ตอนที่ 743 วิธีการแก้แค้นที่ถูกต้องควรเป็น…
ฮูหยินหลิวมองไปยังฉินหลิวซีด้วยสีหน้าซีดเซียว อยากถามเป็นอย่างมากว่าสิ่งที่นางเอ่ยมานั้นจริงหรือไม่ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ซ้ำยังพึ่งเจอกันครั้งแรก เขาจะมาพูดโกหกไร้สาระอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนั้นหรือ
อีกอย่าง ห้าปีมานี้ ก็ใช่ว่าลูกสะใภ้ไม่เคยพบหมอ แล้วก็ดื่มยาไปไม่น้อย แต่ท้องของนางก็ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย จู่ๆ นางก็ไปยังหมู่บ้านน้ำพุร้อนช่วงปลายฤดูหนาวเมื่อปีก่อน และหลังจากกลับมาได้ไม่นานก็มีข่าวดี
นางไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าลูกสะใภ้ทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ อย่างไรเสียก็เป็นสตรีที่มาจากตระกูลสูงส่ง มีความหวงแหนบุตรชายเป็นอย่างมากก็นับว่าวางใจแล้ว คำนวณวันเวลาก็ถูกต้อง คิดเพียงว่าวาสนาที่จะมีบุตรได้มาถึงแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่มาของเด็กคนนี้เกิดจากการใช้วิชาชั่วร้าย น่ากลัวเกินไปแล้ว
เพียงแค่ฮูหยินหลิวคิดถึงฉากที่ฉินหลิวซีอธิบายก็รู้สึกราวกับตกลงไปในห้องน้ำแข็ง หนาวสั่นไปทั้งตัว
สิ่งที่นางทำไม่ใช่เพียงชั่วร้ายเท่านั้น ซ้ำยังโหดเหี้ยม
หรงอันจวิ้นจู่ถามเพื่อความแน่ใจ “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านเอ่ยความจริงเช่นนั้นหรือ”
“ข้ากับนางไม่เคยพบกันมาก่อน ไยจึงต้องสร้างเรื่องโกหกเช่นนี้ทำร้ายนาง เรื่องชั่วร้ายเช่นนี้สามารถทำลายชื่อเสียงของสตรีจนมอดไหม้ได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะพวกท่านยืนกรานที่จะถาม ข้าก็คงไม่ริเริ่มเอ่ยออกมาเอง เพราะข้ารู้ว่าเวรกรรมมีอยู่เสมอ จะพูดหรือไม่นั้นไม่สำคัญ” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ
ฮูหยินหลิวหวั่นใจกว่าเดิม ถามว่า “แล้ว แล้วผลกรรมลูกสะใภ้ผู้นี้ของข้าจะเป็นอย่างไร”
“ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถบรรเทาความคับข้องใจของแม่ลูกคู่นั้นได้หรือไม่ และจะบรรเทาได้มากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือครรภ์ของนางนี้ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อไป “จุดจบของนางจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ข้าคิดได้ก็คือบุตรในครรภ์ไม่รอด เช่นนั้นนางก็จะต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากตอนคลอด อย่างไรเสียก็ครบกำหนดแล้ว ไม่ว่าบุตรในครรภ์จะเป็นหรือตาย นางก็ต้องคลอดบุตรตามวิธีปกติ”
ฮูหยินหลิวและคนอื่นๆ ต่างก็เคยคลอดบุตรมาก่อน เมื่อได้ฟังนางเอ่ยเช่นนี้ก็เข้าใจความหมายแล้ว
การที่สตรีคลอดบุตรก็เปรียบเสมือนการผ่านด่านประตูวิญญาณ ทารกในครรภ์นี้ครบกำหนดแล้ว แม้ว่าจะแท้งก็ต้องคลอดออกมา ใช่ว่ายาถ้วยเดียวก็จะสามารถไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย
การคลอดบุตรนั้นต้องทุกข์ทรมาน หากร่างกายแข็งแรงนั้นนับว่ายังดี แต่หากร่างกายอ่อนแอ ก็สามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ และครรภ์ของนายหญิงใหญ่หลิวนี้ก็ตั้งครรภ์ที่เต็มไปด้วยพลังขุ่นเคือง เมื่อถึงเวลาคลอดแล้วแม่ลูกคู่นั้นไม่ยอมเลิกรา จะต้องทำให้นางผ่านด่านนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
หนึ่งศพสองชีวิต นี่จึงจะเป็นวิธีแก้แค้นที่ถูกต้อง!
แม้แต่หรงอันจวิ้นจู่ก็ไม่กล้าคิดว่าฉากนั้นจะน่าอนาถเพียงใด
ในทางกลับกัน ฮูหยินหลิวกลับลดสายตาลง ในสายตามีความเย็นชาผ่านเข้ามา
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็เป็นชะตากรรมของสตรีชั่วผู้นี้ เป็นนางที่ทำบาปทำกรรมเอง ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น
หรงอันจวิ้นจู่และฉินหลิวซีต่างก็ไม่พลาดความเย็นชาที่อยู่ในสายตาของฮูหยินหลิว ทั้งคู่ต่างเข้าใจดี เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าฮูหยินหลิวจะไม่สนใจความเป็นความตายของลูกสะใภ้นาง
สิ่งที่หรงอันจวิ้นจู่คิดมากกว่านั้นก็คือ ฮูหยินหลิวไม่พอใจลูกสะใภ้เกเรผู้นี้มานานแล้ว เพียงแต่เป็นเพราะอำนาจของตระกูลที่เกี่ยวดองด้วยจึงได้แต่อดทน ทว่าตอนนี้ลูกสะใภ้ของตัวเองรนหาที่ตาย ทิ้งจุดอ่อนเช่นนี้ไว้ในมือ นางก็จะได้ใช้ประโยชน์จากมันพอดี
หากหูซื่อตายจากไปแล้ว แม้ว่าจวนหลิวหยางปั๋วจะมาหา นางก็สามารถอธิบายได้ อย่างไรเสียการที่สตรีให้กำเนิดบุตรก็เท่ากับก้าวเข้าไปในประตูวิญญาณ ตอนนี้วิญญาณแค้นมาเอาคืน ใครจะทนไหว
หากหูซื่อโชคดีมีชีวิตรอด เช่นนั้นนางก็ยังสามารถใช้เหตุผลนี้ปลดลูกสะใภ้กลับตระกูลเดิม อย่างไรเสียลูกสะใภ้ที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ตระกูลหลิวคงรับไว้ไม่ได้ จวนหลิวหยางปั๋วไม่อยากให้บุตรสาวคนอื่นในตระกูลขายไม่ออก ก็ทำได้เพียงรับไว้
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว หรงอันจวิ้นจู่ก็ถอนหายใจเบาๆ มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
ทำบาปทำกรรม ไม่สมควรมีชีวิตอยู่
ความคิดของฮูหยินหลิววนซ้ำไปมาเป็นร้อยพันครั้ง จึงถามฉินหลิวซีว่า “หากเป็นอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวจริงๆ เช่นนั้นผลกรรมนี้จะตกอยู่กับตระกูลหลิวของพวกเราหรือไม่”
ฉินหลิวซียิ้มใบหน้านิ่งพลางเอ่ย “เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกท่านได้ทำบาปช่วยโจรทำชั่วหรือไม่ นางเป็นสตรีของตระกูลหลิว มีทะเบียนสมรสนี้เป็นหลักฐาน แม้ว่านางจะทำบาปคนเดียว แบกรับผลกรรมที่ใหญ่ที่สุด แต่วาสนาที่ต้องสูญเสีย นายท่านน้อยหลิวที่เป็นสามีของนางก็ราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ต้องรับไปไม่มากก็น้อย ส่วนตระกูลหลิวของพวกท่าน เหตุใดตระกูลจึงได้โชคร้าย ล้วนเป็นผลกรรม วาสนา ย่อมถูกทำลาย เพียงแค่หนักหรือเบาก็เท่านั้น”
ฮูหยินหลิวร้อนใจ “คือว่า พวกเราก็ไม่ได้รู้ว่านางทำเรื่องสารเลวเช่นนี้ พวกเราก็ต้องมาแบกรับผลกรรมของนางด้วยหรือ”
นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วกระมัง!
“ฮูหยิน คนหนึ่งรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ด้วยกัน คนหนึ่งเสียหายก็เสียหายด้วยกัน ข้าคิดว่าตระกูลขุนนางอย่างพวกท่านคงจะเข้าใจเรื่องนี้ดี”
ฮูหยินหลิวพูดไม่ออก ในใจเกลียดนายหญิงใหญ่หลิวเข้ากระดูก ดาวพิฆาตตระกูลเช่นนี้ แต่งนางเข้ามานั้นเป็นเวรกรรมของตระกูลหลิวจริงๆ
“แต่ท่านก็วางใจได้ พวกท่านไม่ใช่ต้นเหตุ จะไม่สูญเสียบุญกุศลมากเกินไป เพียงแค่สูญเสียวาสนาเล็กน้อยเท่านั้น”
ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย อยู่ดีๆ ใครจะอยากสูญเสียวาสนา
“เช่นนั้นพวกเราต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถกำจัดความแค้นนี้ได้” ฮูหยินหลิวถามด้วยสีหน้าขมขื่น
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทำความดีสะสมบุญกุศลให้มากขึ้นเถิด”
เมื่อนางเอ่ยจบก็พาลูกศิษย์จากไป หรงอันจวิ้นจู่เดินตามนางอยู่ข้างกายทุกย่างก้าว เรื่องในวันนี้น่าตกใจมากเกินไปแล้ว นางรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ไม่ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจวนหลิวหยางปั๋วจะดีกว่า อย่างไรเสียการที่นายหญิงใหญ่หลิวทำเรื่องนี้สำเร็จได้คงต้องมีคนคอยช่วย ตระกูลหลิวไม่รู้เรื่อง เช่นนั้นก็ย่อมเป็นการช่วยเหลือจากคนตระกูลเดิม
กลุ่มคนเดินออกจากจวนหลิว มีรถม้าจอดอยู่ที่ประตูมุมทิศตะวันออก มีคนเปิดม่านขึ้น เห็นฉินหลิวซีและคนอื่นๆ พอดี
ฉินหลิวซีดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง มองไปตามสายตานั้น ชายชุดเทาเข้ามาในสายตา
“ท่านอาจารย์ ขึ้นรถเถิดขอรับ” เถิงเจาพยุงมือฉินหลิวซี เชิญให้นางขึ้นรถก่อน
ฉินหลิวซีจ้องมองชายชุดเทาผู้นั้นอย่างตั้งใจ แสยะยิ้ม นี่ก็คือนักพรตที่ช่วยนายหญิงใหญ่หลิวผู้นั้นลักเด็กกระมัง เต็มไปด้วยพลังหยินชั่วร้ายทั้งตัว
ชายที่อยู่ตรงข้ามผู้นั้นขมวดคิ้วเม้มริมฝีปาก ใบหน้าเย็นชาเล็กน้อย ย้ายสายตาไปตกอยู่บนตัววั่งชวนที่กำลังถูกเถิงเจาอุ้มขึ้นรถ เพ่งความสนใจเล็กน้อย นิ้วที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อคำนวณการทำนายอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นเองฮูหยินหลิวก็กำลังถามนายหญิงใหญ่หลิวเรื่องลักเด็ก นางตกใจจนหน้าซีด นักต้มตุ๋นที่สมควรตายผู้นั้นดันรู้เรื่องลักเด็กด้วยหรือ
แต่เรื่องเช่นนี้ นางไม่กล้ายอมรับเป็นอันขาด ปฏิเสธการซักถามของฮูหยินหลิวอย่างเด็ดขาด
ฮูหยินหลิวแสยะยิ้ม “เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกหรือ ได้ บาปที่เจ้าทำ เจ้าก็รับไว้เอง ตอนคลอดบุตร เจ้าก็ขอพรให้เทพเจ้าคุ้มครองเจ้าเถิด”
นายหญิงใหญ่หลิวเห็นนางจากไปด้วยความโกรธ นางรู้สึกโมโหจึงโยนชุดถ้วยน้ำชาและแจกันเหม่ยเหรินสองใบลงกับพื้น แต่ก็คลายความเกลียดชังไม่ได้ กุมศีรษะตะโกนโวยวายอยู่หลายครั้ง
“นายหญิงใหญ่ นักพรตยินซานมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่หลิวหันกลับมา “รีบเชิญเข้ามา”
นักพรตยินซานถูกคนพาเข้าประตูมา เหลือบมองเศษกระเบื้องบนพื้น สีหน้านิ่งเฉย จากนั้นก็มองไปยังนายหญิงใหญ่หลิว พึมพำออกมา คีบยันต์หนึ่งแผ่นไว้ที่ปลายนิ้ว โยนไปที่นาง “ก็เพียงวิญญาณแค้น ยังกล้ามาพัวพันทำร้ายคนหรือ”
กรี๊ด
ผีสาวที่เกาะอยู่กับนายหญิงใหญ่หลิวกรีดร้องอย่างน่าสังเวช แยกเขี้ยวกางเล็บคำรามใส่นักพรต เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบยันต์ออกมาอีก ก็รีบกระโดดหนีออกไป
นายหญิงใหญ่หลิวมึนงงเล็กน้อย วิญญาณแค้นอะไร
“นักพรต เจ้ารีบช่วยข้าเร็วเข้า มีนักพรตกระจอกไม่ดูตาม้าตาเรือมาบอกว่าครรภ์ของข้ารักษาไว้ไม่ได้ เจ้าบอกว่าไม่มีอะไรผิดพลาดไม่ใช่หรือ”
นักพรตยินซานมองไปยังท้องของนาง เงยหน้าพลางเอ่ย “จะให้ปกป้องเจ้าย่อมได้ แต่ข้าต้องการเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ออกไปจากจวนของเจ้า”