ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 289 บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 289 บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!

นักดาบคนนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่หน้าซีดเผือด

“ทำไมไม่หัวเราะล่ะ?”

ศิษย์ของยอดเขาหลอมศาสตราคนหนึ่งลูบหัวล้านของตัวเอง แล้วส่งข่าวใหญ่ให้ทุกคน

“หัวเราะไม่ออกแล้วใช่ไหม? หึ! พวกข้าโดนขโมยเข้าสำนัก ส่วนพวกเจ้าก็ไม่รอด ไม่เหลือโอสถแม้แต่ขวดเดียวเลยใช่ไหมล่ะ? เหอะ…”

พวกนักดาบที่เพิ่งเยาะเย้ยไปเมื่อครู่ “…”

จริง ๆ แล้วก็หัวเราะไม่ค่อยออก

แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากยอดเขาหลอมศาสตราและสำนักจ้านเจี้ยนถูกปล้นแล้ว สำนักอินเมี่ยวก็ถูกมือดีเล่นงานเช่นกัน ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ในพุทธวิหารก็หายไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นของล้ำค่ามาก!

ทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนต่างหวาดผวา กลัวว่าสำนักของตนเองจะเป็นรายต่อไป

“จะเป็นไปได้ไหมว่าเขตแดนปีศาจจะเปิดออกแล้ว?” สยงฉีเลวี่ยกังวลใจ ผู้ที่มีความสามารถบุกเข้าไปขโมยโอสถและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ในสำนักใหญ่ต่าง ๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ต้องมีระดับการบำเพ็ญเหนือกว่าขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แน่นอน!

ศัตรูอยู่ในความมืด พวกเขาอยู่ในที่สว่างจึงเสียเปรียบมาก

“เขตแดนปีศาจยังไม่ได้ถูกเปิด” ผู้อาวุโสมู่เม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้ว คิดไม่ออก…

ในระหว่างที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่กำลังหารือกันก็มีข่าวมาอีกว่า หอจี้ซื่อที่กระจายอยู่ทั่วโลกผู้บำเพ็ญเซียนถูกปล้นจนเกลี้ยงไปครึ่งหนึ่ง

“ดี! ดีนัก! ขโมยได้ดีจริง ๆ!” อาจารย์ใหญ่ตบมือหัวเราะ เขาเห็นใจสำนักอื่น ๆ ที่ถูกขโมย แต่ถ้าเป็นหอจี้ซื่อโดนบ้าง เขารู้สึกอยากจะจัดงานฉลองเลยทีเดียว!

“เอ่อ… คลังของสำนักเราก็ถูกขโมยไปด้วย” คำพูดของเถาวั่งทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของอาจารย์ใหญ่ค่อย ๆ แข็งทื่อ

เดิมทีคิดว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน ที่แท้กลับเป็นศัตรู!

“มีศิษย์คนไหนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” อดีตอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักกลั่นโอสถเหอตงถามขึ้น

“ดูเหมือนพวกเขาจะขโมยแค่โอสถและสมุนไพรวิญญาณ ไม่ได้ทำร้ายใครสักคน และไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เลย”

บรรดาผู้ผู้อาวุโสของสำนักที่มารวมตัวกันต่างเงียบกริบ

หากแค่ช่วยชีวิตคนธรรมดา เพียงแค่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จากพุทธวิหารก็เพียงพอที่จะชุบชีวิตศพให้ฟื้นคืนชีพได้แล้ว

ไม่ว่าทุกคนจะคิดจนปวดหัวก็ไม่มีใครหาเหตุผลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขายังส่งปรมาจารย์ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ไปเฝ้ายามในสำนักที่ยังไม่ถูกขโมย แต่ก็ยังป้องกันกลุ่มโจรผู้บ้าระห่ำที่ขโมยโอสถไม่ได้!

ดูเหมือนว่ากลุ่มโจรขโมยโอสถต้องการจะขโมยโอสถทั้งหมดในโลกผู้บำเพ็ญเซียนเป็นแน่!

ในตอนนี้มีข่าวร้ายได้ถูกแพร่ออกมาอีกว่า สำนักหลานเทียนก็ถูกปล้นเช่นกัน…

หลิงเยว่ “…”

บ้าไปแล้ว!

นี่คือเสียงในใจของทุกคน

“บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!”

บรรพจารย์เล่อเหอโกรธจัดพลันทุบโต๊ะจนแตก จากนั้นจึงฉีกมิติหายตัวไปต่อหน้าทุกคน ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเขาไปไหน คงไปจับขโมยน่ะสิ!

“ท่านบรรพจารย์เล่อเหอจะจับตัวได้จริง ๆ หรือ?” อวี้เจินยังคงสงสัย มีผู้บำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายไปตามจับโจรแล้ว แต่โจรผู้นั้นเจ้าเล่ห์เกินไปจนไม่มีใครจับได้เลย

“หาไม่เจอ”

ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นอาจารย์ของตัวเอง แต่โม่จวินเจ๋อก็ไม่อาจวางใจได้

“จุดประสงค์หลักของพวกเขาคงไม่ใช่อยากจะขับไล่ปรมาจารย์ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ที่คอยปกป้องสนามรบโบราณเฉียนซีอยู่กระมัง?”

ติงหลิวหลิ่วที่คิดว่าทุกเรื่องมักจะเป็นไปในทางที่แย่ที่สุด นางรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจแล้ว บางทีใต้สนามรบโบราณอาจจะเชื่อมต่อกับทางเข้าเขตแดนปีศาจ พวกมันอาจกำลังรอให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งหมดออกไป แล้วค่อยออกมาก่อเรื่องก็ได้!

“ใต้สนามรบไม่มีทางเข้าเขตแดนปีศาจ”

หลิงเยว่ปฏิเสธคำพูดของติงหลิวหลิ่ว ก่อนหน้านี้เสวียนอู่พานางลงไปแล้ว มีแต่รากของต้นไม้ใหญ่ ไม่เห็นทางเข้าทางออกอะไรเลย

เหตุการณ์ขโมยโอสถที่กวาดไปทั่วโลกผู้บำเพ็ญเซียน ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนพายุฝนที่กำลังจะมา ราวกับว่าจะมีเรื่องใหญ่ที่ทุกคนคาดไม่ถึงเกิดขึ้น

ตอนที่ทุกคนคิดว่ากลุ่มขโมยโอสถ จะขโมยทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนจนหมด พวกเขากลับหยุดมือ

อิงหลงที่หายไปนานก้าวเดินอย่างสง่างาม แล้วเปิดประตูห้องบำเพ็ญของหลิงเยว่ออก

หลิงเยว่ที่กำลังทำสุราปราบมารสูตรพิเศษกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ นางจึงไม่ได้สนใจอิงหลง

หลังจากอิงหลง เสวียนอู่ ชิงหลง และกิเลนไฟมาถึง พวกเขาไม่ได้รบกวนหลิงเยว่ แต่เริ่มสื่อสารกันด้วยสายตา ดวงตาของกิเลนไฟเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จากพุทธวิหารอยู่ในมือของเขา ไม่ว่าสามคนนั้นจะขโมยมาได้มากแค่ไหนก็ต้องสู้ดอกบัวเพียงดอกเดียวของเขาไม่ได้แน่ ๆ! ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของเขาไม่ได้มีแค่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีเมล็ดบัวศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย

“ช่วงนี้พวกท่านไปที่ไหนมา?” หลิงเยว่เก็บสุราปราบมาร พลางถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“ให้เจ้า”

ถึงแม้ว่ากิเลนไฟจะดูเย็นชาไร้อารมณ์ แต่กลับกล้าแสดงออกมากที่สุด เขาหยิบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จากพุทธวิหารออกมาอย่างเปิดเผย

“!!!”

หลิงเยว่ตกใจจนเซไปด้านหลัง ถึงแม้นางจะไม่เคยเห็นดอกบัวศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่เคยได้ยินมาว่ามันมีสีทองล้วน ปล่อยแสงบริสุทธิ์ออกมา เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และสูงส่ง

“ท่าน… พวกท่าน?”

หลิงเยว่ชี้ไปที่สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ด้วยมือสั่นเทา พวกเขาคือโจรขโมยโอสถ!?

“ใช่แล้ว! พวกข้าเอง”

อิงหลงยอมรับอย่างเปิดเผย “ในฐานะผู้สืบทอด ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป ต้องกินวัตถุดิบที่ล้ำค่ามากพอ ถึงจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ยื่นแหวนมิติในมือให้หลิงเยว่พร้อมกัน

“ประตูเขตแดนปีศาจกำลังจะเปิดแล้ว โลกผู้บำเพ็ญเซียนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

เสวียนอู่พูดอย่างนอบน้อมและจริงใจ

“ก่อนที่ประตูเขตแดนปีศาจจะเปิด พวกข้าจะทุ่มเททั้งหมดเพื่อเก็บวัตถุดิบล้ำค่าให้เจ้า…”

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน…” หลิงเยว่ขัดคำพูดของชิงหลง “พวกเจ้ารู้ได้ยังไงกัน!?”

นอกจากโม่จวินเจ๋อและหู่พั่วแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านางคือผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต

“พวกข้าเคยได้รับการชำระล้างจากพลังแห่งชีวิต ดังนั้นจึงจำกลิ่นของเจ้าได้”

กิเลนไฟยัดเยียดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ใส่อ้อมแขนหลิงเยว่อย่างดื้อรั้น นี่คือสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้

“ข้าไม่ต้องการดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หรือโอสถอะไรทั้งนั้น พวกท่านเอากลับไปเถอะ” หลิงเยว่ผลักดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออก รู้สึกขำปนซาบซึ้ง สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวกลับเป็นพวกเขาเอง?

“ถ้าพวกท่านอยากให้ข้าเติบโตเร็วขึ้นจริง ๆ ก็… ช่วยข้าหาหินวิญญาณเถอะ มีแค่หินวิญญาณเท่านั้นที่ช่วยข้าได้”

สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ “?”

นางต้องหลอกพวกเขาแน่ ๆ แม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะ… กินได้ทุกอย่าง แต่วัตถุดิบล้ำค่าจากสวรรค์และโลกใต้พิภพมีผลดีที่สุดสำหรับนาง!

“เอาของพวกนี้ไปคืนเถอะ ยังไงข้าก็ไม่เอา”

หลิงเยว่ไม่กล้ารับของพวกนี้หรอก เมื่อเทียบกับวัตถุดิบล้ำค่า การใช้ค่าพลังวิญญาณ ซื้อการฝึกฝนจากระบบถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าตั้งเยอะ!

“เจ้าต้องการแค่หินวิญญาณเท่านั้นเหรอ?” ชิงหลงถามหลิงเยว่

“ใช่! แค่หินวิญญาณเท่านั้น และหากขโมยมาข้าก็ไม่เอา”

หลิงเยว่กลัวจริง ๆ ว่าสี่สัตว์เทพโบราณจะไปคืนโอสถแล้วเปลี่ยนไปขโมยหินวิญญาณ นางจึงพูดดักไว้ก่อน

สี่สัตว์เทพโบราณที่กำลังจะไปขโมยหินวิญญาณ “…”

ได้! หากไม่ให้ขโมย งั้นก็ต้องไปหาภูเขาวิญญาณไร้เจ้าของ! ถึงจะลำบากแค่ไหนก็ต้องทน เพราะนางเป็นถึงผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตเชียวนะ!

เมื่อส่งเหล่าสัตว์เทพโบราณไปแล้ว หลิงเยว่จึงยกมือเช็ดเหงื่อแล้วนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ตอนที่เห็นดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ หัวใจของนางแทบจะพุ่งออกมาแล้ว!

พุทธวิหารกำลังค้นหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่หายไปอย่างบ้าคลั่ง หากพบว่าดอกบัวนั้นมาอยู่ที่นาง… ตอนนั้นสงครามใหญ่กับเผ่าปีศาจยังไม่เริ่ม สำนักหลานเทียนและเหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่น ๆ คงได้เริ่มสงครามกันก่อนแล้ว!

หลิงเยว่ที่มีผู้พิทักษ์มากมายนั้นไม่ได้กลัวเลย แต่หากเพราะเรื่องนี้ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต คงจะถือเป็นบาปหนาของนางแล้ว!

หลิงเยว่ใช้เวลาสงบสติอารมณ์สักพัก จัดการเตรียมสุราปราบมารไปยังห้องกลั่นโอสถข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ศาสตราวุธนั่นจะหลอมสำเร็จกัน?

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

Status: Completed
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่า นางร้ายของเรื่องบังเอิญมีชื่อเดียวกันกับ "อวี๋เซียง" ที่บังเอิญยิ่งกว่านั้น ยังขาพิการตั้งแต่ยังเด็กเหมือนอวี๋เซียงไม่ผิดเพี้ยน ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตวิญญาณหรือสุขภาพร่างกาย คนทั้งคู่มีโอกาสหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว!"นี่มันวันซวยของเธอ อวี๋เซียงหรืออย่างไร! ภพก่อนประสบเคราะห์กรรมตั้งมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เกิดชาติใหม่ภพใหม่ สุดท้ายกลับต้องเกิดใหม่ในร่างที่ไม่สมบูรณ์ นั่นยังพอทำใจได้ แต่ทีทำให้เธอโมโหที่สุดก็คือ...เธอหลงเข้ามาอยู่ในนิยาย ทั้งยังได้รับบทเป็นตัวละครสมทบหญิงที่ซวยที่สุดในโลก!"

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท