บทที่ 1483 ต้องการไปขอบคุณเขา
“อวี้ซู เจ้ารู้จักคนที่หยุดม้าคนนั้นไว้ได้หรือไม่ เขาช่วยชีวิตเสี่ยวอี้ไว้ อย่างไรก็ตาม ข้าต้องไปขอบคุณเขาด้วยตนเอง” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างจริงจัง
ถานอวี้ซูกล่าวว่า “ข้ารู้จักเจ้าค่ะ เขาคือเสิ่นเหวินเจวี้ยน ลูกชายของเจ้าร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว”
ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับร้านขายผ้าจิ่นซิ่วอีกแล้ว?
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและมองไปที่กู้เสี่ยวอี้
กู้เสี่ยวอี้จงใจมองข้ามร้านขายผ้าจิ่นซิ่วและไปที่อื่นเพื่อซื้อด้ายสีทอง แต่ไม่คาดคิดว่านางจะได้พบกับใครบางคนจากร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว และคนคนนั้นยังได้ช่วยนางเอาไว้อีก
กู้เสี่ยวหวานนึกถึงครั้งสุดท้ายที่นางส่งคนไปซื้อด้ายสีทองที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ต้องมีความคิดอื่น
ครั้งนี้เขาช่วยกู้เสี่ยวอี้ไว้อีกครั้ง มันเป็นเพราะเขาบังเอิญหรือมีแผนการอะไรกันแน่
เป็นเพียงว่าพวกนางเพิ่งมาถึงเมืองหลวงและไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ ยกเว้นคนไม่กี่คนที่รู้ว่าพวกนางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ใครกันเล่าจะมาเล่นงานพวกนาง
เมื่อเห็นความคิดอันลึกซึ้งของกู้เสี่ยวหวาน ถานอวี้ซูถามอย่างงงงวยเล็กน้อย “ทำไมหรือ ท่านพี่รู้จักคนคนนี้หรือ”
จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็บอกถานอวี้ซูถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
เมื่อถานอวี้ซูได้ยินว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วทำแบบนั้นจริง ๆ ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย “พวกเขาบอกว่าจะคืนเงินให้พวกท่านหรือ!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ในตอนนั้น เขาขายผ้าให้เราและเขาที่รับเงินเราไป และตอนนี้ก็เป็นเขาคนเดียวกันที่ต้องการคืนเงินให้เรา ข้าคิดว่ามันแปลกมาก ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเป็นร้านใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะคิดเงินเพิ่มและขายผ้าที่เก็บไว้นานให้เราแล้วบอกว่าเป็นผ้าใหม่ นั่นก็เป็นเรื่องของการค้า มันเป็นสินค้าใหม่เอี่ยมและเป็นที่เข้าใจได้ มันเป็นของใหม่ ทำไมต้องคืนด้วย นอกจากนี้วัสดุที่ข้าซื้อในตอนนั้นไม่ใช่วัสดุธรรมดาจริง ๆ ดังนั้นราคาจึงสูงโดยธรรมชาติ”
“ท่านพี่ ข้าไม่เคยได้ยินว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วคืนเงินให้ใคร ในเมืองหลวงร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเป็นร้านขายผ้าอันดับหนึ่ง มีวัสดุมากมายที่แม้แต่ในพระราชวังก็ไม่มี ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้คนใช้เงินจำนวนมากไปกับร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเพียงเพื่อซื้อวัสดุใหม่ แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนว่าพวกเขาจะคืนเงินให้”
ถานอวี้ซูอธิบาย หากแต่นางก็ยังรู้สึกสับสน “แต่ทว่ามันก็จริง ทำไมถึงต้องการคืนเงินให้ท่านกัน? แม้ว่าจะเป็นวัสดุที่เก็บไว้เป็นเวลานาน แต่มันก็ยังใหม่ เขากลับไม่อยากขายออกไปและยังตามหาผู้ซื้อเพื่อคืนเงินอีก ยิ่งกว่านั้น ถ้าต้องการคืนเงินก็มอบให้อาโม่ไว้ก็ได้ ทำไมต้องมาด้วยตัวเองด้วยล่ะ?”
“นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าแปลก” กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเข้าใจความคิดของร้านขายผ้าจิ่นซิ่วได้
“ถ้าเขาช่วยเสี่ยวอี้ไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พรุ่งนี้ข้าจะไปขอบคุณเขา” กู้เสี่ยวหวานพูดและถานอวี้ซูก็พยักหน้า “แม้ว่าตระกูลเสิ่นนี้จะทำการค้า แต่ก็เป็นพ่อค้ารายใหญ่และชื่อเสียงในเมืองหลวงนั้นยอดเยี่ยมมาก”
พรุ่งนี้จะไปร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเพื่อแสดงความขอบคุณ ดังนั้นจึงต้องซื้อของล่วงหน้า กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าพวกเขาไม่ขาดแคลนสิ่งใด แต่นางต้องนำสิ่งของติดไม้ติดมือไปด้วย ถือเป็นการแสดงความขอบคุณจากนาง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน กู้เสี่ยวหวานยังคงวางแผนที่จะนำสิ่งของบางอย่างที่ผู้คนในเมืองหลวงมักจะใช้ไป แม้ว่าจะไม่ได้มีมูลค่ามากมาย แต่ก็ไม่ได้ดูหยาบคายและก็ดูจริงใจ
บุคคลนั้นช่วยชีวิตกู้เสี่ยวอี้ไว้ กู้เสี่ยวหวานจึงต้องมอบของขวัญให้เขาเป็นการขอบคุณ
หลังจากเตรียมสิ่งต่าง ๆ เสร็จก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงเตรียมตัวจะเข้านอนพักผ่อน แต่ทันใดนั้นก็ได้เสียงเคาะประตูเบา ๆ ที่ทำให้นางมีความสุขขึ้นมา
นี่คือเสียงเคาะประตูของฉินเย่จือ มันละเอียดอ่อนและนุ่มนวล แต่ทว่าก็ทรงพลังยิ่งนัก
นางวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่และใบหน้าอันหล่อเหลาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทันใดนั้น นางก็รู้สึกอยากจะร้องไห้จึงพุ่งตัวเข้าใส่อ้อมแขนของฉินเย่จือ
อาโม่ได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้กับฉินเย่จือแล้ว ฉินเย่จือรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานต้องอารมณ์ไม่ดีแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงย่อตัวลงอุ้มกู้เสี่ยวหวานขึ้น ก่อนจะหันหลังกลับไปปิดประตู แล้วเดินไปทางห้องด้านหลัง
เมื่อมาถึงห้องด้านหลัง เขาวางกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียง จากนั้นตัวเขาก็นั่งลงตรงขอบเตียงและถอดรองเท้าออก มือซ้ายโอบกู้เสี่ยววานไว้ในอ้อมแขน ลูบหลังของนางเบา ๆ วางคางของเขาบนหน้าผากของนาง สูดกลิ่นหอมจาง ๆ ทำให้จิตใจของเขาสงบลง
“หวานเอ๋อร์”
“พี่เย่จือ ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี ท่านรู้ไหมว่าชีวิตของท่านคือชีวิตของข้า ถ้าท่านเจ็บ ข้าก็เจ็บ” กู้เสี่ยวหวานซบศีรษะของนางไว้ที่คอของเขา ร้องไห้จนร่างกายสั่นเทาเหมือนลูกแมวบาดเจ็บ
หัวใจของฉินเย่จืออ่อนยวบและกอดลูกแมวในอ้อมแขนแน่น ฟังเสียงกระซิบของนาง ความรู้สึกห่วงใยของนางเหมือนอุ้งเท้าลูกแมวที่ข่วนหัวใจทำให้เขาจั๊กจี้
ปลายจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นอันหอมหวาน ทันใดนั้น ความลำบากและความทุกข์ยากทั้งปวงก็หายไป
“จะยศถาบรรดาศักดิ์หรืออะไรไม่สำคัญ ขอเพียงให้คนรอบข้างอยู่ดีมีสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ”
กู้เสี่ยวหวานสะอื้น
นางเพิ่งรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ทอง เงิน เพชร พลอย หรือบ้านเป็นพันหลัง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคนที่ข้ารักยังอยู่เคียงข้างและหัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุข
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ฉินเย่จือรู้สึกสะเทือนใจมากและกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น น้ำตาก็ไหลลงมาพร้อมกับกู้เสี่ยวหวานอย่างช่วยไม่ได้
นับตั้งแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เสียชีวิตและมอบอำนาจทางการทหารให้กับตัวเอง เขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบเลยแม้แต่วันเดียว