ตอนที่ 1,402 อีกหนึ่งความเป็นไปได้
เดิมทีสามพี่น้องตระกูลต้วนก็มีคุณสมบัติดีพออยู่แล้ว บัดนี้ เมื่อมีขีดสัญญาณความศรัทธาเต็มหมดครบทุกขีด จึงถือว่าเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ควรเก็บเอาไว้ใกล้ตัว
สมควรคัดเลือกตำแหน่งเทพเจ้าให้ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินค้นหาตำแหน่งเทพเจ้าที่เหมาะสมในศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยง
“เอาสามตำแหน่งนี้ก็แล้วกัน”
เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
และโยนลูกแก้วเทพเจ้าลงไปอยู่ที่เบื้องหน้าสามพี่น้องตระกูลต้วนสามใบ
สามพี่น้องถึงกับตกตะลึง
จากนั้นจึงหันมองหน้ากัน
ก่อนหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน
สองสาวฝาแฝดได้แต่กระตุกแขนเสื้อพี่ชายด้วยความตื่นตระหนกขณะจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินไม่วางตา
“พวกเรา… ผ่านการคัดเลือกแล้วหรือเจ้าคะ?”
ต้วนหูเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ หลบยืนอยู่หลังพี่ชายราวกับเป็นกวางน้อยผู้ตื่นกลัว
“ย่อมผ่านแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
เขาค่อย ๆ ก้าวเดินลงมาจากบัลลังก์และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าหวังว่าตนเองจะสามารถเชื่อใจพวกเจ้าได้… ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคู่ควรที่จะได้รับความเชื่อใจนี้หรือไม่?”
สามพี่น้องตระกูลต้วนตกตะลึง
นี่ใต้เท้าเจี๋ยน… เชื่อใจพวกเขาขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่เจี๋ยนเซียวเหยาเป็นถึงหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าเชียวนะ
ในขณะที่พวกเขาสามพี่น้องเป็นเพียงบุคคลร่อนเร่ในดินแดนทวยเทพ
สิบวันที่แล้ว หลังจากไม่ยอมส่งสองสาวฝาแฝดไปเป็นภรรยาน้อยของขุนนางผู้ดูแลเหมืองแร่ พวกเขาสามพี่น้องก็ถูกขับไล่ออกมาจากที่อยู่อาศัย มิหนำซ้ำ ยังมีสถานะเป็นผู้ร้ายหลบหนีคดีอีกด้วย
ในวันนี้ ต้วนจางจึงพาน้องสาวทั้งสองมาเสี่ยงดวงที่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน เพราะที่นี่เปรียบเสมือนกับความหวังสุดท้ายของพวกเขา
เพราะดินแดนทวยเทพกำลังอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหล ไม่เคยมีเทพเจ้าที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่มากมายขนาดนี้มาก่อน
สามพี่น้องตระกูลต้วนจึงไม่คิดว่าตนเองจะได้รับโอกาสนั้น
พวกเขาเพียงอยากจะอาศัยเจี๋ยนเซียวเหยาเป็นที่พักพิงเท่านั้น
ขอแค่มีชีวิตอยู่รอดต่อไปก็พอแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกตนเองจะยังไม่ได้อธิบายเหตุผลต่อเจี๋ยนเซียวเหยา… อีกฝ่ายกลับมอบตำแหน่งเทพเจ้ามาให้โดยบอกอีกว่าเชื่อใจพวกเขา
นี่ถือเป็นฟ้าประทานพรแล้ว
สามพี่น้องยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ทันใดนั้น…
ต้วนจางรีบคุกเข่ากลับลงไปอีกครั้ง
“กราบเรียนใต้เท้า ก่อนหน้านี้ใต้เท้าก็เคยช่วยชีวิตพวกเราสามพี่น้องเอาไว้แล้ว เกรงว่าในชีวิตนี้ พวกเราคงไม่อาจตอบแทนบุญคุณของใต้เท้าได้หมดสิ้น”
เขาก้มหน้าต่ำ แนบหน้าผากติดกับพื้นหินและพูดด้วยใบหน้านองน้ำตา “ผู้ต่ำต้อยยินดีตายเพื่อใต้เท้า”
สองสาวฝาแฝดผู้มีอายุประมาณสิบห้าปีก็รีบคุกเข่าแนบศีรษะกับพื้นหินเช่นเดียวกัน “พวกเราก็ยินดีตายเพื่อใต้เท้าเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินโบกมือขึ้นเล็กน้อย คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนออกจากร่างกายดันให้สามพี่น้องตระกูลต้วนลุกขึ้นยืนดังเดิม “ที่ข้ามอบตำแหน่งเทพเจ้าให้พวกเจ้านั้น ก็เพื่อให้พวกเจ้ามาทำงานรับใช้ข้า อย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณอันใดเลย…. อีกอย่าง ดูเหมือนพวกเจ้ากำลังหลบหนีอะไรมา ไม่ทราบว่ากำลังพบเจอปัญหาอะไรอยู่ใช่หรือไม่?”
“ผู้ต่ำต้อยไม่กล้าปิดบังใต้เท้า พวกเรากำลังถูกเผ่าเทพศิลาดำตามล่าขอรับ”
ต้วนจางบอกเล่าสิ่งที่ตนเองและน้องสาวฝาแฝดพบเจอมาโดยไม่ปิดบัง
หลินเป่ยเฉินรับฟังจบก็รู้สึกว่าดินแดนทวยเทพช่างต่ำตมมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า สิ่งที่สามพี่น้องตระกูลต้วนพบเจอแทบไม่ต่างไปจากชะตากรรมของฮันลั่วเซวี่ย บิดาของนางต้องถูกฆ่าตาย และหน่วยงานผู้คุมกฎก็ไม่สนใจไยดีทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้ถูกกระทำเลย…
“พวกเจ้าพักอยู่ที่นี่เถอะ แล้วค่อยหาโอกาสกลับไปแก้แค้น”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ข้าจะส่งคนไปช่วยเหลือพวกเจ้า ข้าจะทำให้คนที่รังแกพวกเจ้าต้องชดใช้อย่างสาสม… อาจารย์ฉู่ พาพวกเขาไปที่หอคอยหรงเซิน นับจากนี้ไป พวกเขาทั้งสามคนถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของท่าน”
“รับทราบ”
ฉู่เหินปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาเคยเห็นฝีมือของสามพี่น้องตระกูลต้วนจากการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่มาแล้ว
ฉู่เหินจึงรู้ดีว่าหากนำสามพี่น้องมาฝึกฝนให้ถูกต้อง พวกเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่แข็งแกร่งของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน “พวกเจ้าตามข้ามาเถอะ”
สามพี่น้องตระกูลต้วนมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพบเห็นฉู่เหิน
นี่คือคนบาปจุ่ยถู
ผู้ถีบตนเองขึ้นมาจากสถานะคนบาปได้สำเร็จ
ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ สามพี่น้องจึงรู้สึกประทับใจในตัวของคนบาปจุ่ยถูอยู่ไม่ใช่น้อย ดังนั้น แม้ในดินแดนทวยเทพจะมียอดฝีมืออยู่มากมาย แต่เมื่อเห็นหน้าฉู่เหิน พวกเขาสามพี่น้องก็สามารถจดจำได้โดยทันที
โดยเฉพาะต้วนจาง
เขาเกิดมาพร้อมกับสถานะต่ำต้อย จึงยึดถือคนบาปจุ่ยถูเป็นวีรบุรุษประจำใจเสมอมา
ต้วนจางคิดไม่ถึงเลยว่าวีรบุรุษประจำใจตนก็จะกลายมาเป็นผู้ติดตามของใต้เท้าเจี๋ยนเช่นกัน
และนับจากนี้ไป คนบาปจุ่ยถูก็จะกลายเป็นเจ้านายของพวกเขาอีกด้วย
ช่างโชคดีเหลือเกิน
ฉู่เหินนำตัวสามพี่น้องตระกูลต้วนมุ่งหน้าตรงไปที่หอคอยหรงเซิน
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินมีตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า เขาจึงมีสิทธิ์ส่งคนเข้าออกหอคอยหรงเซินได้ตลอดเวลา
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ หอคอยหรงเซินที่พวกเรากำลังจะไปนี้คืออะไรหรือ?”
ต้วนจูรวบรวมความกล้าถามออกมา
“มันคือสถานที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ใช้หลอมรวมตำแหน่งเทพเจ้าน่ะ”
ฉู่เหินเองก็มีความประทับใจในตัวสามพี่น้องเช่นกัน เพราะฉะนั้น เขาจึงตอบคำถามโดยไม่ปิดบัง
นี่ยิ่งทำให้สามพี่น้องตระกูลต้วนสำนึกในบุญคุณของหลินเป่ยเฉินมากกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกันนี้
ด้านนอกคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน
ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่หน้าประตูต่างก็พูดคุยกันด้วยความพิศวง
“ให้ตายสิ สามพี่น้องขอทานนั่นเข้าไปได้นานเท่าไหร่แล้ว?”
“สักประมาณหนึ่งชั่วยามเห็นจะได้”
“เหตุไฉนถึงยังไม่กลับออกมาอีก? หรือว่าพวกเขาผ่านการคัดเลือกจากใต้เท้าเจี๋ยน?”
“เป็นไปไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาก็ต้องไปหลอมรวมตำแหน่งเทพเจ้าที่หอคอยหรงเซิน… ให้ตายเถอะ นี่ใต้เท้าเจี๋ยนรับผู้ติดตามใหม่ไปสองร้อยกว่าคนแล้วนะ เขามีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือมากมายขนาดนี้เชียวหรือ?”
“หากเขามีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือเยอะขนาดนี้ ใต้เท้าใหญ่ท่านอื่น ๆ จะทนดูอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร?”
“เจ้าจะไปสนใจทำไม? คอยจับตาดูสามพี่น้องขอทานนั่นเอาไว้ดีกว่า หากพวกมันออกมาเมื่อไหร่ เราแค่แอบสะกดรอยตามไปรอจังหวะเล่นงานก็พอแล้ว”
“ประเสริฐ เอาเช่นนั้นก็แล้วกัน… เอ๊ะ ดูนั่นสิ เด็กสาวผู้นี้เป็นใครกัน? หน้าตาช่างงดงามเสียจริง”
“หุบปากไปเลยนะ นั่นคือหลี่อี้เทียนเจ้าของฉายานักเวทคำสาปสวรรค์ แต่นางมาที่นี่ทำไมกัน? อย่าบอกนะว่านางอยากจะมาเป็นผู้ติดตามใต้เท้าเจี๋ยน… มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
กลุ่มชายฉกรรจ์จากเผ่าเทพศิลาดำที่ถูกส่งมาคอยจับตามองสามพี่น้องตระกูลต้วนกลับโดนดึงดูดความสนใจไปโดยรูปลักษณ์ของหลี่อี้เทียน
หลังจากนั้นไม่นาน
ด้านในห้องโถงใหญ่
“เจ้า… ก็อยากมาเป็นผู้ติดตามของข้าเหมือนกันหรือ?”
หลินเป่ยเฉินมองเด็กสาวผมทองผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ “บิดามารดาของเจ้าอนุญาตแล้วหรือ?”
“นี่คือชีวิตของข้า ข้าสามารถตัดสินใจเองได้”
เด็กสาวผู้มีหน้าตาอ่อนหวานและลักษณะอ่อนแอคือหนึ่งในสิบผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ นางกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ข้าอยากรับตำแหน่งเทพเจ้า และเพื่อเป็นการตอบแทน ข้ายินดีรับใช้ท่านโดยไม่มีข้อแม้เป็นเวลายี่สิบปี ไม่ทราบว่าท่านสนใจหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับตนเอง
น่าสนใจแฮะ
เด็กสาวผมทองผู้มีท่าทางอ่อนแอคนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับอาจารย์ฉู่เหิน
หากนางเข้าร่วมเป็นผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉิน ขุมกำลังของเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นทวีคูณ
และข้อเสนอที่หลี่อี้เทียนมอบออกมาก็เป็นข้อเสนอที่ยอมรับได้
แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่ผู้ที่ศรัทธาในตัวของหลินเป่ยเฉิน และขีดความศรัทธาในการแชร์สัญญาณไวไฟของหลี่อี้เทียนก็ไม่ได้เต็มห้าขีด หากมอบตำแหน่งที่มีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนให้ไป ไม่ทราบว่านางจะถูกล้างสมองหรือไม่?
“ตกลง ข้ารับข้อเสนอของเจ้า”
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็รับข้อเสนอของหลี่อี้เทียน
เพราะเขาตัดสินใจทดลองอีกหนึ่งความเป็นไปได้