ตอนที่ 581 พรสวรรค์(1)
ฉินมู่หลานเมินเฉยนักศึกษาแลกเปลี่ยนพวกนี้ และเริ่มทำการผ่าตัดทันที
ระหว่างทางมาที่นี่ หลี่ปิ่งฉวนได้บอกข้อมูลของคนไข้รายนี้กับเธอเรียบร้อยแล้วว่าต้องทำการผ่าตัดอะไรบ้าง และเธอยังได้ดูภาพซีทีแสกนของคนไข้แล้วด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องมือผ่าตัดแบบส่องกล้องที่ทรวงอก มิฉะนั้นแล้วการผ่าตัดในวันนี้จะง่ายมาก
“หมอหลี่ พวกเราเริ่มกันเลยค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยทราบถึงความเก่งกาจของฉินมู่หลาน จึงไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไรเลย แต่คนอื่นกลับเต็มไปด้วยความฉงน แม้แต่อาจารย์และนักศึกษาจากฮ่องกงทั้งสามคนสามคนก็ยังทำหน้าคิ้วขมวด
เอลล่ากับชิโยโกะรู้สึกเหมือนกำลังดูถ่ายทอดสดน่าตื่นเต้น
“เหอะ…ที่จีนไม่มีหมอแล้วเหรอ ถึงได้ให้ผู้หญิงคนเดียวมานำผ่าตัด อายุของเธอ ถึงแม้จะได้เข้าห้องผ่าตัดมา จะผ่าตัดมาสักกี่ครั้งเชียว ผ่าตัดใหญ่แบบนี้ หล่อนจะทำได้เหรอ ถ้าคนไข้เสียชีวิตคาเตียงผ่าตัด ฉันว่าหล่อนคงโดนญาติคนไข้ฉีกทึ้งแน่”
“ไม่ใช่แค่หล่อนนะ ญาติคนไข้คงจะฟ้องร้องโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า ฉันอยากจะรู้นัก ว่าญาติคนไข้รู้หรือเปล่าว่าคนที่ผ่าตัดให้วันนี้เป็นนักศึกษาหญิง ถ้ารู้ล่ะก็ คงไม่ยอมแน่”
พวกหล่อนก็ทราบอาการของผู้ป่วยรายนี้เช่นกัน
นอกจากรอยโรคในปอด หัวใจก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน การผ่าตัดครั้งนี้จึงทำได้ยาก เพราะแบบนี้ ตอนนี้พวกหมอจึงฝากความหวังเอาไว้ที่ฉินมู่หลาน พวกหล่อนจึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย แบบนี้มันเห็นได้ชัดว่าไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้ป่วยเลย
เมื่อได้ยินทั้งสองพูดแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปมอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ถ้าพวกเธอสองคนไม่อยากดู ก็เชิญออกไปซะ อย่ามามัวพูดไร้สาระอยู่ตรงนี้ มันส่งผลกับการผ่าตัดของมู่หลาน”
หลินไคจงก็มองโอเว่นแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อาจารย์โอเว่น ถ้าพวกคุณไม่อยากดู จริง ๆ แล้วก็สามารถออกไปข้างนอกได้นะครับ เพราะการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ได้เปิดให้ชมอยู่แล้ว พวกเราสามารถพาพวกคุณออกไปชมการผ่าตัดห้องอื่นได้นะครับ”
โอเว่นได้ยินแบบนี้ก็หันมองไปที่เอลล่าแล้วกล่าวว่า “เอลล่า หุบปาก”
เอลล่าไม่กล้าเถียงอาจารย์ตัวเอง จึงหุบปากแต่โดยดี ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนก็ไม่อยากออกไปข้างนอกด้วย เพราะอยากจะเห็นความโง่เขลาของฉินมู่หลาน อยากจะเห็นว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการผ่าตัด ฉินมู่หลานจะมีจุดจบอย่างไร
ชิโยโกะก็อยากเห็นเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าเอลล่าหยุดพูดแล้ว หล่อนก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน
ฉินมู่หลานไม่ได้ใส่ใจพวกหล่อนอยู่แล้ว เธอนำเข็มทองออกมาเป็นอันดับแรกเพื่อฝังเข็มปกป้องหัวใจของคนไข้ จากนั้นก็เริ่มหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือผ่าตัด
วิธีการทางแพทย์แผนจีนครั้งนี้ ทำให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนพวกนั้นถึงกับตกตะลึง
เยว่จงจีเอ่ยด้วยความไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “วิธีการที่นักศึกษาฉินเพิ่งใช้ไปดูเหมือนจะเป็นวิธีการของแพทย์แผนจีน นี่…ระหว่างผ่าตัด ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ”
หลี่หมิงฮุ่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนผ่าตัดด้วยวิธีแบบนี้”
อาจารย์และนักศึกษาทั้งสามจากประเทศแห่งแดนซากุระก็รู้จักเข็มทองเหมือนกัน พวกเขาก็เคยใช้ แต่ถึงแม้จะเคยใช้ พวกเขาก็ไม่เคยนำมาประยุกต์ใช้กับการผ่าตัดแบบตะวันตกเลย ใช้แล้วเป็นแบบนี้นี่เอง
นักศึกษาชาย ยามาชิตะ ยูโนะ อดไม่ได้ที่จะพูด “ดูเหมือนว่า นักศึกษาฉินจะไม่รู้แค่การแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น ยังรู้การแพทย์แผนจีนด้วย ดูจากตำแหน่งที่หล่อนแทงเข็มเข้าไปที่ตัวคนไข้แล้ว คงป้องกันหัวใจคนไข้อยู่”
อาจารย์ยามาโมโตะซึ่งเป็นผู้นำทีมก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าวว่า “ใช่ นักศึกษาฉินกำลังปกป้องหัวใจของคนไข้ และสิ่งที่หล่อนทำเมื่อกี้ ก็ช่างงดงามมาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็จ้องมองฉินมู่หลานอีกครั้ง ก่อนจะตระหนักได้ว่านักศึกษาหญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
คนอื่นๆ ต่างได้ยินอาจารย์และนักศึกษาทั้งสามจากดินแดนซากุระพูดกัน ก็ทราบว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องผ่าตัดกันอยู่ โอเว่นจึงหันไปมองแล้วกล่าวขึ้นวา “อาจารย์ยามาโมโตะ ถ้ามีข้อมูลลึก ๆ อะไร ก็มาคุยกับพวกเราได้นะครับ พวกเราจะได้รู้ด้วย”
ยามาโมโตะได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวสิ่งที่เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่เป็นภาษาอังกฤษ
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นก็อดตกตะลึงเสียไม่ได้ “ที่แท้ก็เป็นการปกป้องหัวใจนี่เอง”
แน่นอนว่าคนจากทางฝั่งฮ่องกงก็เชื่อเหมือนกัน แต่อาจารย์และนักศึกษาจากอเมริกาอีกหลายคนไม่ใช่เรื่องนี้ “เข็มเยอะขนาดนั้น จะช่วยปกป้องหัวใจได้จริงเหรอ? ทำไมพวกเราดูไม่ค่อยเชื่อเลยนะ”
พวกเขารู้สึกมาโดยตลอดว่าการแพทย์แผนจีนในประเทศจีนรักษาคนไข้ไม่ได้เลย เหมือนไสยศาสตร์มากกว่า ยังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เลย
หวังโหย่วเหรินได้ยินแบบนี้ ก็อดหัวเราะแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “อาจารย์โอเว่น อาจารย์อีธาน ถ้าพวกคุณยังไม่เชื่อ พวกเรามาดูต่อไปกันเถอะครับ”
ถึงตอนนี้ หวังโหย่วเหรินก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นในตัวฉินมู่หลานแล้วเหมือนกัน
ความประทับใจแรกที่มีต่อนักศึกษาหญิงคนนี้คือความสวย เป็นคนสวยคนหนึ่ง ส่วนความประทับใจหลังจากนั้นก้คือ นักศึกษาหญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้จารย์และนักศึกษาจากต่างประเทศจะมาดู แต่เธอก็ไม่มีความหวั่งเกรงใด ๆ ทั้งสิ้น ยังปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนเดิม
จนถึงตอนนี้ เธอยังได้รับเชิญให้มาเข้าผ่าตัดจากโรงพยาบาลใหญ่ด้วย เช่นนั้นแล้วเธอคงเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ
เยว่จงจีและหลี่หมิงฮุ่ยก็จ้องมองการเคลื่อนไหวของฉินมู่หลานตาไม่กระพริบ เขาอยากจะเห็น ว่าฉินมู่หลานจะมีฝีมือในการผ่าตัดหรือไม่
ฉินมู่หลานก็เปิดทรวงอกของคนไข้ได้อย่างราบรื่นแล้ว แต่วิธีการของเธอนั้นแตกต่างจากแพทย์ในสมัยปัจจุบันนี้ แผลที่เธอเปิดนั้นเล็กมาก หลี่ปิ่งฉวนที่อยู่ข้าง ๆ จึงอดไม่ได้ อยากจะเตือนเธอ เพียงแต่เมื่อนึกถึงความสามารถของฉินมู่หลาน จึงไม่ได้กล่าวอะไรเลย สิ่งที่เขาทำในตอนนี้ก็คือ คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ อย่างดี
คนอื่นก็เห็นการผ่าเปิดแบบนี้เหมือนกัน
เอลล่าทนไม่ไหวอีกแล้ว “หล่อนเปิดปากแผลแค่นิดเดียว แล้วจะเห็นได้ยังไงว่าข้างในมีอะไร เหอะ…มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นมือใหม่เพิ่งหัดผ่าตัด ไม่เข้าใจเลยว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรอยู่ จึงขอให้หล่อนมาทำการผ่าตัดให้ ไม่มีใครคัดค้านเลย”
คนอื่นก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน เพราะสุดท้ายแล้วการทำแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกรำคาญเอลล่าอย่างมาก
“เสียงดังจัง เธออยากจะดูไหม ถ้าไม่ดูก็ออกไปข้างนอกซะ”
“เธอ…”
เอลล่านึกไม่ถึงว่านักศึกษาจากประเทศจีนคนนี้จะวางมาดหยิ่งยโสใส่พวกเขาที่เป็นเพื่อนชาวต่างชาติ แต่ถึงอย่างนั้น คนอื่นก็ไม่ได้ออกโรงมาช่วยเลย และหล่อนเองก็อยากจะดูต่อ จึงได้แต่ทนถอนหายใจต่อไป
แต่ฉินมู่หลานมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้
เธอจำภาพซีทีแสกนของคนไข้รายนี้ได้ขึ้นใจแล้ว ตามอาการของเขา สามารถใช้วิธีการผ่าตัดลิ่มเลือดในปอดได้ เธอจึงทำแบบนี้ เธอเคลื่อนไหวเร็วมาก เหมือนที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งเย็บปิดตรงบริเวณปอด การผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หลี่ปิ่งฉวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินมู่หลานเริ่มลงมือ หลังจากได้เห็นการผ่าตัดครั้งนี้อย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ชื่นชมการผ่าตัดของฉินมู่หลานอีกครั้ง จากนั้นก็เสนอตัวเอง
“หมอฉิน เดี๋ยวผมปิดเองครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ค่ะ คุณมาทำเลย”
หลี่ปิ่งฉวนรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วเย็บปิดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
จนกระทั่งหลี่ปิ่งฉวนเย็บเสร็จ ฉินมู่หลานก็ถอนเข็มทองกลับออกไป
“เรียบร้อยแล้วค่ะ การผ่าตัดเสร็จสมบูรร์แล้ว”
สีหน้าของหลี่ปิ่งฉวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งคนอื่นให้จัดการเรื่องต่อจากนี้ และเขาก็หันไปมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานว่า “หมอฉินครับ วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ เดี๋ยวคุณเลิกงานแล้ว ผมจะเลี้ยงมื้อเย็นเองครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วโบกมือพลางบอกกล่าว “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้ครั้งหน้าค่อยหาโอกาสไปกินนะคะ ช่วงนี้ฉันต้องเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนอยู่ค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็โบกมือลาหลี่ปิ่งฉวนทันที แล้วเดินตรงไปหาเซี่ยปิงหรุ่ยและคนอื่น ๆ
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
คนอื่นมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าว่างเปล่า ได้แต่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ดูพิสดารมาก เซี่ยปิงหรุ่ยจึงเป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน ที่แท้เธอก็ผ่าตัดเก่งขนาดนี้เลย ฉันยังทำไม่ได้เลย ฉันรู้แค่ศาสตร์แพทย์แผนจีน” หลังจากพูดจบ แววตาหล่อนก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
“เธอก็เก่งมากเหมือนกัน”
ฉินมู่หลานเอ่ยชมกลับอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นก็หันไปมองหลัวซงผิงและหลินไคจงแล้วกล่าวว่า “อาจารย์คะ พวกเราไปกันเลยไหมคะ”
“อ๋อๆ…ได้”