รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1027 เจ้าบ้าไปแล้วหรือ บังอาจกล่าวถึงผู้นั้น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1027 เจ้าบ้าไปแล้วหรือ บังอาจกล่าวถึงผู้นั้น!

ตู้มมม!

ต้นหลิวปะทะกับผู้อาวุโสคนนั้น บังเกิดเป็นคลื่นพลังมหาศาล พวกเขาสู้กันตั้งแต่บนดินสู่บนฟ้า แล้วสู้จากผืนฟ้าไปสู่ผืนอวกาศ ภาพการต่อสู้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด!

ม่านตาผู้อาวุโสคนนั้นหรี่ลง สายตาทอประกายตะลึงงันยิ่งยวด

เหตุใดถึงแข็งแกร่งได้ปานนี้?

ผู้อาวุโสคนนั้นแทบเชื่อไม่ลงเลย พลังของต้นหลิวเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!

เขาอยู่เหนือล้ำขีดขั้นสิบห้าไปแล้ว บรรลุขอบเขตซึ่งอยู่เหนือขอบเขตล้ำขีด ซ้ำยังอยู่ในขั้นอันลึกล้ำอีกด้วย เขาผู้เป็นเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางมี ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ตนใดหยุดยั้งเขาได้!

ทว่าเขากลับถูกต้นหลิวหยุดไว้ โจมตีอย่างไรก็ไร้ผล ไม่อาจทำร้ายต้นหลิวได้แม้เศษเสี้ยว!

มีภูมิหลังอย่างไรกัน!

เขาไม่อาจเชื่อได้จริง ๆ!

‘ที่นี่ได้ปรมาจารย์ทั้งหลายร่วมแรงสร้างขึ้นไม่ใช่หรือ มีเพดานอยู่ เหตุใดเขาถึงทลายเพดานขึ้นไปได้อีก!’

หัวใจเขาเต้นรัวแรง นึกถึงวาจาที่ประมุขนิกายเคยเอ่ยต่อเขา

ประมุขนิกายเคยกล่าวว่า โลกมายา…ดินแดนเก่าลงท้ายก็เป็นเพียงสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมา แตกต่างจากโลกแห่งความจริง ปรมาจารย์ทั้งหลายไม่ได้เปิดให้มีพลังขอบเขตสูงมากนัก มีการตั้งขีดจำกัดไว้ในดินแดนเก่าเพื่อล้อมกรอบ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ นั่นก็เพื่อไม่ให้ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ มีขอบเขตสูงเกินไปจนเป็นภัยต่อโลกแห่งความจริง หรือก็คือดินแดนใหม่

ทว่าบัดนี้ เขากลับได้เห็นข้อยกเว้น!

เห็นได้ชัดว่าต้นหลิวทลายเพดานขีดจำกัดที่ประมุขนิกายเคยเล่าให้เขาฟังแล้ว!

‘ในอดีต ข้าเคยมองว่าบรรดาปรมาจารย์คิดมากเกินไป ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ เป็นเพียงของเทียมเท่านั้น ไม่มีทางเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตอันแท้จริง แล้วไฉนเลยจะส่งผลร้ายต่อโลกแห่งความจริง ดินแดนใหม่ได้เล่า’

‘บัดนี้ดูแล้ว ข้าไร้เดียงสาเกินไป! ความกังวลของเหล่าปรมาจารย์มีความจำเป็นอย่างยิ่ง มีโอกาสที่ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ เป็นอันตรายต่อโลกแห่งความจริง!’

‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิด!

อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “มีก้านหลิวชะล้างอยู่ ต้นหลิวคงไม่ต้องหวั่นเกรงต่อศัตรูหน้าไหน ไปเถิด พวกเราเข้าไปดูในสุสานโบราณกันหน่อย”

ก้านหลิวชะล้างเป็นของจากบรรพจารย์ฝู เขามั่นใจในตัวบรรพจารย์ฝูมาก นั่นคือบุคคลระดับสูงอย่างแท้จริง อยู่เหนือสวรรค์ทั้งปวง

แล้วเขากับพวกลั่วสุ่ยก็ก้าวไปทางสุสานโบราณ

ในอาณาจักรแห่งหนึ่ง

บรรพจารย์ฝูกำลังแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงกับผู้อื่น

นั่นเป็นยอดฝีมือหลังฉากกลุ่มหนึ่ง ทรงพลังกล้าแข็ง ด้วยพลังของตัวเขาเองสู้ไม่ได้แม้แต่กับผู้ที่อ่อนแอที่สุด

ทว่าสุดท้ายก็เป็นเขาที่ได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงไป ยอดฝีมือหลังฉากเหล่านี้ถูกเล่นงานจนหนีไปหมดแล้ว

“ฮ่า ๆ ไม่เลว ๆ การวิเคราะห์ของข้าถูกต้องจริง ๆ ในแง่หนึ่ง ข้านั้นเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!”

เขาเก็บวาสนาการเปลี่ยนแปลงไว้อย่างเบิกบาน อย่าให้เอ่ยเลยว่าปีติเพียงใด

แน่นอนว่าที่เขาได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงมา ทั้งยังเล่นงานยอดฝีมือหลังฉากจนเผ่นราบล้วนเป็นเพราะเขามีพลังบ่วงกรรมมีรูปมีร่างติดตัว

บ่วงแห่งเหตุและผล มีเหตุย่อมต้องมีผล เขามีเหตุแล้ว ทว่าผลยังไม่ปรากฏ นั่นหมายความว่าก่อนผลปรากฏ เขาไม่มีทางเกิดเรื่อง

ถึงอย่างไร เขาก็ต้องยอมรับเหตุที่ก่อไว้ก่อนหน้า!

ตู้ม!

ขณะที่เขากำลังเปรมปรีดิ์ยินดีอยู่ จู่ ๆ เสียงสายฟ้าก็ดังมาจากนภา ทำเอาตกอกตกใจจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า

พลันสายฟ้าน่ากลัวถึงขีดสุดฟาดผ่าลงมาหาเขามากมายประหนึ่งน้ำตาอสนีบาต

เขาตระหนกจนแทบปัสสาวะราด คิดว่าต้องตายอยู่ใต้น้ำตกอสนีบาตนี้แล้ว สุดท้ายหลังน้ำตกอสนีบาตฟาดผ่าตัวเขา แต่เขากลับไม่เป็นอันใด

“พลังบ่วงกรรมมีรูปมีร่างอีกแล้ว!”

เขาร่ำไห้ในบัดดล สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคย นี่ไม่ใช่น้ำตกอสนีบาตอย่างแท้จริง หากแต่เป็นพลังบ่วงกรรมที่กำเนิดรูปร่าง

“ข้าไปยุ่งกับผู้ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการคนไหนกันนี่!”

เขาร้องไห้จนหยุดไม่อยู่ ความยินดีก่อนหน้ามลายหายไป

พลังบ่วงกรรมที่กำเนิดรูปร่างออกมาในคราวนี้ทวีความน่าพรั่นพรึงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้สึกว่าเขาใกล้จบเห่แล้ว น่ากลัวว่าผลกำลังจะเกิดขึ้นกับเขาแล้ว!

“ไม่ฝึกฝนแล้ว ยังต้องฝึกอะไรอีก วาสนาการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่เอาแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ใกล้ตายแล้ว!”

เขาทิ้งวาสนาการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เพิ่งได้มา

บรรพจารย์ฝูในยามนี้หมดอาลัยตายอยาก มองว่าตนเองใกล้ตายแล้วแต่ยังมัวฝึกตนแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลง น่าขันสิ้นดี

“ไปละ ก่อนไปขอเชยชมโลกนี้ให้ดี! โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ มีอาณาจักรอยู่นับหมื่น มีจักรวาลโกลาหลอีกนานัปการ มีเทวโลกเก้าชั้น เบื้องบนเทวโลก แล้วยังมีโลกหลังฉาก…”

เขาพึมพำกับตนเอง “มีอีกหลายที่ที่ข้าไม่เคยไป ไม่สู้ถือโอกาสก่อนตายออกท่องเที่ยวไปทั่ว!”

จากนั้นเขาก็ไปจากที่แห่งนี้ เตรียมท่องเที่ยวไปทั่ว

“เฮ้อ ก่อนตายไปได้ไกลแค่ไหนก็เอาแค่นั้นแล้วกัน!”

บรรพจารย์ฝูถอนหายใจเฮือกใหญ่

‘ผล’ สยดสยองปานนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขารับไหว ทันทีที่ ‘ผล’ ปะทุ เขาต้องตายอย่างไร้ที่ฝังร่าง

ขณะเดียวกัน พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปในสุสานโบราณ

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามาอย่างราบรื่น ผู้อาวุโสคนนั้นเห็นว่าพวกหลี่จิ่วเต้าทำท่าจะเข้าไปในสุสานโบราณ ร่างต้นของเขาก็รีบอาศัยกระจกสัมฤทธิ์โบราณจู่โจมสกัดไม่ให้พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไป

ทว่าทุกอย่างล้วนไม่เป็นผล

หลี่จิ่วเต้าเรียกกระบี่ฉุนจวินออกมา แสงกระบี่ส่องสะท้อนไปทั่วหล้า ลบล้างการโจมตีทั้งหมดได้ง่ายดาย

สุสานโบราณมีประตูหน้าบานหนึ่ง สร้างขึ้นด้วยประตูหินยักษ์ใหญ่สองบาน บัดนี้ปิดสนิท พลังเกินจินตนาการไหลเวียนอยู่บนนั้น สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่มีทางเปิดออก

ต่อให้เป็นผู้เบิกทางท่านนั้นยังเคยเสียเปรียบกับประตูหน้าบานนี้ ไม่ว่าใช้วิชาใดล้วนไม่อาจทลายประตูหน้าบานนี้ออก

ทว่าสิ่งเหล่านี้ต่างไม่ใช่เรื่องใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า

กระบี่ฉุนจวินวาดผ่าน ประตูหินยักษ์ใหญ่สองบานระเบิดแหลกลาญในบัดดล ยากจะต้านทานพลังจากกระบี่ฉุนจวิน

“แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วจริง ๆ!”

ในดินแดนใหม่ ร่างต้นของผู้อาวุโสคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ ไม่มีแก่จิตแก่ใจพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างร่างภาพฉายของเขาและต้นหลิวอีก

“ยามนี้เป็นช่วงสำคัญที่ท่านบรรพจารย์รอวันคืนชีพ สุสานโบราณไม่อาจเคลื่อนไหว พลังของมันก็มิอาจสำแดงออกมา ไม่ใช่ว่า ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ เดนตายเหล่านี้จะทำลายการคืนชีพของท่านบรรพจารย์จริง ๆ!”

เขาไม่ลังเล รีบขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในนิกาย ทั้งยังติดต่อประมุขนิกายทันทีและบอกเล่าเหตุการณ์ด้านนี้

“ว่าอะไรนะ! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!?”

ประมุขนิกายตกตะลึง เร่งรุดเข้ามาที่นี่ ผู้อาวุโสคนอื่นในนิกายก็รีบมาอย่างรวดเร็วที่สุดเช่นกัน!

“หยุดพวกเขาไว้!”

ประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสฉายภาพตนเองผ่านกระจกสัมฤทธิ์โบราณอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างภาพฉายหยุดยั้งพวกหลี่จิ่วเต้า

ชั่วขณะนั้น ร่างภาพฉายของพวกเขาล้วนปรากฏที่นี่ ก่อนที่จะบุกเข้าไปยังสุสานโบราณอย่างรวดเร็ว!

ตู้ม!

ทว่าในเวลานั้นเอง ก้านหลิวมากมายนับไม่ถ้วนก่อร่างเป็นกำแพง จรดลงเบื้องหน้าประตูหน้าสุสานโบราณ ขวางทางไปของร่างภาพฉายเหล่านี้

“ไสหัวไป!”

“ฆ่า!”

พวกประมุขนิกายเดือดดาลเหลือแสน ระเบิดพลังทั้งหมดหมายจะระเบิดกำแพงที่ก่อด้วยก้านหลิว!

น่าเสียดายที่พวกเขาทำไม่สำเร็จ!

พลังทั้งหมดของพวกเขากระแทกบนกำแพงซึ่งก่อขึ้นด้วยก้านหลิว และไม่ส่งผลใด ๆ ใบหลิวสักใบบนกำแพงก้านหลิวยังไม่มีร่วงหล่น

“แค่ร่างภาพฉายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ริอ่านกำแหงต่อหน้าคุณชาย!? พวกเจ้า…จงหายไปเสีย”

ต้นหลิวมาถึงพร้อมดาบใหญ่ในมือ นี่คือดาบใหญ่ซึ่งก่อร่างขึ้นจากก้านหลิวชะล้าง แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล

มันบุกเข้าไปตรง ๆ พริบตาที่ตวัดดาบไม่มีผู้ใดหยุดยั้งมันได้ ถูกมันกำจัดจนสิ้น!

“บัดซบ! พลังของกระจกสัมฤทธิ์โบราณมีจำกัด ไม่อาจฉายสะท้อนพลังทั้งหมดของพวกเราออกไป มิฉะนั้น มันไฉนเลยจะจองหองได้ปานนั้น!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งขบฟันเอ่ย

พวกเขามีกันมากเกินไป ซ้ำยังมีขอบเขตพลังสูงส่ง กระจกสัมฤทธิ์โบราณยังไม่สามารถฉายสะท้อนพลังทั้งหมดของพวกเขาออกไป

หากพวกเขาสามารถฉายสะท้อนพลังทั้งหมดเข้าไป ก็มั่นใจว่าจะสังหารต้นหลิวได้ในพริบตา

ทว่าพวกเขาก็ยังตกตะลึง

แม้ว่ากระจกสัมฤทธิ์โบราณจะไม่อาจฉายสะท้อนพลังทั้งหมดของพวกเขาออกไป แต่ก็ฉายไปแล้วราว ๆ เจ็ดส่วน พวกเขาในระดับนั้นไฉนเลยจะจัดการ ‘สิ่งมีชีวิตมายา’ ตนหนึ่งไม่ได้!?

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่เพียงแต่จัดการต้นหลิวไม่ได้ ทว่ากลับถูกต้นหลิวจัดการในเสี้ยวลมหายใจ!

นี่มันเรื่องอะไรกัน!

‘สิ่งมีชีวิตมายา’ แข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้นับว่าเกินความคาดหมายพวกเขาไปจริง ๆ!

“เรื่องน่ากลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นแล้วหรือ?!”

ประมุขนิกายเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหลือคณา

ความแข็งแกร่งของต้นหลิวเหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน ทลายเพดานโลกมายาได้อย่างสิ้นเชิง!

ส่งผลให้เขาอดนึกถึงบทสนทนาระหว่างปรมาจารย์สองท่านไม่ได้

ปรมาจารย์สองท่านนั้นเป็นคนในนิกายของเขา วันนั้น เขากำลังนั่งฟังคำสอนสั่งจากปรมาจารย์ท่านหนึ่ง สุดท้ายมีปรมาจารย์อีกท่านมาถึง ก่อนจะมีปากเสียงกับปรมาจารย์ท่านนี้

เนื้อหาที่พวกเขาทะเลาะกันเกี่ยวข้องกับโลกมายาทั้งหมด

หนึ่งในปรมาจารย์เอ่ยว่าโลกมายาดินแดนเก่าไม่ควรถูกแพร่งพราย มิฉะนั้น มันจะต้องเกิดเรื่องใหญ่

“ไฉนเลยจะเกิดเรื่องใหญ่ได้ ผ่านไปแล้วตั้งเนิ่นนาน สิ่งมีชีวิตในดินแดนใหม่แทบไม่รู้เรื่องดินแดนเก่าเลย นอกจากนี้ ผ่านมานานขนาดนี้ยังไม่เคยเกิดเรื่องกับดินแดนเก่า ร่องรอยทั้งหมดคงถูกลบทิ้งไปแล้ว!”

ปรมาจารย์อีกท่านแย้ง

“อีกอย่าง ไม่ส่งเข้าดินแดนเก่า แล้วจะให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายผู้ล่วงลับคืนชีพอย่างไร? มีเพียงดินแดนเก่าถึงช่วยให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องผู้ล่วงลับกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้!”

ปรมาจารย์ท่านนั้นกล่าวต่อ

“เจ้ากำลังเล่นกับไฟ! เจ้ากับข้าต่างรู้ดีว่าดินแดนเก่าคืออะไร หากเกิดเรื่องจริง พวกเราต้องตายกันหมด!”

ปรมาจารย์ท่านนั้นเอ่ยอย่างมีน้ำโห

ปรมาจารย์อีกท่านส่ายหน้า “ข้ามีหรือจะไม่รู้ว่าพวกเรากำลังเล่นกับไฟ เพียงแต่พวกเรามีหนทางอื่นหรือ หากเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่คืนชีพขึ้นมา พวกเราจะสู้กับฝ่ายนั้นอย่างไร พวกเราสูญเสียปรมาจารย์มากเกินไป จำต้องชุบชีวิตปรมาจารย์เหล่านี้ขึ้นมา หาไม่แล้ว สุดท้ายพวกเราก็สู้ฝ่ายนั้นไม่ได้ ถูกฝ่ายนั้นฆ่าล้างไม่เหลือ!”

“ผิดเพียงหนึ่งก้าว ย่อมผิดทุกก้าว ข้าสำนึกเสียใจอย่างที่สุด! ตอนนั้นพวกเราไม่ควรทำเช่นนั้นเลย!”

ปรมาจารย์ท่านนั้นดูอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างมาก “หากในอดีตพวกเราไม่ทำเช่นนั้นกับผู้นั้น ยามนี้พวกเราไฉนเลยจะตกที่นั่งเช่นนี้!”

“พอ! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ บังอาจกล่าวถึงผู้นั้น!”

หลังปรมาจารย์อีกท่านได้ยินวาจาของปรมาจารย์ท่านนี้ก็อารมณ์พลุ่งพล่านยิ่งกว่า รีบห้ามปรามปรมาจารย์ท่านนี้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำล้วนเพื่อลบล้างร่องรอยของผู้นั้น ปรมาจารย์ท่านนี้กลับยังกล้ากล่าวถึงผู้นั้น เขานึกอยากฆ่าคนจริง ๆ อยากเชือดปรมาจารย์ท่านนี้ทิ้งเสีย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท