ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 291 เตรียมให้ข้าอีกสักสองสามวัน!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 291 เตรียมให้ข้าอีกสักสองสามวัน!

ทัณฑ์สวรรค์เส้นหนาทึบครอบคลุมถึงหนึ่งในสามของม่านพลังขนาดใหญ่ เมื่อฟาดลงมาจะส่งผลกระทบต่อปรมาจารย์ด้านการหลอมศาสตราวุธคนอื่น ๆ ด้วย!

ดังนั้น พิณปราบปีศาจจึงถูกเล่อเหอคว้าและโยนออกไปนอกม่านพลังอย่างสุดแรง

ทัณฑ์สสวรรค์ขนาดใหญ่ที่กำลังจะฟาดลงมา เลี้ยวในอากาศและฟาดใส่พิณอย่างดุดัน…

เปรี้ยง!

ทั้งสองสิ่งปะทะกันกลางอากาศ จุดศูนย์กลางของการระเบิดมีสายฟ้าสีดำแผ่ขยายและสลายไป ส่วนพิณสีดำนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เจ้าสำนักต้วนพ่นเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ใบหน้าซีดขาว ใบหน้าที่แก่ชราและสกปรกอยู่แล้วยิ่งสกปรกมากขึ้น

เมื่อหลิงเยว่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น นางจึงใช้วิชารักษาทันทีเลยทำให้เจ้าสำนักต้วนฟื้นตัวได้บ้าง

สายฟ้าสีดำตกลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับห่าฝน หมอกสีดำเหมือนกับสัตว์ร้ายที่มองไม่เห็นตัวพลันส่งเสียงคำรามและโบกกรงเล็บไปทางพิณปราบปีศาจ

เสียงพิณที่ใสและดังกังวานขับไล่สายฟ้าบางส่วนออกไป

ในหมอกสายฟ้าสีดำ ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดสีชมพูเลือนราง ร่างบอบบางดูงดงาม นางหันหลังให้ผู้คนยืนอยู่กลางอากาศ นิ้วกำลังดีดพิณอย่างรวดเร็ว

เพลงพิณที่ยิ่งใหญ่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกตื่นเต้น ร่างกายเต็มไปด้วยพลังอยากจะหยิบศาสตราวุธวิ่งเข้าไปต่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตาย!

“อาจารย์… ตอนนี้ลูกศิษย์เปลี่ยนไปเรียนพิณยังทันไหม?”

ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักเมี่ยวอินถามอาจารย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“ไม่ทันแล้ว”

“พวกเจ้ามาไม่ทันแล้วจริง ๆ ครั้งนี้… เป็นของข้า!”

“ข้าขอค้าน เป็นของข้าต่างหาก!”

ผู้ฝึกสังคีตของสำนักเมี่ยวอินต่างอิจฉาตาร้อน แม้แต่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสยังถูกระเบิดออกมา…

สำนักเมี่ยวอินกำลังแย่งชิงพิณปราบปีศาจ ส่วนศาสตราวุธชิ้นที่สองตกเป็นของพุทธวิหาร ผู้ฝึกวิถีพุทธที่ดูสงบนิ่งกลับไม่สงบนิ่งอีกต่อไป

แม้ยังคงเป็นสีดำสนิททั่วทั้งกาย ผิวของไม้เท้าชิ้นนั้นดูเรียบง่ายไม่หรูหรา แต่พลังที่ซ่อนอยู่และแสงทองที่ผ่านไปชั่วครู่ทำให้พระศีรษะโล้นกลุ่มหนึ่งหายใจถี่ขึ้น

แม้จะหลอมขึ้นจากพวกมาร แต่กลับมีแสงสีทองแห่งบุญกุศล!

“อีกหนึ่งศาสตราวุธวิเศษ!”

ฝูงชนที่มองได้แต่ไกล ไม่สามารถดูได้ในระยะใกล้ ต่างบ้าคลั่งไปแล้ว สองศาสตราวุธปรากฏขึ้นภายในหนึ่งวัน!

คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าโลกผู้บำเพ็ญเซียนมีศาสตราวุธวิเศษให้เห็นทั่วไปแล้ว!

“ทำไมพวกเราไม่มีใช้บ้างล่ะ?” ลู่เป่ยเหยียนรู้สึกขมขื่นใจยิ่งนัก พิณปราบปีศาจที่เหล่าปรมาจารย์ด้านหลอมศาสตราวุธหลอมขึ้น ต้องมอบให้สำนักเมี่ยวอินแน่นอน นี่มันศาสตราวุธระดับเทพเชียวนะ!

“มีดาบอยู่นะ แต่ว่า…”

หลิงเยว่ส่งเสียงจิ๊ “ศิษย์พี่ลู่ ด้วยพลังของท่านในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมมันได้หรอก”

ลู่เป่ยเหยียนรู้สึกติดขัด จากนั้นก็อ้างเหตุผลว่า “ข้ายังอายุน้อยอยู่ต่างหาก!”

“ศิษย์น้องหลิง นอกจากไม้เท้า พิณ และดาบแล้วยังมีอะไรอีกไหม?”

สหายที่รวมตัวกันรอบ ๆ หลิงเยว่ต่างมีแววตาปรารถนา

“ยังมีแส้ธรรมะ กระบี่ ดาบคู่…”

รูปแบบของศาสตราวุธเหล่านี้ล้วนหลอมขึ้นโดยใช้ศาสตราวุธประจำกายของวิญญาณผู้บำเพ็ญเหล่านั้น ทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดียิ่งขึ้น

“แส้ธรรมะหรือ…” แม้ผู่ตานยังไม่เห็น แต่กลับรู้สึกสนใจแล้ว

“ศิษย์พี่สี่อยากได้แส้หรือ?”

“อยาก” ผู่ตานเข้าไปใกล้หลิงเยว่แล้วกระซิบถาม “ศิษย์น้อง เจ้ามีวิธีหามาได้ไหม?”

โม่จวินเจ๋อที่ยืนอยู่อีกด้านเงี่ยหูฟัง

“ศิษย์น้อง…” ติงหลิวหลิ่วก็มองไปที่หลิงเยว่ด้วยสายตาเว้าวอน

หลิงเยว่ยักไหล่แสดงออกว่าช่วยอะไรไม่ได้ สิ่งของสิบแปดชิ้นนี้จะต้องไปเป็นศูนย์กลางของม่านพลัง ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของพวกมันจำเป็นต้องเข้าไปในม่านพลังสังหารปีศาจสิบแปดชั้น แล้วร่วมมือกับศาสตราวุธเพื่อเปิดใช้งานม่านพลังสังหาร หากระดับการฝึกฝนต่ำเกินไปก็ไม่ได้

ศิษย์ร่วมสำนักต่างหดหู่ในทันที ต้องโทษที่ระดับการบำเพ็ญของพวกเขาต่ำเกินไป แต่พวกเขายังเด็กอยู่ไม่ใช่หรือ!

ความเยาว์วัยหมายถึงทุกอย่างเป็นไปได้!

“อย่างไรก็ตาม พวกเรามีวัสดุอยู่แล้ว…” หลิงเยว่พูดไปครึ่งทางแล้วนึกอะไรออกจึงเงียบไปทันที ถึงวัสดุจะมีอยู่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องใช้วิญญาณ

“ทำไมไม่พูดต่อล่ะ?” หลงหว่านโหรวสงสัย

หลิงเยว่ถอนหายใจ ศาสตราวุธปราบปีศาจสิบแปดชิ้นนี้ ต่อไปคงไม่มีแบบเดียวกันอีกแล้ว!

ไม้เท้าพุทธขับไล่ปีศาจยังไม่ทันผ่านทัณฑ์สวรรค์ ดาบหนักสีดำพุ่งขึ้นท้องฟ้าด้วยความเร็วดุจสายฟ้า…

ครั้งนี้ศิษย์สำนักจ้านเจี้ยนรู้สึกร้อนรุ่มใจ กระบี่ที่เป็นศาสตราวุธระดับเทพ… ถือเป็นศาสตราวุธปราบปีศาจที่ทรงพลัง!

ศาสตราวุธระดับเทพชิ้นที่สามปรากฏขึ้นแล้ว

ผู้คนที่มุงดูต่างตาค้าง ศาสตราวุธระดับเทพกลายเป็นสินค้าขายส่งไปแล้วหรือ?

“อย่าบอกนะว่ายังมี…”

เมื่อพูดจบ หอกยาวพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ปลายหอกชี้ตรงไปยังขอบฟ้า!

หนึ่งวันมีศาสตราวุธระดับเทพปรากฏขึ้นถึงสี่ชิ้น ผู้คนต่างสงสัยในชีวิต

หลังจากศาสตราวุธขับไล่ปีศาจชิ้นที่สี่ปรากฏขึ้น ชิ้นที่ห้ากลับไม่ได้ตามมา แต่กลับเงียบลง…

และในตอนนี้หลังจากผ่านการชำระล้างแล้ว พิณปราบปีศาจที่วิวัฒนาการสำเร็จเป็นศาสตราวุธระดับเทพตกลงไปในอ้อมกอดของหลิงเยว่

หลิงเยว่รับพิณเข้าไปในอ้อมกอดโดยสัญชาตญาณเกือบถูกคนจากสำนักเมี่ยวอินฆ่าด้วยสายตาแล้ว!

“ข้าแค่… ดูเฉย ๆ นะ”

เมื่อเผชิญกับสายตาอิจฉาหลายสิบคู่ หลิงเยว่พูดจาตะกุกตะกัก

“รอข้าออกมาจากม่านพลังสังหารแล้วจะสอนเจ้าด้วยตัวเองว่าจะดีดพิณได้อย่างไร” สายตาของฟูเหรินผีผาที่กลายร่างเป็นวิญญาณศาสตราวุธดูบริสุทธิ์มาก นางมองไปที่ หลิงเยว่ด้วยสายตาที่มีความผูกพันเล็กน้อย

เจ้าสำนักเมี่ยวอินแทบจะควบคุมความโกรธไม่อยู่แล้ว

“ไม่ ไม่ต้องหรอก ท่านเหมาะกับผู้บำเพ็ญที่ดีกว่านี้” หลิงเยว่มีเจ้าดอกไม้สีดำอยู่แล้วจึงปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ

โดยไม่รอให้ฟูเหรินผีผาพูดต่อ ไม้เท้าพุทธที่ผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้วก็ปัดพิณปราบปีศาจให้ออกไป แล้วตกอยู่ในมือของหลิงเยว่แทน

“นางเหมาะที่จะบวชเป็นพระมากกว่า!”

หลิงเยว่ “…”

บวชเป็นพระ…? เขาตัดสินจากตรงไหนกัน?

ครั้งนี้หลิงเยว่ไม่ถูกพระพยายามฆ่าด้วยสายตา พระหัวโล้นจ้องนางแล้วเริ่มครุ่นคิดเหมือนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะรับนางเข้าสำนัก ถึงแม้ว่า… ตอนนี้ในพุทธวิหารจะยังไม่มีพระผู้หญิง แต่จริง ๆ แล้วก็พัฒนาได้…

“ไม่ ๆ ๆ ข้าเหมาะจะเป็นแค่คนธรรมดา!”

ราวกับไม้เท้าพุทธร้อนเกินไป หลิงเยว่จึงรีบโยนให้เหล่าสำนักพุทธวิหาร

กระบี่หนักไม่ให้หลิงเยว่หายใจแม้แต่นิด แล้วตกลงมาในอ้อมแขนนางทันที

หลิงเยว่ล้มลงในทันที กระบี่ที่กดทับอยู่บนตัวทำให้นางหายใจไม่ออก เหมือนถูกภูเขากดทับอยู่

ไม่รู้ว่าใครเริ่มหัวเราะก่อน แต่หลังจากนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ

“ดูเหมือนว่าเสี่ยวเยว่จะไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นผู้ฝึกดาบเท่าไหร่” บรรพจารย์เล่อเหอ ยกกระบี่หนักขึ้นอย่างง่ายดาย หลิงเยว่รีบนั่งขึ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ โอ๊ย! ศาสตราวุธหนักขนาดนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจะยกขึ้นได้หรอก!

ยังไงนางก็เป็นแค่มนุษย์เปราะบางที่ทำไม่ได้เลย…

โม่จวินเจ๋อที่กลั้นหัวเราะอยู่ดึงหลิงเยว่ขึ้นมา แล้วยังทำเป็นปัดฝุ่นให้นาง

หลิงเยว่ปัดมือที่ปัดฝุ่นออกไป พยายามรักษาหน้าไว้ “ข้าแค่ไม่ได้เตรียมตัว จริง ๆ แล้ว ถ้าข้าตั้งใจต้องยกขึ้นได้แน่นอน!”

“จริงเหรอ?”

บรรพจารย์เล่อเหอส่งกระบี่หนักไปที่ด้านหน้าของหลิงเยว่

“ตอนนี้ไม่ได้ ต้องให้ข้าเตรียมตัวอีกสองสามวัน”

ครั้งนี้แม้แต่วิญญาณในกระบี่หนักยังหัวเราะ

“บรรพจารย์เล่อเหอ สำนักหลานเทียนมีผู้ฝึกดาบไม่กี่คน และไม่มีใครใช้กระบี่หนัก พวกเรา…” เจ้าสำนักจ้านเจี้ยนยิ้มด้วยความเวทนาแต่แฝงไปด้วยเกรงใจอยู่เล็กน้อย

“หินวิญญาณที่พวกท่านรวบรวมได้ ไม่เพียงพอที่จะซื้อศาสตราวุธที่เจ้าสำนักหลอมขึ้น!”

โดยไม่รอให้เล่อเหอพูด เจ้าสำนักแห่งยอดเขาหลอมศาสตราก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาก่อน เพราะตอนที่พวกเขาถูกปล้น พวกสำนักจ้านเจี้ยนหัวเราะดังที่สุด!

ตอนนี้ถ้าต้องการกระบี่หนัก พวกเขาต้องขอโทษมาก่อน!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท