สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 271 แสดงละคร

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 271 แสดงละคร

ตอนเฮ่อชิงเซียวสอบสวนจ้าวหลางจง ข่าวพวกจังซวี่ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับกุมตัวไปก็ไปถึงหูพวกจังโส่วฝู่

ขุนนางใหญ่หลายท่านพากันรีบเข้าวัง โมโหที่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินวางอำนาจบาตรใหญ่ พวกขุนนางระดับล่างที่ไม่อาจเข้าวังตามอำเภอใจ ก็ไปรวมตัวกันรออยู่นอกประตูวัง

“ผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อนำกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับกุมคนหรือ” ได้ยินขุนนางเข้าวังมาทูลฟ้องจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เผยสีพระพักตร์ตกพระทัย “เพราะเหตุใดหรือ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามขึ้น จังโส่วฝู่ไม่อาจทูลตอบ

เพราะเขาหลานชายเขาด่าบุตรบุญธรรมฮองเฮา ซึ่งความจริงอาจเป็นโอรสฮ่องเต้?

หากกล่าวออกไป ภายนอกอาจได้รับคำปลอบใจจากฮ่องเต้สองสามคำ แต่ความจริงจะได้ประโยชน์ใด

จังโส่วฝู่เอ่ยไม่ออก แต่ขุนนางกรมตรวจสอบตู้ที่เข้าวังมาด้วยกลับไม่กลัว “ทูลฝ่าบาท ระยะนี้มีข่าวลือว่าซินไต้จ้าวสำนักฮั่นหลินย่วนแอบอ้างเป็นท่านซงหลิง ใช้อุบายสร้างชื่อ หลอกลวงผู้คน เรื่องนี้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อถึงกับจับกุมคนตามอำเภอใจเช่นนี้…”

ได้ฟังรายงานขุนนางกรมตรวจสอบตู้จบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ขมวดพระขนงเล็กน้อย “ถึงกับมีเรื่องเช่นนี้หรือ”

“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อนอกจากจับตัวนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ยังจับกุมขุนนางอีกหลายคน” ยามนี้ขุนนางกรมตรวจสอบตู้อารมณ์คุกรุ่นเต็มที่ “ฝ่าบาท การลงอาญาเพียงเพราะเรื่องวาจาเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองเหี้ยมโหดนะพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมขอฝ่าบาทรับสั่งให้ปล่อยตัวทุกคนและลงอาญาผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อชิงเซียวสถานหนักพ่ะย่ะค่ะ!”

ขุนนางใหญ่อื่นๆ พากันคุกเข่าตาม ใช้การนิ่งเงียบสนับสนุนขุนนางกรมตรวจสอบตู้

“ใต้เท้าตู้โปรดอย่าร้อนใจไป เราจะให้เรียกตัวผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อเข้าวังมาสอบถาม ซุน เหยียน…”

มหาขันทีซุนเหยียนรับคำรีบออกไปส่งคนไปแจ้งสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ

ตอนนี้เฮ่อชิงเซียวได้คำตอบแล้ว

จ้าวหลางจงหน้าซีดแววตาขอร้อง “ใต้เท้าเฮ่อ เรื่องที่รู้ข้าก็บอกหมดแล้ว จะปล่อย…”

เฮ่อชิงเซียวหลุดหัวเราะ “จ้าวหลางจงคงไม่ได้คิดจะก้าวออกจากประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกระมัง”

ยามนี้เองทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งก็เข้ามากระซิบข้างหูเขาสองสามคำ

“เฝ้าไว้ให้ดี” สั่งการแล้ว เฮ่อชิงเซียวก็รีบตามขันทีเข้าวัง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท” เข้ามาในตำหนักเฉียนชิงกง เฮ่อชิงเซียวลงคุกเข่าข้างหนึ่งโดยไม่เหลือบมองไปยังขุนนางคนใดแม้แต่น้อย

“ผู้บัญชาการเฮ่อ เราได้ยินว่าเจ้าจับกุมขุนนางและนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน”

“คนเหล่านี้แพร่ข่าวลือลบหลู่ซินไต้จ้าว ซินไต้จ้าวเป็นตำแหน่งพระราชทานจากฝ่าบาท พวกเขาทำเช่นนี้ถือว่าไร้ความเคารพยำเกรงฝ่าบาท…”

“ผู้บัญชาการเฮ่อ นี่ท่านเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นเรื่องหรือ!” ขุนนางกรมตรวจสอบตู้โมโหตัดบทเฮ่อชิงเซียว

เจ้าขุนนางชั่ว ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทไม่เพียงแต่ไม่รู้ร้อนตัว แต่ยังถึงกับโยนความผิดลบหลู่เบื้องสูงมาให้คนที่เขาจับกุมตัวไป!

“ใต้เท้าตู้ใจเย็นก่อน” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์มองไม่ออกว่าทรงยินดีหรือกริ้ว ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบ “เราฟังเข้าใจแล้ว ข้างนอกมีข่าวลือแพร่ต่อกันไป ทำให้หลายคนเข้าใจซินไต้จ้าวผิด แม้การดำเนินการของผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อทำไปเพื่อปกป้องเกียรติเรา แต่ก็เกินไปสักหน่อย…ผู้บัญชาการเฮ่อ คนเหล่านี้ไม่ต้องเก็บไว้ให้เปลืองที่คุก รีบปล่อยตัวได้แล้ว”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

“ฝ่าบาท ผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อไม่เห็นกฎหมายในสายตา กระทำการเหิมเกริมวางอำนาจ หากไม่ลงโทษ เกรงว่าในใจขุนนางคงรู้สึกเหน็บหนาวพ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางกรมตรวจสอบตู้โขกศีรษะ

ขุนนางใหญ่อื่นๆ ก็พากันโขกศีรษะ

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กวาดสายพระเนตรลงมองขุนนางที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นทีหนึ่ง ตรัสพระสุรเสียงเรียบเฉย “กฎวินัยกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เราจำได้ว่าเป็นหน้าที่ของสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือ เบิกตัวผู้บัญชาการสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือข่งรุ่ยเข้าวัง”

จังโส่วฝู่ที่คุกเข่าอยู่แอบขมวดคิ้ว

ความเอนเอียงของฮ่องเต้ชัดเจน แม้ว่ากฎวินัยกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอยู่ในความดูแลของสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือ แต่ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ หากทรงคิดจัดการ พระดำรัสเดียวไม่ใช่ว่าเรียบร้อยทันทีหรือ

ดูท่าการเข้าวังครั้งนี้คงได้แต่ปล่อยไปเช่นนี้แล้ว

ไม่นาน ข่งรุ่ยก็มาถึง

“กระหม่อมข่งรุ่ย ถวายบังคมฝ่าบาท”

ต่อหน้าขุนนาง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงเล่าเรื่องทุกอย่างตามธรรมเนียมขั้นตอนก่อนถามว่า “ผู้บัญชาการข่ง เจ้าคิดว่าควรจัดการเช่นไร”

ข่งรุ่ยไม่มองเฮ่อชิงเซียว และไม่ได้มองพวกจังโส่วฝู่ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเดิมขึ้นตรงต่อฝ่าบาท การปกป้องพระบารมีและพระเกียรติฝ่าบาทเป็นหน้าที่ของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน กระหม่อมไม่รู้สึกว่าการกระทำของผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อมีอันใดไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

ข่าวลือหลายวันนี้ เขาเองก็ได้ยินมา เริ่มแรกน้องซินก็บอกแล้วว่าตนเองมิใช่ท่านซงหลิง คนเหล่านี้สาดน้ำครำใส่น้องซินไม่หยุด สมควรไปนอนคุกสักสองสามวันจะได้ตื่นรู้ได้บ้าง

“ผู้บัญชาการข่ง นี่ท่านคิดปกป้องขุนนางชั่วหรือ!” ขุนนางกรมตรวจสอบตู้โมโหเดือดดาล

ข่งรุ่ยแปลกใจ “ไยใต้เท้าตู้กล่าวเช่นนี้ ข้ากับผู้บัญชาการเฮ่อก็มิได้สนิทสนมกัน จะปกป้องเขาทำไม”

ขุนนางกรมตรวจสอบตู้สะอึก

พวกจังโส่วฝู่เองต่างพากันขมวดคิ้ว

ตำแหน่งของสำนักเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่สูง สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือคุมอำนาจลงทัณฑ์สอบสวน ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ จะแสดงท่าทางวางอำนาจก็แล้วไป แต่ผู้บัญชาการสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือแต่ไรมาล้วนมีก็เหมือนไม่มี ผู้ใดจะคิดว่าพอจิ้งอันโหวข่งรุ่ยมารับตำแหน่งก็เปลี่ยนไป

นี่เป็นเพียงแค่ผู้บัญชาการสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือธรรมดาหรือ ไม่ นี่คือบุตรชายองค์หญิงใหญ่ หลานชายฮ่องเต้!

ฉางเล่อโหวดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ จิ้งอันโหวดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือ คนหนึ่งไม่มีวงศ์ตระกูล คนหนึ่งมีผู้หนุนหลังแข็งแกร่ง มิน่าเบียดจนผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนวันๆ ได้แต่ดื่มสุรากลัดกลุ้ม

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสขึ้น “เพียงแค่ข่าวลือก็ก่อให้เกิดคลื่นลม ปล่อยตัวทุกคนไปก็แล้วกัน ซินไต้จ้าวบอกเรานานแล้ว ว่าเขาไม่ใช่ท่านซงหลิง ไม่มีเรื่องแอบอ้างแต่อย่างใด ขุนนางทุกท่านก็ควรควบคุมบุตรหลานตนให้รู้จักแยกแยะผิดถูก อย่าได้ไปตามกระแสข่าวลือ”

พระดำรัสนี้นับว่าเป็นบทสรุปความวุ่นวายครั้งนี้แล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ว่าในใจบรรดาขุนนางใหญ่คิดอันใด แต่วาจานั้นไม่อาจดึงดันต่อไป

“ขุนนางทุกท่านออกไปได้แล้ว ผู้บัญชาการเฮ่อ เจ้าอยู่ต่อ”

“กระหม่อมทูลลา”

พวกจังโส่วฝู่ออกจากวังหลวง เพิ่งเดินออกจากประตูวังก็ถูกรุมล้อมไว้

“ใต้เท้า สถานการณ์เป็นอย่างไร”

“จะปล่อยตัวไหม”

“ฝ่าบาททรงลงโทษเฮ่อชิงเซียวไหม”

พอตำหนักเฉียนชิงกงไม่มีคนนอก ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามขึ้นก่อนว่า “ซินไต้จ้าวได้รับผลกระทบจากข่าวลือหรือไม่”

ตอนได้ยินข่าวลือนี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กริ้วแทบตาย แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ ปากคนมากมายอาศัยการอุดปากย่อมอุดไม่หมด แม้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ก็ตาม

“จากการสังเกตของกระหม่อม ซินไต้จ้าวไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใด”

คำพูดเฮ่อชิงเซียวนี้น่าสนใจมาก ไม่แสดงออกไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก

ดังคาด พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็ถอนหายใจ “ลำบากเขาแล้ว”

เด็กคนนี้แข็งกร้าวและอดทนเกินไป

“ชิงเซียว เรื่องนั้นสืบได้ความอย่างไรบ้างแล้ว”

“ทูลฝ่าบาท หลังจากเทียบลายมือ จ้าวชิ่งอวิ๋นหลางจงกรมคลังก็คือคนที่เขียนจดหมายถึงโจวทง ก่อนกระหม่อมเข้าวัง เขารับสารภาพแล้ว”

หลายวันก่อนเฮ่อชิงเซียวรายงานเรื่องจดหมายที่โจวทงทิ้งไว้ต่อฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงตกพระทัยและกริ้วหนัก แต่ต่อหน้าขุนนางไม่อาจเปิดเผยออกไปได้

วันนี้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอาศัยข่าวลือซินไต้จ้าวจับกุมทุกคนอย่างเหิมเกริม พวกจังซวี่เป็นเพียงตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงก็คือจ้าวหลางจง

หลังจากผ่านการมั่นใจจากการเขียนหนังสือรับรอง หากไม่ใช่ จ้าวหลางจงก็จะถูกปล่อยตัวกลับไป เช่นนี้ก็จะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น แอบตรวจสอบสถานะ ‘ตงเซิง’ ต่อไปได้

โชคดีไม่เลว จ้าวหลางจงก็คือคนที่กำลังตามหา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท