สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1200 ตอนพิเศษ (76.1)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1200 ตอนพิเศษ (76.1)

“เขาอัปลักษณ์ที่ใด?” ลู่จื่ออวิ๋นทนฟังผู้อื่นเอ่ยถึงเซี่ยเฉิงจิ่นเช่นนี้ไม่ได้

ไม่ว่าเขาจะเป็นเซี่ยเฉิงจิ่นก็ดี เป็นชูอีก็ดี นั่นล้วนเป็นสามีนาง เป็นคนที่นางยอมรับ แต่ไรมานางก็ไม่ได้รักเขาเพียงเพราะชื่อหรือตัวตนหนึ่งตัวตนใด

ไป๋จื่อกับติงเซียงมองหน้ากัน

ทั้งสองคนรีบกล่าวขออภัยโดยเร็ว ก่อนจะเอ่ยคำพูดกอบกู้สถานการณ์ออกมามากมาย

ลู่จื่ออวิ๋นฟังเสียงข้างบ้านแล้วกล่าว “เพียงแต่… พวกเจ้าพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง พวกเราไม่อาจทนรอเช่นนี้ต่อไป”

หากความทรงจำของเขาไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย นั่นจะไม่เสียเปรียบมากหรือ?

ชูอีกลับลงมาจากบนเขา เขาผ่าฟืนที่พึ่งเก็บมาใหม่ ๆ จากนั้นก็ง่วนอยู่กับการทำงาน

ขณะที่เวลาล่วงเลยไป หน้าไม้ที่ดูใช้งานได้คล่องตัวก็เกิดขึ้นด้วยน้ำมือเขาคันแล้วคันเล่า

ปัง ๆ! มีคนเคาะประตู

ป้าหลินคลำหาทางออกมาจากข้างใน คิดจะไปเปิดประตู ทว่าชูอีผู้ที่กำลังง่วนอยู่กับงานก็ห้ามไว้เสียก่อน

“ท่านนั่งอยู่ตรงนั้นอย่าขยับ ข้าจะไปเปิด”

ป้าหลินเอ่ย “ที่นี่ข้าคุ้นเคยดี ข้าเปิดเองได้”

“ในลานมีแต่เศษไม้ ระวังมันจะทิ่มเท้าท่าน ท่านนั่งอยู่ตรงนี้อย่าขยับ” ชูอีประคองนางนั่งลง

เขาขานรับพลางเดินไปที่ประตู “ข้ามาแล้ว!”

ประตูเปิดออก ชายร่างสูงใหญ่หลายคนยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาแต่ละคู่จับจ้องชูอีด้วยความคาดหวัง

“มีอะไรหรือ?” ชูอีเอ่ยถาม

“คหบดีหลี่อยากกินอุ้งเท้าหมี” คนที่เป็นหัวหน้ากล่าว “เจ้าก็รู้ หมีไม่ใช่สัตว์ที่อ่อนโยน พวกเราเพียงไม่กี่คนจะจับหมีได้ที่ใดกัน?”

“เพื่อที่จะกินอุ้งเท้าหมีเลยต้องจับหมีหรือ?” ชูอีขมวดคิ้ว “ข้าไม่รับงาน”

“หมีหนึ่งตัวมีค่าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน” ชายคนนั้นหลอกล่อเขา อีกทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คหบดีหลี่เป็นเศรษฐีใจกว้าง วันนี้เป็นหมี พรุ่งนี้อาจจะเป็นเสือ เจ้ามีความสามารถเพียงนี้ นี่ไม่ใช่ข้อตกลงที่มาส่งถึงหน้าประตูหรือ?”

“ข้าไม่รับ” สิ้นคำชูอีก็คิดจะหมุนกายกลับไป

“โถ่เอ๊ย เจ้าคนนี้เป็นอะไรกัน? หมีไม่ใช่สัตว์มีใจเมตตา หากคนอย่างพวกเราปะทะกับมัน ไม่ตายก็ต้องพิการ เจ้าจะใจดีมีเมตตาเพียงนี้เชียวหรือ?”

“ข้าไม่รับก็ไม่ได้ห้ามพวกเจ้าให้ไม่รับ” ชูอีกล่าว “หากพวกเจ้าต้องการทำการค้านี้ก็ไปเองเถิด อย่ามัวเสียเวลาเดินทางไปกับข้า”

“เช่นนั้น เอาหน้าไม้ของเจ้าให้ข้าใช้สักหน่อยเป็นอย่างไร?”

“หนึ่งตำลึงเงินหนึ่งคัน ขายเท่านั้นไม่ให้ยืม”

“เจ้าคนผู้นี้…” ชายคนนั้นโกรธจัดจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตอนนั้นที่ท่านป้าหลินต้องการพาเจ้ากลับมา เป็นข้าที่แบกเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงตายอยู่ข้างนอกนานแล้ว ข้าไม่เคยทวงถามให้เจ้าตอบแทนบุญคุณ ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ยังไม่ยินดีจะช่วยอีก!”

“ตกลงว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ?”

“ซื้อ!” ชายคนนั้นเอ่ย “สิบคัน!”

ชายที่อยู่ด้านหลังร้อนใจขึ้นมาจึงกล่าว “พี่หลี่ซาน สิบคันสิบตำลึงเงิน พวกเราจะมีเงินมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร?”

หลี่ซานหัวเราะฮ่า ๆ แล้วเอ่ย “เรื่องนั้น… ข้าขอติดไว้ก่อนได้หรือไม่?”

ชูอีมองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่งยามแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา

หลี่ซานยกมือลูบท้ายทอยแล้วเอ่ยอย่างร้อนตัว “เงินสิบตำลึงไม่ใช่น้อย ๆ ยามนี้พวกเรานำออกมาไม่ได้มากเพียงนั้น ห้าตำลึง…”

หลี่ซานคิดว่าตนต่อรองราคาได้สำเร็จแล้ว ขณะที่กำลังจะดีใจกลับได้ยินเขาเอ่ยขึ้นว่า “ท่านวางเงินมัดจำไว้ก่อนห้าตำลึง ที่เหลืออีกห้าตำลึงรอพวกท่านล่าสัตว์มาได้แล้วค่อยจ่าย”

“เจ้าคนใจไม้ไส้ระกำผู้นี้ ช่างเถิด ตกลงตามเจ้าว่า พวกข้าจะจ่ายเงินมัดจำก่อนห้าตำลึง อีกห้าตำลึงที่เหลือจะจ่ายให้เจ้าหลังจากหาเงินได้!”

ชูอีขายหน้าไม้ที่ทำเสร็จแล้วให้กับพวกเขา

หลังจากคนเหล่านั้นไปแล้ว ป้าหลินก็เอ่ยขึ้น “ชูอี หมีมีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง หากเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ เจ้าขายหน้าไม้ไปจะนำความเดือดร้อนมาให้เจ้าหรือไม่?”

ชูอีปิดประตูบ้านแล้วกล่าว “พวกเขาเพียงไม่กี่คนไม่มีความกล้าหาญนี้”

“เพียงแต่ หลี่ซานเพิ่งบอกว่ากำลังจะแต่งงาน เขากำลังกังวลเรื่องสินสอดทองหมั้น เพื่อเงินก้อนนี้ เกรงว่าเขาจะยอมเสี่ยง”

ชูอีนิ่งเงียบไป

ชายร่างสูงใหญ่หลายคนนั้นที่หลี่ซานพามาล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้าน ต่อเขาแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นี้ ชาวบ้านล้วนหวาดระแวงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าหลี่ซานกับชายร่างสูงใหญ่หลายคนนั้นนับถือฝีมือเขา อีกทั้งยังเห็นว่าหน้าไม้ที่เขาใช้ล่าสัตว์มีประโยชน์จึงซื้อหน้าไม้จากเขาหลายครั้ง นับว่าพอมีมิตรไมตรีต่อกันอยู่บ้าง นอกจากนี้หลี่ซานยังเป็นคนช่วยป้าหลินแบกเขากลับมา นับว่าเป็นผู้ที่ช่วยเหลือเขาทางอ้อมผู้หนึ่ง หากไม่สนใจความเป็นความตายของอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ไร้มนุษยธรรมอยู่บ้างจริง ๆ

“อีกประเดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอกสักเที่ยว”

“ระวังตัวด้วย” ป้าหลินกล่าว “ถือความปลอดภัยของตนเป็นอย่างแรก เข้าใจหรือไม่?”

“ขอรับ”

ชูอีขึ้นเขาไปพร้อมกับหน้าไม้คันหนึ่งและกริชที่ซื้อมาจากร้านตีเหล็กเล่มหนึ่ง

เขาเพิ่งขึ้นไปบนเขาก็เห็นร่างเพรียวบางร่างหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า

เมื่อเห็นนาง เขาพลันขมวดคิ้วขึ้นมา

เหตุใดนางจึงขึ้นมาบนเขาเล่า?

จนถึงบัดนี้ยังไม่มีสัตว์ป่าทำร้ายผู้คนบนภูเขาแห่งนี้ ทว่าตอนที่เขาขึ้นเขามาเมื่อสองสามวันก่อนกลับพบรอยเท้าเสือ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเสือมาจากที่ใดแต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าบนภูเขาแห่งนี้ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิดอีกต่อไปแล้ว เหตุใดนางที่เป็นสตรีอ่อนแอถูกประคบประหงมเป็นอย่างดีผู้หนึ่งถึงได้มาเดินเล่นบนเขาเพียงลำพัง?

“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่” ชูอีก้าวยาว ๆ ไปข้างหน้าจนตามทันลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเขาจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ข้ามาหาดอกไม้”

“ดอกไม้?”

“ถูกแล้ว ไม่นานมานี้ข้าซื้อตำราโบราณในร้านตำรามาเล่มหนึ่ง ข้างในมีสูตรย้อมผ้า น่าสนใจทีเดียว ข้าคิดจะลองย้อมผ้าตามสูตรโบราณนั้นดู แล้วเหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”

“ข้ามีเรื่องเล็กน้อย”

“เช่นนั้นท่านไปจัดการธุระของท่านเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นเหลียวมองไปรอบ ๆ

ชูอี “…”

สมองของลู่จื่ออวิ๋นในยามนี้เต็มไปด้วยสูตรย้อมผ้าโบราณจึงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่แปลกไปของชูอี

ชูอีเห็นนางสาวเท้าจากไป ไม่แม้แต่จะสนใจตนเอง ไม่รู้เหตุใดในใจถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เขาไม่กล้าสบตาคู่นั้นและมักจะคิดว่าดวงตาคู่นั้นสุกสกาวเกินไป งดงามยิ่งกว่าอัญมณีที่สวยที่สุดที่เขาเคยพบเห็น ทว่าบัดนี้ดวงตาคู่นั้นกลับไม่ได้มองมาที่ตนแล้ว เขาพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา มันวูบโหวงและว่างเปล่า

“ท่านจะตามข้ามาทำไม?” ลู่จืออวิ๋นได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลังจึงหยุดมองเขา “หรือว่าท่านก็จะไปทางนี้?”

“อืม”

“เช่นนั้นท่านไปก่อนเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง “ข้ากำลังหาของ ไม่ได้ไปเร็วเพียงนั้น”

ชูอีลังเลอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายก็เดินไปก่อนตามที่นางบอก

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้สนใจว่าชูอีจะไปที่ใด นางยังคงมองหาวัตถุดิบที่ต้องการต่อไป

บนภูเขามีดอกไม้ป่ามากมาย เพียงแต่สีกลับไม่ดีนัก ไม่ใช่วัตถุดิบอย่างที่นางต้องการ ดูเหมือนว่าหากนางอยากจะหาดอกไม้ที่ดีกว่านี้ก็ต้องเข้าไปลึกกว่าเดิม

“คนในหมู่บ้านบอกว่าไม่เคยมีสัตว์ป่าทำร้ายคนบนเขาลูกนี้ ข้าเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยคงไม่มีปัญหา” ลู่จื่ออวิ๋นลูบอาวุธลับบนข้อมือตน

ไม่ผิด! นางพกอาวุธลับและผงยาหลากชนิดติดตัวมาด้วย ไม่เช่นนั้นสาวน้อยบอบบางอย่างนางจะออกมาเพียงลำพังได้อย่างไร?

ชูอีขึ้นเขาไปตามหาหลี่ซานกับคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เขาได้พบลู่จื่ออวิ๋น จิตใจของเขาก็อยู่ที่นาง ไม่ได้รีบร้อนที่จะตามหาหลี่ซานแล้ว

ในเวลานี้เอง เสียงของสัตว์ป่าดังมาแต่ไกล

เมื่อได้ยินเสียงนี้ การตอบสนองแรกของชูอีคือรีบไปเตือนลู่จือวิ๋นให้นางรีบลงเขาไปทันที

ลู่จื่ออวิ๋นก็ได้ยินเสียงสัตว์ร้ายเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น นางยังฟังออกว่าสัตว์ป่านั้นกำลังโมโหเป็นอย่างมาก คงมีคนไปทำให้มันโกรธเข้าแล้ว

“ที่นี่อันตราย ท่านรีบลงจากเขาประเดี๋ยวนี้!” ชูอีปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท