สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 817 การตายของวิญญาณทมิฬ (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 817 การตายของวิญญาณทมิฬ (1)

แรงของวิญญาณทมิฬทั้งรวดเร็วทั้งรุนแรง แม้จะไม่มีคันธนู แต่ก็เร็วกว่าอาวุธลับธรรมดามากโข

พลธนูรู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือคนนี้ ลูกธนูคล้ายยิงเข้าใส่ขันทีน้อยข้างกายตน และสามารถทำร้ายโดนเขาได้เช่นกัน

แต่ลูกธนูมันเร็วเกินไปแล้ว!

หลบไม่พ้นแล้ว!

พลธนูยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

กู้เจียวคว้าเขาไว้ แล้วเร้นกายหลบไปด้านข้าง!

ลูกธนูสองดอกพุ่งเฉียดผ่านหลังคาที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยืนกันอยู่ด้วยแรงอันน่าพรั่นพรึง ปักเข้ามุมหลังคาด้านหลัง ทำมุมหลังคาแหลกกระจุยทันที!!

พลธนูเห็นภาพตรงหน้า ก็กลืนน้ำลายเอื๊อก ไม่อาจจินตนาการได้ว่าหากเมื่อครู่นี้ขันทีน้อยคนนั้นไม่มีปฏิกิริยาว่องไว เกรงว่าที่แหลกกระจุยคงเป็นศีรษะตนแล้ว

เป้าหมายหลักของวิญญาณทมิฬคือการช่วยแม่นางหันให้หนี สองดอกเมื่อครู่นี้เป็นการเตือนกู้เจียว และเพื่อถ่วงเวลาให้ตัวเองช่วยเหลือด้วย

เขาไม่ได้ตอแยกับกู้เจียว พาแม่นางหันออกจากวงล้อมภายใต้การคุ้มกันของพวกหันฟู่

กู้เจียวไม่มีทางปล่อยเขาหลบหนีไปง่ายๆ เช่นนี้เด็ดขาด!

ความวุ่นวายภายในซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลาสามปีที่ฝันเห็นนั่น แม้ว่าตัวการจะเป็นแม่นางหัน แต่วิญญาณทมิฬก็มีส่วนด้วยไม่น้อย ตระกูลใหญ่ตั้งเท่าใดมาลอบสังหารแม่นางหันก็พ่ายแพ้รามือไป เพราะการขัดขวางของวิญญาณทมิฬทั้งสิ้น

หากจะสังหารแม่นางหัน ก็ต้องจัดการวิญญาณทมิฬเสียก่อน!

กู้เจียวคว้าธนูยาว “เอากระบอกลูกธนูมาให้ข้า!”

“ขอรับ!” พลธนูรีบยื่นกระบอกลูกธนูที่สะพายอยู่ข้างหลังให้กับกู้เจียวทันที

กู้เจียวรับกระบอกมา แล้ววิ่งจากหลังคาพุ่งไปทางที่แม่นางหันกับวิญญาณทมิฬหนีไปอย่างรวดเร็ว

จู่ ๆ พลธนูก็ได้สติขึ้นมา ช้าก่อน เมื่อครู่นี้ข้าบอกว่า ‘ขอรับ’ อย่างนั้นรึ

เขาเป็นแค่ขันทีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไฉนข้าจึงเชื่อฟังคำสั่งเขาได้เล่า

ซ้ำยังส่งลูกธนูของตัวเองให้แต่โดยดีอีก

“เฮ้ย เจ้าระวังตัวด้วยนะ!”

สมควรตายนัก!

ที่เขาจะเอ่ยคือ… ‘เจ้าคืนให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ!’ แท้ๆ

ไยมาถึงปลายลิ้นกลับเปลี่ยนไปเสียเล่า

บนภาคพื้นมีกองทัพของจวนตูเว่ยและของตระกูลหวังกรูเข้ามาไม่ขาดสาย วิญญาณทมิฬจึงพาแม่นางหันหนีไปได้ค่อนข้างลำบาก และหากเขาใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นกลางอากาศ ก็จะเผยสู่สายตากู้เจียวราวกับเป็นเป้านิ่ง

ตอนแรกวิญญาณทมิฬไม่ได้ตระหนักว่าฝีมือการยิงธนูของกู้เจียวจะแม่นปานนี้ ใครจะคิดว่าเขาใช้วิชาตัวเบาครั้งแรก ก็โดนกู้เจียวยิงทะลุแขนเสื้อในดอกเดียว!

วิญญาณทมิฬขมวดคิ้ว ซัดฝ่ามือใส่นางก่อนที่กู้เจียวจะยิงดอกที่สองมา

กู้เจียวคะเนไว้แต่แรกแล้วว่าเขาจะโต้คืน พอยิงดอกแรกเสร็จก็รีบหลบทันควัน ไม่มีดอกที่สองต่อ

นี่เรียกว่า ข้าคะเนสิ่งที่เจ้าคะเนเอาไว้แล้ว

กู้เจียวกลิ้งอยู่บนหลังคารอบหนึ่ง ดูเหมือนกำลังหลบหลีก แต่ความจริงนั้นนางลอบง้างสายธนูเงียบๆ ชั่วขณะที่คุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่งเพื่อพยุงร่างให้มั่นคง ลูกธนูในมือก็ออกจากสาย ยิงเข้าคนสนิทคนหนึ่งของตระกูลหัน!

เขาร้องโหยหวนล้มลงพื้น ทหารรักษาพระองค์แห่งจวนแม่ทัพที่อยู่ข้างหน้าเขาหันกลับมาตามเสียง จึงได้พบว่าคนผู้นี้ถือกระบี่ไว้ในมือ เมื่อครู่นี้กำลังจะลอบทำร้ายตน

เขามองขันทีน้อยบนหลังคาที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ก่อนผงกศีรษะให้อย่างซาบซึ้ง แล้วทุ่มกำลังเข้าเข่นฆ่าศัตรูยิ่งกว่าเดิม

กู้เจียวไล่ล่าวิญญาณทมิฬต่อ

หากว่ากันด้วยเรื่องวรยุทธ์ กู้เจียวที่ศักยภาพยังไม่กลับคืนมาทั้งหมดคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณทมิฬ แต่ฝีมือการยิงธนูของกู้เจียวยอดเยี่ยมเลิศล้ำ นึกไม่ถึงว่าวิญญาณทมิฬผู้แข็งแกร่งจะถูกฝีมือการยิงธนูของนางข่มไว้

นี่เป็นสิ่งที่วิญญาณทมิฬคาดคิดไม่ถึงเลย

เดิมหลงนึกว่าเขาก็แค่ทหารม้าเกราะเหล็กที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ายังเป็นพลธนูที่ฝีมือขั้นเทพอีกด้วย

เจ้าเด็กนี่…เหมือนจะเกิดมาเพื่อสู้รบ!

วิญญาณทมิฬไม่กระโดดให้เป็นเป้ามนุษย์ให้กู้เจียวอีก เขาพาแม่นางหันลงพื้น ไล่เข่นฆ่าออกไปแทน

กู้เจียวฆ่าเขาไม่ได้ ก็ฆ่าคนสนิทของตระกูลหันแทน

หันฟู่สู้ไปสู้มาก็ชักจะรู้สึกพิกลๆ ทว่าเมื่อเขาหันกลับไป คนสนิทตระกูลหันที่ล้อมอยู่ข้างกายเขาล้วนโดนยิงเกลี้ยงหมดแล้ว!

ปฏิกิริยาแรกของหันฟู่ก็คือ พลธนูตระกูลหวังเก่งกาจเพียงนี้เชียวรึ หากรู้แต่แรก ตอนนั้นตระกูลหันน่าจะยึดค่ายธนูมาไว้ในมือเสียก็ดี!

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็พบว่าคนที่ยิงสังหารคนสนิทตระกูลหันมากมายเพียงนี้หาใช่พลธนูตระกูลหวังไม่ แต่เป็นขันทีน้อยคนนั้นที่คุ้มกันฮ่องเต้เข้าวังมา!

เหงื่อแตกพลั่กๆ โฉมหน้าที่ปลอมแปลงบนหน้ากู้เจียวละลายหายไป

หันฟู่เห็นปานแดงบนแก้มซ้ายของนางแล้ว แววตาเขาเป็นประกายวูบไหว “เซียวลิ่วหลัง!”

ในฐานะคนสนิทของตระกูลหัน จึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับการที่โดนช่วงชิงผู้บัญชาการคนใหม่แห่งค่ายเฮยเฟิงไป ได้เจอตัวจริงในตอนคัดเลือกไม่พอ ยังเคยเห็นภาพเหมือนของกู้เจียวเป็นการส่วนตัวด้วย

คนผู้นี้เป็นฝันร้ายของตระกูลหันจริงๆ !

หลังจากที่หันฟู่ใช้กระบี่ฟันทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งแล้ว กำลังจะเดินไต่บนหลังคาไล่ตามกู้เจียวไป

กู้เจียวไม่สนใจเขา

คู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่เขา

หวังซวี่ทะยานตัวขึ้นมา ใช้กระบี่ขวางหันฟู่ไว้ “ไอ้คนแซ่หัน เจ้าอย่าได้คิดจะหนี!”

หันฟู่ถูกหวังซวี่ตอแยไม่ปล่อย ก็ไม่อาจสลัดให้หลุดได้ กระบี่ของทั้งคู่ปะทะกัน เพียงไม่นานก็เข่นฆ่าสังหาร

ทหารรักษาพระองค์แห่งจวนตูเว่ยร่วมมือกับค่ายธนูตระกูลหวัง แทบจะกลายเป็นการบดขยี้ใส่ราชองครักษ์กองนี้ของหันฟู่

กู้เจียวไม่ห่วงสถานการณ์ในวังหลวง นางมุ่งไล่ไปทางที่วิญญาณทมิฬกับแม่นางหันหนีไปลูกเดียว

นางไล่ตามออกมาจากวังหลวง ราชาม้าเฮยเฟิงรออยู่นอกวังนานแล้ว นางคว้าบังเหียนไว้ ถีบส้นเท้าพลิกตัวขึ้นคร่อมบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว

ราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งไล่ตามกลิ่นอายของวิญญาณทมิฬไปตลอดทาง วิญญาณทมิฬไม่ได้เลือกเข้าไปในถนนสายคึกคัก แต่เลี้ยวเข้าไปในถนนสายเก่าร้างบ้านคน

ดูเหมือนไม่เหมาะกับการหลบซ่อน แต่ถนนสายนี้ตีทะลุตลอดสาย จึงเหมาะกับการหลบหนียิ่งกว่า

เมื่อกู้เจียวตามมาถึงหน้าร้านสุราทิ้งร้างแห่งหนึ่ง นางกับราชาม้าเฮยเฟิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงไอสังหารที่ผิดปกติ

กู้เจียวกำบังเหียนแน่น หนึ่งคนหนึ่งม้าหยุดลงอย่างรู้ใจกัน

รอบด้านเงียบมาก แม้แต่เสียงลมยังคล้ายจะสงัดไป กู้เจียวได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองกับราชาม้าเฮยเฟิงชัดเจน จู่ๆ เสียงเคลื่อนไหวก็ดังขึ้นทางตะวันออก กู้เจียวรีบง้างธนูเล็งไปทางตะวันออก กลับยิงโดนหลังคาสุขาแห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้แทนเสียได้!

ด้านหลังหลังคาพลันมีเงาร่างหนึ่งทะยานขึ้น เป็นวิญญาณทมิฬ!

วิญญาณทมิฬมีประกายตกใจวาบผ่านแววตา “เจ้าหนู นึกไม่ถึงว่าจะไม่ติดกับ! ฝีมือการยิงธนูของเจ้าทำให้ข้าต้องมองเจ้าใหม่จริงๆ ! ไม่สู้เจ้าคุกเข่าลงโขกหัวให้ข้าสักหน เรียกข้าว่าอาจารย์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครา!”

กู้เจียวล้วงลูกธนูออกจากกระบอกที่สะพายอยู่ด้านหลังมาขึ้นสาย “ข้าว่าคนที่ต้องโขกหัวเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง!”

“พูดจาสามหาว ตั้งรับ!”

วิญญาณทมิฬกางแขนสองข้างทะยานตัวขึ้น ชุดคลุมดำรับลมโบกสะบัด ราวกับค้างคาวกระหายเลือด พุ่งโจมตีกู้เจียวอย่างไร้ปรานี

กู้เจียวนั่งอยู่บนหลังม้าไม่ได้หลบเลี่ยง

แววตาของวิญญาณทมิฬมีประกายตกใจวาบผ่าน แต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับ ครั้นเห็นเขาจะซัดฝ่ามือใส่กู้เจียว จู่ๆ หมัดหนึ่งก็พุ่งจากด้านหลังกู้เจียวออกมาซัดใส่วิญญาณทมิฬทันที

วิญญาณทมิฬแขนชาดิก ขมวดคิ้วมุ่น ตีลังกากลับหลังลงมาหน้าประตูใหญ่ของร้านสุรา

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายชัดๆ ก็แค่นเสียงเย็นอย่างคาดไว้แล้ว “เจ้าอีกแล้ว!”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท