คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 742 ลักเด็ก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 742 ลักเด็ก

คำพูดตรงไปตรงมาของฉินหลิวซี ทำให้นายหญิงใหญ่หลิวตื่นตระหนก สัมผัสท้องพลางนึกถึงบางอย่าง ในขณะที่ฮูหยินหลิวกับหรงอันจวิ้นจู่มองดูท้องโตๆ ของนางอย่างสงสัย นางตั้งครรภ์นี้ได้อย่างไร มีลับลมคมในอะไรในเรื่องนี้ เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับการทำบาป

แล้วไปทำบาปอะไร

สายตาที่ฮูหยินหลิวมองไปยังลูกสะใภ้เปลี่ยนไปเล็กน้อย สตรีชั่วผู้นี้ไม่มีบุตรมาห้าปีแล้วยังห้ามไม่ให้สามีรับอนุ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เห็นนางท้องโตขึ้นมา จึงดีใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าครรภ์นี้จะได้มาไม่ถูกต้องหรือไม่

สวมเขา โดนสวมเขาแน่ๆ

ฮูหยินหลิวรู้สึกว่าศีรษะของบุตรชายนางโดนสวมเขา สายตาที่มองนายหญิงใหญ่หลิวก็เต็มไปด้วยความร้ายกาจ แทบจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ ให้ตาย

หรงอันจวิ้นจู่เหลือบมองนายหญิงใหญ่หลิวหลายครั้ง สายตาแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรน่าสนุก

ให้ตายเถิด นายหญิงใหญ่หลิวมีชื่อเสียงโหดร้ายอยู่ข้างนอก ยังกล้าทำให้สามีกลายเป็นคนโง่ด้วยหรือ

นางแอบเหลือบมองฮูหยินหลิว สีหน้ามีความเห็นใจ ต้องจัดการกับสตรีชั่วเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้ว

ฮูหยินหลิว “!”

นางจะไปแจ้งว่าป่วย สองเดือนนี้จะไม่ออกไปเข้าสังคม ใบหน้าถูกกดลงกับพื้นแล้วถูขนาดนี้ เก็บขึ้นมาไม่ได้แล้ว

เมื่อนายหญิงใหญ่หลิวเห็นว่าสายตาของแม่สามีราวกับจะกลืนกินตัวเองก็โกรธจนแทบหายใจไม่ออก ชี้ฉินหลิวซีพลางตะโกนว่า “เจ้ากล่าวเหลวไหล ใครก็ได้มาจับตัวนางไว้ให้ข้า”

ฉินหลิวซียิ้มเยาะ ไม่ได้ใส่ใจ

ในสายตาของนาง นายหญิงใหญ่หลิวเป็นเพียงแค่ตัวตลกที่ร้ายกาจก็เท่านั้น

นางมองไปยังด้านหลังของนายหญิงใหญ่หลิว ก่อนจะถอนหายใจ

“ห้ามขยับ” ฮูหยินหลิวได้สติกลับมา จ้องมองบ่าวรับใช้หลายคนที่กำลังจะเคลื่อนไหว แล้วมองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอถามท่านอาจารย์สักหน่อยว่าที่เมื่อครู่ท่านบอกว่าบุตรในครรภ์ของลูกสะใภ้ข้าไม่รอด หมายความว่าอย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “แน่นอนว่ามีคนไม่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะคลอดออกมา ก็เป็นตัวประหลาดหรือตายในครรภ์ ส่วนเพราะเหตุใดนั้น นายหญิงใหญ่หลิวย่อมรู้อยู่แก่ใจ”

นายหญิงใหญ่หลิวสีหน้าซีดขาว ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลกระทบจากคำพูดของฉินหลิวซีหรือไม่ รู้สึกปวดแปลบๆ ที่ท้อง

ไม่มีทาง นักพรตยินซานบอกว่าบุตรในครรภ์ของนางนี้เป็นบุตรกิเลนแน่นอน เหตุใดจะเลี้ยงไม่รอด

นักพรตน้อยสมควรตายผู้นี้ ปากคอเราะร้าย นางล่ะอยากจะฉีกปากฉินหลิวซีเป็นชิ้นๆ

ฮูหยินหลิวจ้องมองลูกสะใภ้พลางถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ที่ท่านอาจารย์เอ่ยหมายความว่าอย่างไรกันแน่”

นายหญิงใหญ่หลิวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไร กว่าข้าจะตั้งครรภ์นั้นไม่ง่ายเลย พอใกล้จะคลอดแล้ว ท่านกลับมาสงสัยข้า?”

“หากครรภ์ของเจ้านี้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นตระกูลหลิวของข้าก็จะไม่ยอมรับ ต่อให้ตระกูลหลิวจะขาดแคลนหลานชาย ก็จะไม่ไปปะปนกับสายเลือดอื่น”

ฮูหยินหลิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “แม้ว่าตระกูลญาติฝ่ายเจ้าจะอยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็จะกล่าวเช่นนี้”

นายหญิงใหญ่หลิวกล่าวด้วยความโกรธ “เหลวไหล เด็กคนนี้เป็นของท่านพี่ ท่านอย่าไปฟังคำพูดเพ้อเจ้อ พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่จับนักต้มตุ๋นผู้นี้ให้ข้าอีก”

โกรธแทบตายอยู่แล้ว หญิงเฒ่าผู้นี้กลับมาสงสัยว่านางเป็นชู้กับคนอื่น ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว

บรรดาบ่าวรับใช้กรูกันเข้ามา

หรงอันจวิ้นจู่โกรธมาก “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฉินหลิวซีโบกมือ บรรดาบ่าวรับใช้ที่ล้อมวงเข้ามาต่างล้มลงกับพื้นพร้อมกัน ราวกับถูกมือที่มองเห็นคว้าขาไว้

ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก

นี่มัน มีผีหรือ

นายหญิงใหญ่หลิวก็ตกใจเช่นกัน มองไปยังฉินหลิวซีทันที สบตากับดวงตาสีเข้มลุ่มลึกของนางคู่นั้น หัวใจเต้นรัว

ฉินหลิวซีมองนางอย่างลุ่มลึก ดึงมือหรงอันจวิ้นจู่แล้วออกไป

คราวนี้ใครก็ไม่กล้าขวาง รวมถึงนายหญิงใหญ่หลิวด้วย

ฮูหยินหลิวจ้องมองลูกสะใภ้อย่างดุเดือด จากนั้นก็ตามออกไป “จวิ้นจู่ ท่านรอข้าก่อน”

มือหนึ่งของนางยกกระโปรง อีกมือหนึ่งจับมือสาวใช้ที่พยุงไว้ ไล่ตามออกมาจากเรือน เข้าไปขวางหรงอันจวิ้นจู่และคนอื่นๆ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ยิ้มพลางเอ่ยขออภัย “จวิ้นจู่ วันนี้ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เจ้าค่ะ นิสัยของลูกสะใภ้ข้าผู้นี้ตั้งแต่โตมาจนมาถึงตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย นางเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกผ่านสีหน้า”

หรงอันจวิ้นจู่แสยะยิ้มพลางเอ่ย “เอาเถิด เจ้าไม่ต้องพูดแทนนางแล้ว คนที่ชอบแสดงทุกอย่างผ่านสีหน้าข้าก็เห็นมาไม่น้อย แต่กลับไม่เคยเห็นคนที่โง่และเผด็จการเช่นนางมาก่อน นางช่างดุร้ายจริงๆ ไม่เกรงกลัวอำนาจราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย”

การเสียดสีนี้ เหลือเพียงไม่ได้กล่าวตรงๆ ว่านายหญิงใหญ่หลิวถึงขั้นไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตา

เหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของฮูหยินหลิว เอ่ยอย่างอึดอัดใจว่า “เป็นคนอารมณ์ร้ายจริงๆ ตระกูลหลิวของพวกเราไปสู่ขอนายหญิงผู้เอาแต่ใจมา”

หรงอันจวิ้นจู่เห็นว่านางมีสีหน้าขมขื่น ในใจรู้ว่านางต้องเสียเปรียบมากมายเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้ จึงถอนหายใจเบาๆ พลางกล่าวว่า “ความสามารถของท่านเจ้าอาวาสน้อยนั้นข้ารู้ดีที่สุด การที่นางเอ่ยเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่การเอ่ยอย่างไร้ที่มาแน่นอน บุตรในครรภ์ของลูกสะใภ้เจ้าผู้นั้น…”

ฮูหยินหลิวกลั้นหายใจ มองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่านสามารถบอกตามตรงได้หรือไม่”

“พวกท่านรู้หรือไม่ว่าในโลกนี้มีวิชาที่ชั่วร้ายเรียกว่า ‘การลักเด็ก’ อยู่” ฉินหลิวซีมองไปยังเรือนนายหญิงใหญ่หลิว เอ่ยเบาๆ ต่อไปว่า “มีสตรีบางคนที่ไม่ตั้งครรภ์นานๆ เข้า แทนที่จะไปหาหมอดีๆ กลับเลือกทางที่ผิด ไปหานักพรตมารให้ช่วยทำพิธี ใช้วิชาชั่วร้ายผสมตัวอ่อนในครรภ์ของนางเองจนตั้งท้อง นี่คือการลักเด็ก”

ฮูหยินหลิวกับหรงอันจวิ้นจู่สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

“วิธีการลักเด็กทำอย่างไรหรือ” ฮูหยินหลิวถามด้วยความสั่นเทา

ฉินหลิวซียืนเอามือไขว้หลัง ตอบว่า “ใช้หญิงที่ตั้งครรภ์กำลังจะคลอดบุตรมาผ่าท้องเอาบุตรออก จากนั้นก็เผาร่างกายเสียก่อนจะหมดลมหายใจ คนเป็นแม่จะกังวลใจเมื่อได้ยินเสียงทารกในครรภ์ร้องไห้ ในขณะนั้นหัวใจของแม่และทารกเชื่อมต่อกัน ร่างกายของแม่และทารกทรมานเช่นกัน เลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด จากนั้นก็ใช้กริชเจาะเลือดจากหัวใจของทารกในครรภ์ ซึ่งคือเลือดของทารกและคนเป็นแม่ เรียกว่าการลักเด็ก จากนั้นก็ให้นางดื่มลงไป ไม่นานก็จะมีบุตร”

ฮูหยินหลิวแทบจะเป็นลมด้วยความตกใจกลัว ทรุดลงเบาๆ ในอ้อมแขนของสาวใช้ที่มีสีหน้าซีดเซียวเช่นกัน แทบจะเป็นลมด้วยความตกใจ

หรงอันจวิ้นจู่ไหนเลยจะไม่ตกใจ ร่างกายสั่นเทา ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ท่าน ท่านหมายความว่านายหญิงใหญ่หลิวใช้วิธีชั่วร้ายนี้ลักเด็กหรือ”

สวรรค์ นางคิดว่าเรื่องที่บุตรสาวของตัวเองหลับนอนกับผีหมอนก่อนที่จะได้ออกเรือนนั้นเหลือเชื่อแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีสิ่งที่ประหลาดกว่านี้อีก

ดื่มเลือดของแม่และทารกเพื่อลักเด็ก นี่มัน นางดื่มลงไปได้อย่างไร ก็ไม่รู้จักรังเกียจว่าจะเป็นบาปหรือขยะแขยงเลย

แหวะ

หรงอันจวิ้นจู่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน เบี่ยงศีรษะแล้วอาเจียนออกมา

กลิ่นเปรี้ยวของสิ่งสกปรกที่อาเจียนออกมาทำให้ฮูหยินหลิวรู้สึกแน่นหน้าอกเช่นกัน อาเจียนลงบนร่างของสาวใช้

ไม่แปลกใจเลยที่ฉินหลิวซีเอาแต่บอกว่านายหญิงใหญ่หลิวทำบาป ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ นางใช้วิธีนี้ลักเด็กให้นางตั้งครรภ์ ช่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกสวรรค์ลงโทษ

นางไม่กลัว แต่ตระกูลหลิวกลัว เด็กคนนั้นจะคลอดออกมาไม่ได้เด็ดขาด

ฉินหลิวซีมองไปยังเรือนนั้นอย่างเฉยเมย พลังขุ่นเคืองพุ่งทะยาน นั่นเป็นความโกรธและไม่เต็มใจของสองแม่ลูกคู่นั้น พวกเขาอาฆาตแค้น ต้องแก้แค้อย่างแน่นอน

ดังนั้น ทารกในครรภ์ไม่มีทางรอด แม้ว่าพวกเขาจะปล่อยให้ทารกในครรภ์คลอดออกมา ก็จะกลายเป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างผิดปกติ

ลักเด็ก เหอะ โหดเหี้ยมจริงๆ!

สายตาของฉินหลิวซีเผยความรังเกียจเล็กน้อย แต่กลับไม่มีร่องรอยของความสงสาร

กรรมใดใครก่อ คนผู้นั้นต้องชดใช้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท