ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 286 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 286 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว…

หลังจากที่หลิงเยว่ได้ส่งฟูเหรินผีผาและเหล่าวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่อีกสิบเจ็ดท่านไปแล้ว ในช่วงครึ่งปีมานี้ นอกจากนางจะเก็บตัวบำเพ็ญเพื่อปรุงสุราปราบมารสูตรพิเศษแล้ว นางยังคงศึกษาชาแปลงร่างสัตว์เทพโบราณด้วย วันเวลาของนางจึงค่อนข้างยุ่งและน่าเบื่อ

วันนี้หลิงเยว่ใช้สุราปราบมารสูตรพิเศษเป็นข้ออ้าง เพื่อเข้าไปในห้องกลั่นโอสถขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นชั่วคราว ซึ่งมีการป้องกันอย่างเข้มงวดและมีม่านพลังครอบไว้หลายชั้น

โดยมีผู้อาวุโสมู่เดินนำหลิงเยว่เข้าไปในม่านพลัง

ทันทีที่เข้าไป เสียงร้องโหยหวนที่ทนทุกข์ทรมานก็ดังขึ้น หลิงเยว่ขนลุกซู่ทั่วแขน ยังไม่ทันได้เตรียมใจ เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสะพรึงก็ดังขึ้นเป็นระลอก ร้องจนขนหัวลุกราวกับว่านางหลุดเข้าไปในนรก

หลิงเยว่ได้ยินมาว่าวิญญาณที่ถูกหลอมจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมหาศาลที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ มีเพียงผู้ที่มีจิตใจมั่นคงเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนจากวิญญาณไปเป็นศาสตราวุธได้ในที่สุด

“ผู้อาวุโสมู่ นั่นหมายความว่า… หากวิญญาณของพวกเขาทนไม่ไหว การหลอมจะไม่สำเร็จและวิญญาณจะแตกสลายใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ใช่”

ผู้อาวุโสมู่พยักหน้า ไม่รู้ว่าหลิงเยว่ไปหาวิญญาณมาจากที่ไหน ทุกคนถึงมีจิตใจที่มั่นคงมาก แม้จะร้องโหยหวนน่ากลัวไปหน่อย แต่ถือว่าทำได้ดีมาก!

หลิงเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามเจ้าสำนักต้วน แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เตาหลอมตรงหน้าเขา นางสามารถรับรู้ถึงพลังชีวิตของฟูเหรินผีผาได้ และรับรู้ว่านางพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกเผาไหม้อย่างยากลำบาก

นี่คือความน่ากลัวของการหลอมวิญญาณ ไม่เพียงแต่ต้องทนต่อไฟเผา แต่ยังต้องรักษาสติอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้วัสดุหรือศาสตราวุธหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของตนเอง เมื่อทั้งสองรวมกันโดยไม่เกิดการต่อต้าน จากนั้นนักหลอมศาสตราวุธจะตีศาสตราวุธ เพื่อกำจัดสิ่งเจือปน หล่อขึ้นรูปใหม่ แล้วเผาไหม้ต่อไป…

ยิ่งกระบวนการซับซ้อน ยิ่งหมายความว่าวิญญาณที่เหลือต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้น แค่ลองคิดร่างกายของหลิงเยว่ก็สั่นสะท้านแล้ว

ฟูเหรินผีผาที่เคยอดทนอยู่กลับส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผากของเจ้าสำนักต้วน เตาหลอมสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนข้างในต้องการออกมา

“ไม่ดีแล้ว นางสูญเสียสติไปแล้ว!”

“ไม่! ไม่ใช่! นางถูกพลังปีศาจเข้าแทรกแล้ว…”

เดิมทีไม่มีควันลอยออกมาจากเตาหลอมแม้แต่น้อย แต่ชั่วพริบตากลับเต็มไปด้วยพลังปีศาจ

“หรือว่าใช้สุราปราบมารน้อยเกินไป?”

หลิงเยว่ร้อนใจ

“ไม่ใช่” ผู้อาวุโสมู่เห็นได้ชัดเจนว่าภายในเตาหลอมนั้น ดวงวิญญาณของหญิงสาวที่เดิมทีมีแววตาใสกระจ่างอ่อนโยนถูกพลังปีศาจเข้าแทรกแล้ว เพราะดวงตาทั้งสองข้างกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งตัวสูญเสียสติและความรู้สึกตัว

“พวกเขา… เจ้าไปเอามาจากที่ไหนกัน?”

ด้วยความไว้วางใจในตัวหลิงเยว่ ผู้อาวุโสมู่จึงไม่ได้สอบถามที่มาของดวงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้พวกเขาจะเป็นดวงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ แต่วิญญาณกลับบริสุทธิ์ แต่ทำไมถึงกลายเป็นมารได้เล่า?!

กลุ่มข้าง ๆ ตะโกนโหวกเหวก ดวงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ทั้งหมด ต่างก่อความวุ่นวายในเวลาเดียวกัน พลังปีศาจแพร่กระจายเป็นวงกว้าง เสียงร้องโหยหวนดังไม่ขาดสาย…

บรรพจารย์เล่อเหอที่รับรู้ถึงความผิดปกติมาถึงในพริบตา ส่วนผู้อาวุโสมู่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ตั้งใจจะวางม่านพลังสะกดพลังปีศาจ เพื่อปิดกั้นพลังปีศาจไม่ให้แพร่กระจายออกไปด้านนอก

“พวกเขา… เคยถูกใช้เป็นร่างอาศัยของดวงตาปีศาจ”

ถึงแม้หลิงเยว่จะพึมพำเบา ๆ แต่ผู้อาวุโสมู่และบรรพจารย์เล่อเหอต่างได้ยินทั้งคู่ พวกเขาเบิกตากว้าง ที่แท้เป็นร่างอาศัยของดวงตาปีศาจ?!

แบบนี้ก็ไม่แปลกใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่จะกลายเป็นมารในทันใด

“ฆ่าข้าซะ!”

“ไม่! ข้าจะฆ่าพวกเจ้ามนุษย์ให้หมด!”

“รีบปล่อยข้าออกไป ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะได้ทำลายพวกมนุษย์แล้ว!”

วิญญาณที่ถูกขังอยู่ในเตาหลอมต่างกระแทกและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง…

“รีบฆ่าพวกเราเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำร้ายพวกเจ้า!”

วิญญาณที่ยังมีสติเหลืออยู่เล็กน้อยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสูญเสียสติไปอย่างสิ้นเชิง

เจ้าสำนักต้วนพ่นเลือดออกมา เขาเกือบจะควบคุมวิญญาณทั้งหลายไม่ไหวแล้ว พลังของฟูเหรินผีผาเริ่มแข็งแกร่งขึ้น…

หลิงเยว่ไม่รู้ว่าเคล็ดวิชาการรักษาของนางจะมีผลต่อวิญญาณที่ถูกพลังปีศาจเข้าแทรกจนกลายเป็นมารหรือไม่ แต่พลังแห่งชีวิตของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของนางอาจจะสามารถปลอบประโลมพวกเขาได้ ดังนั้นเคล็ดวิชาการรักษาที่มีพลังแห่งชีวิตควรจะได้ผล

พลังแห่งชีวิตที่บริสุทธิ์ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากฝ่ามือของหลิงเยว่ มันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวสิบแปดลำ มุ่งหน้าไปยังเตาหลอมที่กำลังเดือดพล่าน

พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ดึงดูดสัตว์เทพโบราณทั้งสี่ที่กำลังจ้องมอง เมื่อพวกมันรับรู้ถึงกลิ่นอันคุ้นเคยนั้น ก็ยืนยันการคาดเดาในตอนแรกได้แล้ว

หลิงเยว่เป็นผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตอย่างแท้จริง!

ในที่สุด ผู้สืบทอดก็ปรากฏตัวแล้ว…

อิงหลงตาแดงก่ำ พวกเขารอคอยมาหลายพันปี ในที่สุดก็ได้พบแล้ว

ที่ใดก็ตามที่ลูกแก้วแห่งการบำบัดรักษาไปถึง ปีศาจร้ายจะหายไปในทันที ในขณะที่พลังแห่งชีวิตแทรกซึมเข้าไป เตาหลอมที่สั่นไหวไม่หยุดก็ค่อย ๆ เงียบลง พลังปีศาจที่ไหลล้นออกมาถูกดูดซับ

เมื่อหลิงเยว่เห็นว่าได้ผล นางจึงกินอมยิ้มฟื้นฟูปราณวิญญาณระดับกลาง แล้วฝืนรวมตัวเป็นลูกแก้วบำบัดรักษาอีกสองลูก ลูกแก้วแผ่แสงสีเขียวบริสุทธิ์ แล้วรักษาบาดแผลของผู้บาดเจ็บด้วยตัวเอง

สีหน้าของเจ้าสำนักต้วนเริ่มดีขึ้น บาดแผลภายในถูกรักษาอย่างรวดเร็ว… เขาอยากจะดูว่าใครเป็นคนลงมือ แต่กระบวนการหลอมจะต้องไม่ขาดช่วงเด็ดขาด! อีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงที่วิญญาณสงบนิ่ง ต้องรีบรวมพวกมันเข้ากับวัสดุให้เร็วที่สุด!

นักหลอมศาสตราวุธท่านอื่นต่างสงสัยเช่นกัน แต่พวกเขารู้ว่าตอนนี้ห้ามเสียสมาธิเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า!

บรรพจารย์เล่อเหอแบกหลิงเยว่ที่ล้มลง โชคดีที่นางมา ไม่อย่างนั้นคงจะมีมารและปีศาจอีกหลายตนถูกปล่อยออกมาแล้ว

“มนุษย์ช่างหยาบคายจริง ๆ!” อิงหลงแย่งตัวหลิงเยว่มากอดไว้ในอ้อมแขน เมื่อเดินผ่านเล่อเหอ นางยังจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเป็นพิเศษ

กิเลนไฟก็จ้องมองเล่อเหออย่างดุดัน ตามมาด้วยชิงหลงและเสวียนอู่

เล่อเหอ “???”

เขาทำอะไรผิดถึงต้องมาจ้องเขาแบบนี้!

“ศิษย์น้อง เจ้าเป็นอะไรไป!” ติงหลิวหลิ่วเมื่อเห็นหลิงเยว่ที่หมดสติ ความคิดแรกคือทำไมนางถึงเป็นลมอีกแล้ว จากนั้นจึงรู้สึกกังวล

“แค่เป็นลมอีกนั่นแหละ จะเป็นอะไรไปได้”

หัวหน้าตะขาบมรกตชินชากับหลิงเยว่ที่เป็นลมอยู่บ่อย ๆ แล้ว

“นาง…”

โม่จวินเจ๋อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลิงเยว่ จึงรู้ว่าพลังวิญญาณของนางหมด เขาถอนหายใจออกมา พลางคิดว่านางคงไปศึกษาสิ่งใหม่ ๆ อีกแล้ว

อิงหลงอุ้มหลิงเยว่กลับกระโจม จากนั้นหยิบโอสถฟื้นปราณระดับสูงขวดหนึ่งมาป้อนใส่ปากนางทั้งหมด แต่ยังรู้สึกว่าไม่พอ จึงหยิบโอสถที่สะสมมาหลายปีออกมา ในขณะที่กำลังจะป้อนทั้งหมดเข้าไปนั้น

“หยุดก่อน!”

ชิงยวนตะโกนด้วยความตกใจ มังกรตัวนี้กำลังจะทำให้ศิษย์ตัวน้อยที่น่าสงสารของนางระเบิดตายหรือไง!

“เป็นไปไม่ได้ที่นางจะระเบิด”

อิงหลงมองชิงยวนที่ไร้ประสบการณ์ ถึงแม้จะป้อนโอสถของโลกผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมดให้หลิงเยว่ นางก็จะไม่ระเบิด ทั้งยังรู้สึกว่าไม่พออีกต่างหาก

ไม่ได้! ตอนนี้ผู้สืบทอดอ่อนแอเกินไป นางต้องช่วยสมทบอีกแรง อืม… ไปที่สำนักจ้านเจี้ยนเพื่อเก็บของสักรอบก่อนแล้วกัน ถึงแม้ของพวกนั้นนางจะดูถูกอยู่บ้าง แต่หลิงเยว่จำเป็นต้องใช้!

อีกสามสัตว์เทพโบราณต่างกลอกตาไปมา พวกเขาจะไม่ยอมให้อิงหลงเอาชนะได้เด็ดขาด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท