีทั้งชายหญิง คนแก่และเด็ก พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่ยี่หระ แต่ไม่อาจซ่อนดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ความเสียใจ ความเจ็บปวดได้

“ร่างกายของเจ้าทำไมถึงสามารถบรรจุวิญญาณที่แตกสลายได้มากมายขนาดนี้ โดยไม่เสียสติ?!”

อิงหลงตกใจกับหลิงเยว่อีกครั้ง นางอยู่กับหลิงเยว่มานานขนาดนี้ กลับไม่รู้สึกเลยว่ามีวิญญาณที่แตกสลายอยู่ในร่างของนาง!

ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!

สามสัตว์เทพโบราณเงียบไป สาวน้อยคนนี้กันแน่ เป็นคนแปลกประหลาดอะไรกัน?

พวกเขานึกถึงพลังชีวิตที่คุ้นเคยนั้น แล้วก้มหน้าลงมองพื้นพร้อมกัน ผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญเซียนไม่รู้ว่าต้นไม้ยักษ์ที่ตายแล้วใต้ดินคืออะไร…

ผู้สืบทอดหรือ?

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ตนพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน

แน่นอนว่าหลิงเยว่ไม่มีอารมณ์จะอธิบายและไม่สามารถอธิบายได้ด้วย หากบอกพวกเขาไปว่าในร่างของนางมีวิญญาณที่แตกสลายมากกว่าสิบดวง พวกเขาคงหน้าชามากกว่านี้แน่!

จู่ ๆ ผู้อาวุโสมู่ที่เผชิญหน้ากับวิญญาณที่แตกสลายทั้งสิบแปดดวงก็งุนงง

ถึงกับมีคนยอมเป็นศาสตราวุธด้วยความสมัครใจ?

แม้การเป็นศาสตราวุธจะทำให้เป็นอมตะ แต่นั่นจะไม่ใช่ตัวตนของพวกเขาอีกต่อไป

“ระหว่างการหลอมศาสตราวุธนั้นจะทำให้เจ็บปวดมากนะ!”

มีความเจ็บปวดใดที่มากกว่าการกลายเป็นดวงตาปีศาจอีกหรือ?

สิบแปดวิญญาณที่เหลือเพียงแค่หัวเราะ ไม่มีเรื่องใดที่เจ็บปวดไปกว่าการกลายเป็นตาปีศาจอีกแล้ว

“พวกท่านลองคิดใหม่อีกครั้ง คิดให้ดี ๆ นะ”

หลิงเยว่มองฟูเหรินผีผาด้วยความเศร้าใจ และหวังว่านางจะเปลี่ยนใจ

แต่ฟูเหรินผีผากลับตอบมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

“ได้…” หลิงเยว่ก้มหน้าลงด้วยความเสียใจ

นางเคยถูกบังคับให้อ่านความทรงจำของพวกเขา แล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจเช่นนี้?

หากเป็นนาง นางคงจะทำแบบนี้เช่นกัน

ผู้อาวุโสมู่มองหลิงเยว่ แล้วมองวิญญาณเหล่านั้น ในใจรู้สึกสับสนยิ่งนัก เขาแค่อยากจะบ่นกับหลิงเยว่เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะมีวิญญาณมากมายออกมาเช่นนี้…

วิญญาณที่ตื่นขึ้นมาในร่างของหลิงเยว่นั้นอยากจะขยับตัว แต่ถูกนางกดไว้

การกลายเป็นดวงตาปีศาจแล้วทำร้ายคนที่รัก ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเขา แต่เป็นสิ่งชั่วร้ายที่ทำต่างหาก จะโทษพวกเขาทั้งหมดได้อย่างไร!

ยังไงก็ตาม วิญญาณทั้งสิบแปดดวงนี้นางไม่อาจหยุดยั้งได้ ส่วนที่เหลือ…

หากที่เหลืออยากจะกลายเป็นศาสตราวุธ นั่นคือทางเลือกของพวกเขา นางมีสิทธิ์อะไรไปขัดขวางล่ะ?

หลิงเยว่ถอนหายใจ และไม่ฝืนกดวิญญาณในร่างอีกต่อไป ทำได้เพียงมองพวกเขาเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ บางทีการเปลี่ยนทางเดินชีวิตใหม่คงไม่เลวนัก?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท