ตอนที่ 1,406 ข้าไม่อยากรับตำแหน่ง
“ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมสภาเทพเจ้าถึงกล้ากดดันข้า ที่แท้ก็เพราะมีพวกท่านสนับสนุนอยู่นี่เอง”
หลินเป่ยเฉินเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดโดยทันที
ก่อนหน้านี้ การที่เทพอัคคีและเทพเจ้าในสภาคนอื่น ๆ กล้ากดดันเขาเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็สรุปความเห็นของตนเองออกมาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่า…
ในกลุ่มคนที่เขารู้จักต้องมีผู้ทรยศแฝงตัวอยู่
แต่เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่า ‘ผู้ทรยศ’ คนนั้นจะกลับกลายเป็นใต้เท้ากั้วไปเสียได้
“เป็นเพราะเจ้าหลงระเริงในชื่อเสียงที่โด่งดังมากเกินไป ทำให้เจ้าไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี การกระทำของเจ้าจึงส่งผลให้ดินแดนทวยเทพต้องเกิดความปั่นป่วน”
ใต้เท้ากั้วหัวเราะเยาะตอบกลับมา “แต่เพื่อเห็นแก่มิตรภาพของพวกเราในอดีต ข้าจึงเป็นตัวแทนสภาเทพเจ้ามาพูดคุยกับเจ้า สิ่งที่เจ้าได้ยินมานั้นเป็นความจริงทุกประการ… หากเจ้าเข้าใจดีก็จงส่งมอบตำแหน่งเทพเจ้าออกมาเถอะ มิเช่นนั้นแล้ว ต่อให้สวมใส่ชุดเกราะอมตะนี้อยู่ มันก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
หน้าอกของหลินเป่ยเฉินโป่งพองขึ้นมาด้วยมวลพลังที่อัดแน่น
คล้ายกับว่าตัวคนกำลังจะระเบิดแล้ว
ใต้เท้ากั้วเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะและกล่าวต่อ “ตราบใดที่เจ้ายอมส่งมอบตำแหน่งเทพเจ้าออกมาตามที่พวกเราเรียกร้องและปลดปล่อยผู้ติดตามของเจ้าให้เป็นอิสระ ทางสภาเทพเจ้าก็พร้อมที่จะให้โอกาสเจ้าแก้ตัวเสมอ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับตนเอง
ยังไม่ทันข้ามคืน สถานะของเขาก็ตกต่ำเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี
แต่เพราะเรื่องมันดูแปลกประหลาดมากเกินไปเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังอยู่ในภาพยนตร์ฮ่องกงแนวนักเลงตีกันอย่างไรชอบกล
“ข้าไม่เหลือตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมืออีกแล้ว”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น “ข้าเพิ่งรับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่ได้ไม่นาน คิดจะให้ปลดปล่อยผู้ติดตามเหล่านั้นเป็นอิสระคงน่าขำเกินไป พวกเขาต่างก็ถวายตัวรับใช้ข้า… พวกเขาต่างก็อยากจะติดตามข้าด้วยความจริงใจ”
“ทุกอย่างยังคงแก้ไขได้เสมอ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เจ้าคือผู้กำหนด” ใต้เท้ากั้วหัวเราะในลำคอและกล่าวต่อ “ทุกอย่างที่ข้าควรพูด ก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมส่งมอบตำแหน่งที่เหลืออยู่ออกมาเช่นนี้… ฮ่า ๆๆ เกรงว่าทางสภาคงได้เริ่มกำหนดแผนการใหม่เป็นแน่แท้”
บรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งสี่คนต่างก็มีสีหน้าขุ่นเคืองโกรธแค้น
นี่เรียกว่าผู้คนจากสภาเทพเจ้ารังแกเจี๋ยนเซียวเหยามากเกินไป
หลินเป่ยเฉินตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์อสูร หลายครั้งที่คิดจะเปิดฉากโจมตีใส่ใต้เท้ากั้ว แต่สุดท้ายก็ต้องสะกดกลั้นข่มอารมณ์เอาไว้
“อีกไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทำให้ท่านต้องชดใช้”
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด “บอกข้อเสนอของท่านมา”
ใต้เท้ากั้วระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ
ต้นไม้เพียงต้นเดียวไม่สามารถต้านทานแรงลมของพายุมฤตยูได้
สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ต้องยอมก้มหัวอย่างเคารพเชื่อฟังอยู่ดี
…
เพียงไม่นาน เมืองเยี่ยเฉิงก็ได้รับทราบการประกาศจากคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน
ใต้เท้าเจี๋ยนเซียวเหยาออกประกาศประนีประนอม
เขายินดีส่งมอบตำแหน่งเทพเจ้าที่เหลืออยู่ในมืออีกห้าสิบตำแหน่งให้แก่ทุกคน
แต่นี่ไม่ใช่การบริจาค
มันเป็นการค้าขาย
บรรดาเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์ต่างก็รู้สึกพึงพอใจ
การขายตำแหน่งเทพเจ้าเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เจี๋ยนเซียวเหยาต้องสูญเสียศักดิ์ศรีมากเกินไป
สำหรับตระกูลเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ เงินทองคือปัญหาหรือไม่?
ย่อมไม่มีทางเป็นปัญหา
นอกจากนี้ ใต้เท้าเจี๋ยนเซียวเหยายังได้ออกประกาศอีกหนึ่งฉบับกว่า…
“สำหรับบรรดาเทพเจ้าที่เป็นผู้ติดตามของข้านั้น ข้าจะไม่ขอบังคับให้ผู้ใดทำงานรับใช้ข้าต่อไป หากมีใครประสงค์ถอนตัวออกจากการเป็นผู้ติดตามของเจี๋ยนเซียวเหยาผู้นี้ พวกท่านสามารถจากไปได้โดยไม่มีข้อแม้ และจะไม่มีการทวงคืนตำแหน่งเทพเจ้ากลับคืนมาเด็ดขาด”
เมื่อประกาศฉบับนี้ถูกเผยแพร่ออกมา นั่นก็นำมาสู่ความรู้สึกอันหลากหลายของหลายฝ่าย
บรรดาเทพเจ้าระดับสูงที่ออกมากดดันหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้ก็ได้เวลาปิดปากตนเองแล้ว
เพราะทุกคนที่อยู่ทั้งในเมืองและนอกเมืองเยี่ยเฉิงต่างก็ให้ความสนใจอยู่ที่การซื้อขายตำแหน่งเทพเจ้าทั้งห้าสิบตำแหน่งนั้น
คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนจะเป็นผู้จัดการประมูล
ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
กาลเวลาผ่านไป
การประมูลผ่านพ้น
ในที่สุด ตำแหน่งเทพเจ้าห้าสิบตำแหน่งสุดท้ายก็ถูกขายออกไปเป็นมูลค่าศิลาเทวะหนึ่งล้านห้าแสนห้าหมื่นก้อน อันประกอบไปด้วยตำแหน่งเทพเจ้าระดับสามัญสามสิบหกตำแหน่ง ตำแหน่งเทพเจ้าขั้นกลางสิบตำแหน่ง และตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงอีกสี่ตำแหน่ง
นี่คือจำนวนศิลาเทวะที่น่าตกตะลึง
การประมูลสร้างความปั่นป่วนให้แก่บรรดาตระกูลเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์
หลายตระกูลที่เคยเป็นพันธมิตรกันมาตลอด เมื่อการประมูลผ่านพ้นไป พวกเขาก็เกิดการผิดใจกันขึ้นมาแล้ว
เพราะบรรดาเทพเจ้าหน้าใหม่ที่ประมูลตำแหน่งได้ไปจากหลินเป่ยเฉินนั้น แทนที่พวกเขาจะกลับไปรับใช้นายท่านของตนเอง เทพเจ้าเหล่านั้นกลับเลือกมาสาบานตนเข้ารับใช้หลินเป่ยเฉินด้วยความซื่อสัตย์ เดือดร้อนให้หลินเป่ยเฉินต้องร่างสัญญาแบบไม่ผูกมัดว่าทุกคนมีสิทธิ์ถอนตัวออกไปได้ทุกเมื่อ เพื่อไม่ให้นายท่านคนเก่าของเทพเจ้าเหล่านั้นเกิดความคับแค้นใจมากเกินไป
และก็ยังมีเทพเจ้าหน้าใหม่อีกบางส่วนที่ถอนตัวออกจากการติดตามหลินเป่ยเฉินและไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใด พวกเขาเลือกที่จะรวมกลุ่มกันเองจนกำเนิดเป็นกลุ่มกองกำลังอิสระขึ้นมาโดยที่มีสมาชิกถึงหนึ่งร้อยหกสิบคน
สำหรับเจี๋ยนเซียวเหยา นี่ถือเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงนัก
เกิดข่าวลือไปทั่วดินแดนทวยเทพว่าใต้เท้าเจี๋ยนเซียวเหยาถึงกับช้ำใจจนกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
…
“สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วโว้ย!”
หลินเป่ยเฉินที่สมควรกระอักเลือดออกมาด้วยความช้ำใจตามข่าวลือขณะนี้ใบหน้ากำลังแดงก่ำอย่างมีความสุข เขาเอาแต่นั่งนับศิลาเทวะและเหรียญทองคำที่กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยความปลาบปลื้มใจ
ศิลาเทวะกองสูงเป็นภูเขาขนาดย่อม
หลินเป่ยเฉินกำลังนอนแหวกว่ายอยู่ในกองศิลาเทวะเหล่านี้
ประกายระยิบระยับจากศิลาเทวะเหล่านั้นสะท้อนกับใบหน้าอันหล่อเหลา เกิดเป็นภาพความสวยงามเกินจินตนาการ
นี่คือกำไรที่หลินเป่ยเฉินได้รับมาในวันนี้
“นายท่านขอรับ พวกเราได้กำไรมหาศาลจริง ๆ”
เฉียนหลงและกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์กระโดดโลดเต้นอยู่ด้านข้างด้วยความดีใจ
“เจ้าพูดผิดแล้ว”
หลินเป่ยเฉินปีนขึ้นไปนั่งอยู่ด้านบนสุดของกองศิลาเทวะและพูดด้วยสีหน้าขึงขัง “ข้าต่างหากที่ได้กำไรมหาศาล ไม่ใช่พวกเรา”
เฉียนหลงและบรรดาสหายผู้สูงศักดิ์พูดอะไรไม่ออก
รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจขึ้นมาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินโกยศิลาเทวะขึ้นมาโปรยเล่นพร้อมกับกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว… พวกเจ้าตัดสินใจกันได้หรือยัง? บัดนี้ คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนกำลังถูกกดดันจากผู้คนจำนวนมาก ภาพลักษณ์ตกต่ำ ตัวข้านั้นถูกดูแคลนจากผู้คนทั่วทั้งเมือง… พวกเจ้ายังอยากจะเป็นผู้ติดตามข้าต่อไปอีกหรือไม่?”
“นายท่านทำไมถึงได้พูดเช่นนี้?”
“นายท่านไม่เห็นพวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานแล้วหรือ?”
“พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนะขอรับ”
“พวกเราตัดสินใจแล้ว… ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอติดตามนายท่านต่อไป”
มู่หลินเซิน กวนรั่วเฟย ลู่ปิงเหวินและเฉียนหลงประสานเสียงตอบรับด้วยความซื่อสัตย์
ซือเกินตั๋งยกมือตบหน้าอกตนเองและกล่าวว่า “ใช่แล้วขอรับนายท่าน อย่าได้กล่าววาจาเช่นนี้อีกเลย ต่อให้นายท่านตกต่ำจนเหลือเพียงรองเท้าคู่เดียว พวกเราก็จะ… อื้อ อื้อ อื้อ”
เหล่าคุณชายผู้สูงศักดิ์อีกสี่คนรีบวิ่งเข้ามาปิดปากซือเกินตั๋งโดยทันที
ตกต่ำจนเหลือเพียงรองเท้าคู่เดียว?
หลินเป่ยเฉินยกมือเกาหัวแกรก
ให้ตายสิ
ซือเกินตั๋งถึงกับกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมา ดูเหมือนเขาคงวางตัวสนิทสนมกับผู้ติดตามมากเกินไปแล้วสินะ
“ในเมื่อพวกเจ้ามีความซื่อสัตย์กับข้าเช่นนี้ ข้าก็จะมอบตำแหน่งให้แก่พวกเจ้าได้เข้าไปหลอมรวมพลังในหอคอยหรงเซิน”
หลินเป่ยเฉินนำลูกแก้วเทพเจ้าออกมาห้าใบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเตรียมเอาไว้นานแล้ว
ลูกแก้วทุกใบต่างก็บรรจุตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูง
ประกอบไปด้วยตำแหน่งเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ เทพเจ้าวิหคปีกขาว เทพเจ้านักล่ามังกร เทพเจ้าวานรศิลา และเทพเจ้าราชันย์น้ำแข็ง
นี่คือตำแหน่งเทพเจ้าที่หลินเป่ยเฉินคัดเลือกให้แก่กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าโดยเฉพาะ
“นายท่านบอกว่าไม่เหลือตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือแล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์อุทานออกมาด้วยความดีใจ
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ต่อให้ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย ต่อให้ข้าต้องกลายเป็นศัตรูกับผู้คนทั้งเมืองเยี่ยเฉิง แต่ข้าก็ยังเก็บสิ่งที่ดีที่สุดเอาไว้ให้แก่พี่น้องของตนเองเสมอ… เอ้า ข้ายังพูดไม่ทันจบเลยนะ หายหัวไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย”
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าไม่อยากอยู่รับฟังนายท่านกล่าววาจาไร้สาระ เมื่อได้ลูกแก้วเทพเจ้ามาถืออยู่ในมือ พวกเขาก็รีบวิ่งไปหลอมรวมพลังที่หอคอยหรงเซินโดยไม่รออะไรอีกแล้ว
เฮ้อ
เป็นพี่น้องกันแบบไหนวะเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปและยังเห็นเจ้าอ้วนยืนอยู่ที่เดิมจึงหัวเราะพลางกล่าวว่า “คงมีแต่เจ้าที่เป็นพี่น้องของข้าอย่างแท้จริง เข้ามาสิ ข้าเตรียมตำแหน่งเทพเจ้าเอาไว้ให้เจ้าแล้วเช่นกัน”
เจ้าอ้วนยกมือเกาศีรษะแกรก ๆ “ขะ… ขะ… ข้า… มะ… ไม่อยาก… รับตำแหน่ง… ขอรับ”
ว่าไงนะ?
เจ้าอ้วนไม่อยากรับตำแหน่งเทพเจ้า?
หลินเป่ยเฉินแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง