สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1201 ตอนพิเศษ (76.2)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1201 ตอนพิเศษ (76.2)

ลู่จื่ออวิ๋นมองเขา “เช่นนั้นท่านเล่า?”

“พวกหลี่ซานขึ้นเขาไปแล้ว ข้ากังวลว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้ต้องไปดู” ชูอีกล่าว “ท่านลงเขาไปก่อน อย่าได้เสี่ยงอยู่ที่นี่”

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นชูอีกำลังจะไปก็ดึงเขาไว้

ชูอีขมวดคิ้ว “ข้าต้องไปดู”

“ข้ารู้” ลู่จื่ออวิ๋นถอดอาวุธลับจากข้อมือตนแล้วพันมันบนข้อมือเขา ก่อนจะบอกว่ากลไกของอาวุธลับอยู่ที่ใด “ท่านนำมันไปเถอะ เผื่อไว้ แน่นอนว่า หากไม่ได้ใช้ย่อมดีที่สุด”

“ท่าน…”

“ข้าเพียงแค่ให้ท่านยืม ท่านไม่จำเป็นต้องตกใจเพียงนั้น”

“ขอบคุณ”

ชูอีไม่ปฏิเสธน้ำใจ หลังจากมองนางเดินลงไปแล้ว เขาถึงได้วิ่งเข้าไปในภูเขา

ไป๋จื่อกับติงเซียงก็อยู่บนเขาเช่นกัน เพียงแต่พึ่งแยกจากลู่จื่ออวิ๋นเมื่อครู่นี้ ยามนี้ได้ยินเสียงสัตว์ป่าจึงรุดไปหานางทันที เมื่อเห็นว่านางปลอดภัย นายบ่าวจึงลงเขาไปพร้อมกัน

“บนเขาลูกนี้ไม่มีสัตว์ป่าไม่ใช่หรือ?”

“ป่าลึกทางนั้นเชื่อมต่อกับเขาลูกอื่น สัตว์ป่าเคลื่อนที่ไปมาได้ ผู้ใดจะรู้ว่ายามใดจะมีสัตว์ป่าย้ายมาที่ภูเขาเขตนี้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “วันนั้นพวกเจ้าทดสอบฝีมือเขา มั่นใจหรือว่ากำลังภายในเขาไม่เหลือแล้ว?”

“บ่าวแน่ใจเจ้าค่ะ ท่านเขยไม่มีกำลังภายในแล้วจริง ๆ” ไป๋จื่อเอ่ย “ไม่เพียงเท่านั้น เดิมทีเขาคงได้รับบาดเจ็บไปถึงเอ็นและกระดูก เพียงแต่ยังดีที่ฟื้นตัวได้ไม่เลวเจ้าค่ะ”

“ข้าเคยได้ยินเขาบอกว่า ก่อนหน้านี้อาจารย์เขาสอนเคล็ดวิชาปรับรูปกล้ามเนื้อกับกระดูกให้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะเขาฟื้นตัวได้ไม่เลว แต่เป็นเพราะเคล็ดวิชานั้นบังเอิญช่วยเขาไว้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “คนที่ทำเช่นนี้กับเขาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาไว้ใจมากที่สุด นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือโหดเหี้ยม ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะให้เขาตาย ถึงแม้ว่าจะไม่ตายก็ไม่เพียงแต่เสียโฉมเท่านั้น ทว่ายังสูญเสียกำลังภายในทั้งหมดไป เอ็นและกระดูกแตกหัก เทียบกับตายแล้วยังน่าเวทนายิ่งกว่า”

“เจ้านายวางใจ คนผู้นั้นเป็นนักโทษประหารอยู่ในศาลต้าหลี่ ทุกวันต้องมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย แม้เขาอยากตาย คุณชายใหญ่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาตายง่าย ๆ”

“ถึงแม้จะให้เขาตายวันละหน นั่นก็ไม่อาจชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสามีข้าได้” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “เอาละ ยามนี้เอ่ยเรื่องเหล่านี้ไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเราอยู่ที่นี่รอพวกเขาลงจากเขามาเถอะ!”

“บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ!” ไป๋จื่อเอ่ย “บางทีอาจช่วยท่านเขยได้บ้าง”

“ไม่ต้อง เพียงแค่รอเขาลงจากเขาอยู่ที่นี่ ถึงแม้เขาจะไม่มีกำลังภายใน ทว่าฝีมือเขายังดีอยู่ นอกจากนี้ข้ายังให้อาวุธลับกับเขาแล้ว หากเขาตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ เขาย่อมไม่โง่”

ยามนี้เอง ในภูเขาลึก กริชในมือชูอีแทงเข้าที่ตาเสือ

เสือคำรามลั่นด้วยความโมโห ตะปบกรงเล็บของมันใส่ชูอี

ชูอีหลบเลี่ยงอย่างว่องไว กระโดดขึ้นหลังเสือ จากนั้นก็ใช้หน้าไม้แทงเข้าที่หูเสือ

“กรร…” เสือกระโดดขึ้นกลางอากาศ

ชายร่างใหญ่หลายคนบริเวณนั้นยืนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว

ทุกครั้งที่เสือคำราม หัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำ น่องของชายหลายคนในนั้นสั่นระริก เมื่อได้ยินเสียงเสือก็รู้สึกราวกับว่าจะตกใจตายในพริบตาต่อมา

“เหตุใดเสือตัวนี้ถึงตัวใหญ่นักเล่า? เมื่อสามปีก่อน หวังชีหมู่บ้านเราไม่ได้ล่าเสือได้ตัวหนึ่งหรือ? ข้าว่าเขาก็ไม่ได้ใช้ความพยายามมากมายสักเท่าไหร่”

“นั่นเพราะมันเป็นลูกเสือเพิ่งเกิดได้ไม่นาน แน่นอนว่าไม่ได้ร้ายกาจเพียงนั้น เสือตัวนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเสือโตเต็มวัย ไม่รู้กินเหยื่อไปมากน้อยเพียงใดแล้ว พวกเราจะเป็นคู่ต่อสู้มันได้อย่างไร?”

“ต้องขอบคุณชูอี หากไม่ใช่เพราะเขา วันนี้เราคงตายแน่แท้”

“หากพวกเราลงจากเขาแบบมีชีวิตได้ จักต้องให้คนในหมู่บ้านปฏิบัติต่อชูอีให้ดีหน่อย บุรุษที่กล้าหาญเช่นนี้ หากหมู่บ้านเราประสบพบเจออันตรายยังฝากฝังให้เขาช่วยเหลือได้”

“รอดชีวิตแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”

ตุบ! เสือตัวนั้นล้มโครมลง

ชูอีกำลังขี่อยู่บนหลังเสือ ร่างกายเขาจึงกลิ้งตกลงมาด้วย

“ชูอี เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?” หลี่ซานตะโกนถาม

ชูอีลุกขึ้นยืนอย่างคล่องแคล่ว ลูบคลำอาวุธลับบนข้อมือ แสดงท่าทีเป็นเชิงว่าตนปลอดภัยให้กับหลี่ซาน

หลี่ซานซ่อนตัวอยู่กับชายสองสามคนไม่ไกลออกไป เมื่อเห็นท่าทางของเขา หินก้อนใหญ่ในใจพลันถูกยกออก

“ดียิ่งนัก พวกเราไม่เป็นไรแล้ว!”

ไม่โทษที่พวกหลี่ซานขี้ขลาด เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาพบเสือตัวนั้นก็ได้สู้กับมันไปแล้ว เพียงแต่ด้วยฝีมือน้อยนิดนั่นของพวกเขา เดิมทีก็ต้านเท้าเสือที่ตะปบลงมาไม่ได้ ทำได้เพียงซ่อนตัวเท่านั้น

“ลงเขาเถอะ!” ชูอีเอ่ยขึ้น

“เสือตัวนี้…” ชายที่อยู่ข้าง ๆ ถามเสียงตะกุกตะกัก

หลี่ซานตบลงบนหัวชายผู้นั้นหนึ่งเพี๊ยะ “เจ้ายังคิดจะอยากได้เสือตัวนี้อีกหรือ?”

“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงพวกเราช่วยพี่ใหญ่ชูอีแบกมันลงไปกันเถอะ” ชายผู้นั้นรีบร้อนกล่าว

“นับว่าเจ้ารู้จักเอาตัวรอด” หลี่ซานแค่นเสียงเย็นชา “พวกเจ้าทุกคนได้ยินชัดแล้ว ชูอีช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ เสือตัวนี้เป็นผลงานของเขาเพียงผู้เดียว อย่าได้คิดจะแย่งชิง ไม่เช่นนั้นไม่ต้องมาติดตามข้าหลี่ซานแล้ว”

“วางใจเถอะขอรับ พวกเราไม่ได้หน้าไม่อายเพียงนั้น”

ชูอีเห็นพวกเขาอยากช่วยยกเสือก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดึงกริชออกจากตัวเสือ เก็บหน้าไม้กลับคืน แล้วเดินลงจากภูเขา

เขาสัมผัสอาวุธลับที่อยู่บนข้อมือ

เมื่อครู่ชายหนุ่มไม่ได้ใช้อาวุธลับ

อันที่จริง เขาเผชิญกับอันตรายหลายต่อหลายครั้งและคิดจะใช้อาวุธลับ เพียงแต่เขารู้สึกว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้

“มาแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อดึงลู่จื่ออวิ๋นไป

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นคนกำลังเดินมาจึงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ทั้งตัวชูอีเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบทำให้ใบหน้านั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

เมื่อลงจากเขามาเห็นลู่จื่ออวิ๋น ชูอีก็รีบเช็ดเลือดบนใบหน้าออกโดยเร็ว เพียงแต่ไม่เช็ดออกยังดี เพราะเมื่อเช็ดออก เดิมทีที่เลอะหยดเลือดเล็กน้อย บัดนี้กลับกลายเป็นแอ่งเลือดแล้ว

สตรีทั้งสาม “…”

ลืมเสียเถอะ อย่าได้วุ่นวายใหญ่โตจะดีกว่า อย่างไรเสียสิ่งใดพวกนางก็ล้วนเคยพบเห็นมาแล้ว การต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกนางหวาดกลัว ดังนั้น เพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่เห็นเถิด!

“ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง?”

“ไม่ได้รับบาดเจ็บ เลือดเหล่านี้ล้วนมาจากเสือ” ชูอีถอดอาวุธลับออก

“ท่านเก็บไว้เถิด!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “มันเปื้อนเลือดแล้ว ข้าใส่แล้วรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง”

“เช่นนั้นก็ได้” ชูอีไม่ได้อธิบายอีก “วันหลังข้าจะทำอันอื่นให้ท่าน”

ลู่จื่ออวิ๋นแปลกใจ “ท่านทำสิ่งนี้ได้ด้วยหรือ?”

ชูอีมองดูอาวุธลับบนข้อมือ “คงจะไม่ยากนัก”

“คุณชาย เสือตัวนั้นเล่า?”

“มันตายแล้ว ประเดี๋ยวจะมีคนขนลงมา”

“เช่นนั้นอย่าได้พูดคุยอยู่ที่นี่อีกเลยนะเจ้าคะ” ไป๋จื่อกล่าว “คุณชาย ท่านกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

“ใช่แล้ว ท่านกลับไปก่อนเถอะ”

ชูอีนำดอกไม้สองสามดอกออกมาจากแขนเสื้อด้วยท่าทีงุ่มง่าม

“เมื่อครู่ตอนที่ผ่านมาเห็นพวกมันกำลังบานสวย ท่านไม่ได้บอกหรือว่ากำลังหาวัตถุดิบอยู่? ข้าไม่รู้ว่าของสิ่งนี้จะใช้ได้หรือไม่ เพียงแต่คิดว่ามันบานสวยดีจึงเด็ดมา หากท่านคิดว่ามันไร้ประโยชน์ก็โยนทิ้งเสีย”

“ใช้ได้ ขอบคุณ” ลู่จื่ออวิ๋นรับมันมา

นางนึกถึงภาพที่เซี่ยเฉิงจิ่นเคยส่งดอกไม้ให้นางทุกวัน ดวงตาพลันแดงเรื่อขึ้นมา

“ท่านไม่ชอบหรือ?” ชูอีเห็นเช่นนี้ น้ำเสียงพลันตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ใช่ ข้าเพียง… ข้าเพียงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนส่งดอกไม้ให้ข้าเช่นกัน ข้าจึงรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณ ข้าชอบมันมาก”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท