บทที่ 1430 ล่าล้างแค้น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,430 ล่าล้างแค้น

เพียงดีดนิ้วมือ กลุ่มเทพเจ้าจากดินแดนทวยเทพก็ถูกสังหารสิ้น

หลินเป่ยเฉินใช้เกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกตรวจจับลูกแก้วเทพเจ้าอีกห้าใบ แล้วก็นำพวกมันใส่เข้าไปในศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงโดยไม่ลังเล

สถานการณ์ทั้งหมดจึงคลี่คลายลงด้วยดี

ครึ่งชั่วยามต่อมา

เสียงตะโกนแห่งการฆ่าฟันในเมืองเซียงเฉิงยุติลงแล้ว

กลุ่มอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กที่รวมตัวอยู่ในเมืองหากไม่ถูกฆ่าตายก็หลบหนีออกไปหมดสิ้น

สำนักคฤหาสน์กำยานกลับมาฟื้นฟูเมืองแห่งนี้ใหม่

แต่ด้วยความที่ภายในตัวเมืองเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่นับไม่ถ้วน ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก คงต้องใช้เวลาอีกนานทีเดียวกว่าจะสามารถฟื้นฟูความรุ่งเรืองกลับมาได้ดังเดิม

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานก็ออกประกาศให้ชาวเมืองที่หลบหนีออกไปกลับคืนสู่ถิ่นฐานของตนเองอีกครั้ง

ศพของซวีหวันถูกนำลงมาจากกำแพงเมือง เพื่อทำพิธีสำหรับการกลบฝังให้สมเกียรติ

เมื่อเผชิญเข้ากับศพในห่อผ้าขาว หลินเป่ยเฉินก็ทั้งรู้สึกเศร้าใจและโกรธแค้น

ณ งานประลองกระบี่ ซวีหวันทำให้เขารู้สึกประทับใจไม่น้อย

นางเป็นมือกระบี่หญิงที่มีความอ่อนหวาน นุ่มนวลและฉลาดเฉลียว เมื่ออยู่ในอาการตกหลุมรัก นางก็พร้อมที่จะสละได้ทุกอย่างเพื่อบุคคลที่ตนเองหลงรัก

หญิงสาวที่ดีงามเช่นนี้สมควรมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบและมีความสุข

แต่กลับกลายเป็นว่านางต้องมาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเผ่าเทพตะวันและกลุ่มอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็ก

จิตสังหารเผาไหม้จิตใจของหลินเป่ยเฉินจนร้อนรุ่ม

จวนท่านเจ้าเมือง

ในห้องโถงใหญ่

“ในที่สุด นายน้อยก็กลับมาแล้ว”

หวังจงวิ่งเข้าไปกอดขาของหลินเป่ยเฉิน “หวังจงอยากจะตีนายน้อยนัก หวังจงเลี้ยงดูนายน้อยขึ้นมาจนเติบใหญ่เปรียบเสมือนบุตรชายของตนเอง นายน้อยรู้หรือไม่ว่าหวังจงคิดถึงนายน้อยมากเพียงใด?”

พลั่ก!

หลินเป่ยเฉินกระโดดถีบหวังจงลอยกระเด็นออกไป

“เฒ่าบัดซบ เจ้าทำให้ข้าขายหน้า”

เด็กหนุ่มพูดด้วยความรังเกียจ “หากเจ้าเป็นตัวละครในซีรีส์สักเรื่อง รับรองว่าอยู่รอดไม่เกินสองตอนหรอก”

“นายน้อยกำลังเข้าใจผิด”

หวังจงร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “ระหว่างที่หวังจงกำลังคุกเข่าอยู่นั้น หวังจงเตรียมที่จะโจมตีพวกมันแล้ว แต่ว่านายน้อยปรากฏตัวขัดจังหวะเสียก่อน ในเมื่อนายน้อยปรากฏตัวออกมาแล้ว หวังจงจึงไม่อยากแสดงฝีมือแย่งความดีความชอบไปจากนายน้อยต่างหาก”

“เฮอะ แค่เจ้าอ้าปาก ข้าก็มองเห็นลิ้นไก่” หลินเป่ยเฉินกระโดดเตะคนรับใช้ประจำตัวของตนเองอีกครั้ง “หากข้าไม่รู้ว่าเจ้าไร้ยางอายมากเพียงใด ข้าก็คงหลงเชื่อคำพูดของเจ้าไปแล้ว”

ผู้เป็นเจ้านายและบ่าวรับใช้โต้เถียงกันอย่างดุเดือด

แต่ถึงเขาจะแสดงออกอย่างหยาบคายเพียงใด ในหัวใจที่แท้จริง หลินเป่ยเฉินยังคงรู้สึกว่าพ่อบ้านหวังจงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเขา เพราะชายชราผู้นี้อยู่เคียงข้างเขามานับตั้งแต่วันแรกที่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกใบนี้

แม้ว่าหวังจงจะไร้ยางอายไปสักหน่อย แต่อย่างน้อย หวังจงก็ซื่อสัตย์ต่อเขามาก

ในไม่ช้า ทุกคนก็มารวมตัวกันอีกครั้ง

“พวกท่านวางแผนการไว้ว่าอย่างไรบ้าง?”

หลินเป่ยเฉินสอบถาม

“พวกเรากำลังวางแผนหลบหนีขอรับ”

เซียวปิงตอบมาด้วยความจริงใจใสซื่อ “เดิมที เมื่อจัดการเทพเจ้าเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว เราก็จะรีบหนีไปทันทีเมื่อช่วยเหลือผู้คนเสร็จสิ้น… ข้าตื่นเต้นมากเลยขอรับ พี่ใหญ่”

หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองที่ราชบุตรเขยของชาวทะเล

“อาจารย์ ไหนว่าท่านปลดผนึกพลังได้แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุไฉนยังได้อ่อนแอถึงเพียงนี้? ท่านสู้คนของเผ่าเทพตะวันไม่ได้เลยอ่ะ” ถึงหลินเป่ยเฉินจะมีความเคารพต่อติงซานฉือมากเพียงใด แต่ขณะนี้ เด็กหนุ่มก็อดพูดไปหัวเราะไปไม่ได้

ริมฝีปากของติงซานฉือกระตุกระริก

เจ้าเด็กคนนี้ชักจะโอหังเกินไปแล้ว

เขากัดฟันกรอด ตอบว่า “นั่นมันเทพเจ้าเชียวนะ… สิ่งสำคัญน่ะคือเจ้าต่างหาก บัดนี้เจ้าหลอมรวมพลังจากตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนได้แล้วหรือไม่?”

“เฮ้อ หากจะพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องมันยาวมากเลยนะขอรับ”

ยังคงมีอีกหลายเรื่องสำคัญให้พูดถึงมากกว่า ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงไม่อยากอธิบายเรื่องราวนี้ในตอนนี้

ติงซานฉือเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม นอกจากกล่าวว่า “ในเมื่อเราจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็รีบกลับไปตั้งหลักที่นครเจาฮุยกันดีกว่า บัดนี้ แผ่นดินตงเต้าอยู่ในความโกลาหล จักรวรรดิจำนวนมากล่มสลาย กลุ่มสัมพันธมิตรต้องพบกับการโจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทุกเขตแดนกลายเป็นสถานที่อันตราย มีเพียงนครเจาฮุยเท่านั้นที่ยังเป็นฐานที่มั่นของพวกเราได้”

สถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าที่คิดจริง ๆ ด้วย

จักรวรรดิจำนวนมากที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานนับพันปีต้องล่มสลายลง

แม้แต่จักรวรรดิเป่ยไห่ก็เช่นกัน

องค์จักรพรรดิต้องสิ้นพระชนม์ระหว่างการต่อสู้

องค์ชายเจ็ดผู้คอเอียงและกลุ่มเชื้อพระวงศ์สามารถหนีรอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากนครเจาฮุย แต่ผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์แห่งเป่ยไห่นั้นมีน้อยนิดเหลือเกิน

หลินเป่ยเฉินประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

สถานการณ์เลวร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

ทำไมเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถึงไม่บอกเขาเลย?

“แล้วตระกูลหลิง…”

หลินเป่ยเฉินรีบถามออกมา

จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของหลิงเฉินบ้างหรือไม่?

“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ตระกูลหลิงยังปลอดภัยดีขอรับ…” หวังจงยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนพูดต่อ “บ่าวรู้อยู่แล้วว่านายน้อยต้องเป็นห่วง อิอิ บ่าวจึงสืบข้อมูลของพวกนางเอาไว้แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น…”

หลินเป่ยเฉินกำลังจะถามต่อ

หวังจงก็ขัดจังหวะขึ้นด้วยการตอบว่า “ท่านนักบวชเยว่เว่ยหยางก็ปลอดภัยเช่นกัน และบรรดานักบวชสาวผู้มีหน้าตางดงามแห่งวิหารเทพีกระบี่ก็ปลอดภัยทุกนาง เช่นเดียวกับสองสาวรับใช้เฉียนเหมยเฉียนเจิน และบรรดาศิษย์สาวสำนักใหญ่ในนครเจาฮุยก็ไม่มีใครได้รับอันตรายแม้แต่ปลายก้อย… นายน้อยโปรดวางใจเถอะขอรับ”

หลินเป่ยเฉินมองหน้าชายชราด้วยความเลื่อมใส

หวังจงรู้ใจเขาถึงขนาดนี้ หากเป็นตัวละครในซีรีส์สักเรื่อง ก็น่าจะมีบทมากกว่าสองตอนแล้ว

สมแล้วที่เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเขา

“ครั้งนี้ถือว่าพวกตัวประหลาดขนขาวก่อความผิดเอาไว้ร้ายแรงนัก”

เมื่อหลินเป่ยเฉินนึกถึงกลุ่มศิษย์สาวในสำนักคฤหาสน์กำยานที่ต้องตายด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที

พวกมันทำให้คนเสเพลอย่างเขาดูแย่!!

หากพวกเจ้าชอบสตรี ก็จงทำให้พวกนางหลงรักให้ได้สิ

หากทำไม่สำเร็จ

ก็แค่เปลี่ยนไปหลงรักคนใหม่เท่านั้นเอง

แต่จะใช้กำลังบังคับขืนใจไม่ได้เด็ดขาด

มีศิษย์สาวของสำนักคฤหาสน์กำยานจำนวนมากต้องถูกฆ่าตาย… อย่างโหดร้ายทารุณ

พวกอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กจึงต้องถูกกวาดล้างให้หมดสิ้น

เด็กหนุ่มคิดด้วยความอาฆาต ดวงตามองไปที่เหยียนหรู่อี้กับหูเหม่ยเอ๋อร์ และเห็นว่าพวกนางก็เศร้าโศกเสียใจไปกับความตายของทุกคนในสำนักตนเองเช่นกัน

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ตบโต๊ะเสียงดังปังพลางพูดว่า “ข้าทนเห็นโศกนาฏกรรมในเมืองนี้มามากพอแล้ว ตัวประหลาดขนขาวเหล่านั้นสมควรตาย เหตุไฉนเราจึงไม่ทำให้พวกมันรู้ถึงความน่ากลัวของพวกเราบ้าง? วันนี้แหละข้าจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้น ไม่ว่าจะเป็นเผ่าอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กหรือวิหารเทพตะวัน ข้าจะทำลายพวกมันอย่างถอนรากถอนโคน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้แก่แม่นางซวีหวันและสำนักคฤหาสน์กำยาน”

ทุกคนตื่นตกใจ

กลุ่มลูกศิษย์จากสำนักคฤหาสน์กำยานล้วนแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจ

แต่ติงซานฉือพูดขึ้นมาว่า “ใจเย็นก่อน อย่าได้พูดจาอวดดีเช่นนี้ส่งเดช เจ้าคิดจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไร ฐานที่มั่นของพวกมันบัดนี้ไม่ต่างจากถ้ำเสือวังมังกรเชียวนะ”

ครึ่งชั่วยามต่อมา

รถม้าทองคำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ามุ่งหน้าสู่ยอดเขาไป๋ฝ่าเจี้ยน

ผู้คนนับสิบชีวิตยืนอยู่บนรถม้าและจ้องมองลงไป

ด้านล่างเป็นพื้นที่ป่ากว้างใหญ่ไพศาล ภูเขาลูกใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนตั้งอยู่ตรงกลาง เมื่อมองจากด้านบนลงไป จึงคล้ายกับเป็นศีรษะที่มีผมสีขาวจริง ๆ

นี่คือฐานที่มั่นใหญ่ของกลุ่มอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็ก

แต่ที่นี่ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว

“พวกท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้ามีวิธีกวาดล้างพวกมัน?”

หลินเป่ยเฉินมองไปที่ยอดเขาเบื้องล่างด้วยสีหน้าอำมหิต

นับตั้งแต่ที่ได้ครอบครองคัมภีร์ไพรีดาราราย เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้งานวิชานี้เลย เพราะฉะนั้น… หลินเป่ยเฉินจึงตั้งใจจะใช้วิชานี้ที่ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนแห่งนี้เอง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท