บทที่ 1029 ซือจวิ้น
ฉู่ชูเหยียนพูดไม่ออก
แม้ว่าสิ่งที่ซูอันพูดจะเป็นความจริงในระดับหนึ่ง แต่ก็น่าทุบเข้าให้สักป้าบ!
สีหน้าของซูอันเริ่มจริงจังขึ้น “โอ้… ใช่ จากที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ เจ้าจะกลับเมืองจันทร์กระจ่างแล้วเหรอ?”
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้า กัดริมฝีปากของนาง “ถูกต้อง ปัญหาเกี่ยวกับสมุดบัญชีทำให้ข้าอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หลังจากนั้นข้าก็วิ่งไปทุกที่เพราะเจ้า เลยไม่มีโอกาสกลับไปที่เมืองจันทร์กระจ่าง ตระกูลฉู่ได้ผ่านพ้นวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดไปแล้วก็จริง แต่ทั้งจักรพรรดิและราชันลมปราณจะยังไม่หยุดแค่นี้ ความทุกข์ยากที่ผ่านมาได้ทำให้ตระกูลฉู่อ่อนแอลงอย่างรุนแรง มีหลายสิ่งที่ต้องดูแลมากเกินไป ถ้าข้าไม่กลับไปตระกูลฉู่อาจล่มสลาย”
ฉู่จงเทียนค่อย ๆ โอนอำนาจส่วนใหญ่ในทรัพย์สินของตระกูลฉู่มาไว้ในมือของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางเป็นคนจัดการการดำเนินงานของตระกูลฉู่ ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้การดำรงอยู่ของนางเป็นเรื่องสำคัญ
ซูอันถอนหายใจ “แม้แต่เจ้าก็ยังทิ้งข้า ทุกคนจากข้าไป…”
คนสนิทของเขาเริ่มจากไปทีละคน เขาเคยประสบกับความเจ็บปวดนี้มามากพอแล้ว
หากฉู่ชูเหยียนจากไปเช่นกัน เมืองหลวงถึงแม้จะคึกคักไปด้วยกิจกรรม แต่ก็ดูไม่มีอะไรมากไปกว่าคุกที่โดดเดี่ยว
ฉู่ชูเหยียนเม้มปากเมื่อรู้สึกถึงความเศร้าของเขา “อาซู แม้ว่าข้าจะตัดสินใจกลับไปที่เมืองจันทร์กระจ่างแล้ว แต่ข้าจะอยู่ในเมืองหลวงกับเจ้าอีกสักพัก”
อารมณ์ของซูอันดีขึ้นทันที เขาหัวเราะและกอดนาง “ภรรยาของข้ายังคงดีที่สุด”
ฉู่ชูเหยียนตีทุบหน้าอกเขาเบา ๆ อย่างสนุกสนาน “เจ้าทำเหมือนรู้จักภรรยาของคนอื่น”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ทำไมข้าถึงต้องไปรักและเอาอกเอาใจภรรยาของคนอื่น?”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในคำพูดของเขา ก่อนที่นางจะถามต่อ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “อาซู หยุด…”
นางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากกิจกรรมร่วมรักเมื่อครู่ของพวกเขา
ซูอันไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เทพธิดาที่เย็นชาและห่างไกลของเขาร้องขอความเมตตาด้วยสายตา เขาอุ้มนางไปที่หน้าต่าง
“เจ้าไปรู้วิธีพวกนี้มาจากไหน…?” ฉู่ชูเหยียนกล่าว น้ำเสียงของนางสั่นเทาด้วยความเขินอายและประหม่า สามีคนนี้ดูเหมือนมีประสบการณ์มากเกินไป
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซูอันจะตอบคำถามอันตรายได้ คำพูดที่ไพเราะของเขาอาจทำให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์อื่น ๆ แต่ตอนนี้ การกระทำมีประโยชน์มากกว่ามาก
ในตอนแรก ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วแน่นราวกับต้องทนกับการทดสอบที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดระหว่างคิ้วของนางคลายลงอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความสุขอย่างล้นเหลือที่ได้รับจากผู้เป็นสามี…
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่ชูเหยียนช่วยซูอันแต่งตัวอย่างอ่อนโยน นางเป็นแบบอย่างที่ดีของภรรยาสาวที่เอาใจใส่
ฉู่โหยวเจายืนอยู่ด้านข้าง มองดูทั้งสองคนแสดงความรักต่อกันด้วยรอยคล้ำรอบดวงตา
เป็นความผิดของพี่ใหญ่ที่ข้าต้องอยู่ข้างนอกทั้งคืน
แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะดูแปลกสำหรับนาง แม้ว่าทั้งสองคนจะพลิกผันกันทั้งคืน แต่ทั้งคู่ก็ดูเต็มไปด้วยพลังชีวิต ในขณะที่นางกลายเป็นคนซีดเซียว
โดยเฉพาะพี่สาวคนโตของนางช่างเปล่งประกาย!
นางคุ้นเคยกับความงามของฉู่ชูเหยียนเป็นอย่างดี ตอนนี้พี่ใหญ่ของนางสูญเสียความเย็นชาตามปกติไปหมดแล้ว แต่กลับดูเย้ายวนอย่างยิ่งแทน นี่ยังเป็นพี่ใหญ่คนเดิมของนางอยู่หรือเปล่า?
…
หลังจากที่ซูอันออกไปรายงานตัวในตอนเช้า ฉู่ชูเหยียนจึงพาน้องสาวกลับไปที่ตระกูลฉิน
ระหว่างทางฉู่โหยวเจาจ้องมองพี่ใหญ่ของนาง ฉู่ชูเหยียนรู้สึกสับสน “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ฉู่โหยวเจา มีสีหน้าแปลก ๆ “พี่ใหญ่ ท่านเดินแปลก ๆ”
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง “ข้าเหรอ?”
“ใช่” ฉู่โหยวเจาพยักหน้าแสดงท่าทีจริงจัง นางใช้นิ้วชี้ “ขาของท่านเคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ มันเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะมีช่องว่างระหว่างพวกมันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเห่อร้อน “เจ้าเห็น!” แน่นอนว่ามีพื้นที่ว่างระหว่างต้นขาทั้งสองมากขึ้น! หลังจากถูกเขาทรมานตลอดทั้งคืน นางจึงเดินขาโก่งในที่สุด…
ฉู่โหยวเจาลดเสียง “อย่างไรก็เถอะ พี่ใหญ่ ทำไมมาทำกันที่หน้าต่าง? พวกท่านรบกวนการพักผ่อนของคนอื่นรู้ไหม?”
นางเดินออกไปหลังจากพูดแบบนี้
ในที่สุดฉู่ชูเหยียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เด็กเลว หยุดตรงนั้น!”
…
ขณะที่พี่น้องทั้งสองกำลังวิวาทกัน ซูอันก็มาถึงพระราชวังหลวง
เขากำลังจะเข้าไปข้างในแต่ถูกเจ้าหน้าที่หยุดไว้ “เครื่องแบบของเจ้าไม่เป็นระเบียบ ถอยหลัง!”
ซูอันตกตะลึง “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
อะไร? ชูเหยียนช่วยข้าจัดเสื้อผ้าและข้าไม่เคยแต่งตัวดีเท่านี้มาก่อน กล้าดีอย่างไรมาอ้างว่าเสื้อผ้าข้าไม่เป็นระเบียบ?
เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ดูอายุประมาณสามสิบต้น ๆ รูปร่างหน้าตาค่อนข้างดี หนวดยาวโค้งงอนดูมีวิชาการ
“ข้าคือเจ้าหน้าที่ประตูหวงที่มาสับเปลี่ยนในวันนี้ และข้ามีหน้าที่เฝ้าสังเกตการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ทุกคน” เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ซูอันรู้สึกงุนงง ราชันลมปราณล้างแค้นเขาแบบนี้เหรอ?
เขาลดความรู้สึกไม่พอใจและถามว่า “ท่านเจ้าหน้าที่ ผู้น้อยขอถามว่าส่วนใดของเครื่องแบบของข้าที่ไม่เป็นระเบียบ?”
เจ้าหน้าที่หนวดยาวตอบอย่างเฉยเมยว่า “ถ้าข้าบอกว่าเสื้อผ้าของเจ้าไม่เป็นระเบียบ มันก็ไม่เป็นระเบียบ ไปตรงโน้นและจัดการให้เรียบร้อย อย่ามาเดินเตร่แถวนี้ เกะกะขวางทางเจ้าหน้าที่คนอื่น”
เจ้าหน้าที่ที่เข้าแถวด้านหลังซูอันรู้สึกไม่มีความสุข กระตุ้นให้เขาออกไปจากแถว ซูอันเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิงในขณะที่มองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าหน้าที่หนวดยาว “เสื้อผ้าของข้าไม่เป็นระเบียบ ตราบใดที่เจ้าบอกว่าไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”
เจ้าหน้าที่หนวดยาวผายมือไปทางวังและพูดอย่างเย็นชาว่า “นี่คืออำนาจที่ราชสำนักมอบให้ข้า เมื่อพูดถึงการตรวจสอบระเบียบของเจ้าหน้าที่ ข้าต้องเป็นคนสุดท้าย”
“นี่หมายความว่าเจ้าตั้งใจจะก่อกวนข้าใช่ไหม?” ซูอันถาม
“ข้าบังคับใช้กฎอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด ข้าจะก่อกวนเจ้าทำไม? อย่างนี้ถ้าข้าบอกว่าคนไหนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยอีกก็เท่ากับว่าข้าก่อกวนทุกคนงั้นสิ? ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง เจ้าควรไตร่ตรองการกระทำของตัวเองแทนที่จะโทษผู้อื่น”
ซูอันรู้สึกตกใจ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินวลี ‘ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง’ จากคนบนโลกแห่งการบ่มเพาะนี้
เจ้าหน้าที่หนวดยาวพูดซ้ำอย่างไม่อดทน “ตอนนี้เจ้าทำให้ทุกคนเสียเวลาตามกฎแล้ว เจ้าควรถูกลงโทษให้ยืนเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เจ้าหน้าที่คนอื่น!”
แม้จะเป็นเวลาเช้า แต่พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว การยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่มันน่าอับอายอย่างมาก ท้ายที่สุด มีเพียงข้าราชสำนักเท่านั้นที่ผ่านประตูพระราชวังแห่งนี้ หากพวกเขาเห็นเหตุการณ์ ซูอันจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งราชสำนัก
ดวงตาของซูอันหรี่ลง “ข้าขอถามว่าเจ้าชื่ออะไร?”
“อะไรนะ เจ้าจะเอาคืนข้าทีหลังเหรอ?” เจ้าหน้าที่หนวดยาวมีท่าทางดูหมิ่นขณะที่ประกาศว่า “ข้าจะไม่ให้ชื่อปลอม ข้ามีนามว่า ซือจวิ้น! ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ถูกตัดสินอย่างเป็นกลาง เจ้าไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ไม่ว่าวันนี้เจ้าจะบ่นหรือลงไปร้องไห้กับพื้นอย่างไร”
“ซือจวิ้น?” ซูอันรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและถามว่า “เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับซือคุน?”
เจ้าหน้าที่หนวดยาวมองเขาอย่างเย็นชา หลังจากหยุดไปนาน เขาก็พูดว่า “ซือคุนเป็นน้องชายของข้า”
ซูอันคิดในใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าคิดว่าผู้ชายคนนี้หน้าคุ้น ๆ ที่แท้เขาเป็นพี่ใหญ่ของซือคุนผู้นั้น!