รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1031 สุกรวัวร้อย หนึ่งร้อยครั้ง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1031 สุกรวัวร้อย หนึ่งร้อยครั้ง!

“บนโลกนี้มีวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไป ข้าหลี่เทียนซือไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้าวออกมา”

ที่โต๊ะหนังสือ หลี่จิ่วเต้าจุ่มพู่กันลงหมึกชาดก่อนเริ่มวาดยันต์

ร่องรอยมหาเต๋าแฝงเร้นในพู่กัน วาดเป็นลวดลายอันทรงพลัง เขาวาดหลายยันต์ติดต่อกัน วาดอัขระยันต์ทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำออกมา

ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นยันต์จัดการศพ ยิ่งมีมายิ่งดี อนาคตเมื่อเผชิญหน้ากับศพชั่วร้ายจะได้นำยันต์เหล่านี้ออกมาใช้ได้เลย

เขาวาดยันต์จำนวนไม่น้อย แบ่งให้กับพวกลั่วสุ่ย กล่าวว่าหากเผชิญหน้ากับศพชั่วร้ายอีกก็เรียกยันต์เหล่านี้ออกมาใช้

‘จัดการกับร่างศพหรือ?’

ต้นหลิวครุ่นคิด นึกถึงศพผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงที่แดนบูชายัญอันธการขึ้นมา จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเคยเอ่ยถามมันว่ามีวิธีจัดการกับศพผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงหรือไม่ เพื่อที่จะได้จัดการกับทั้งสองศพก่อนจะฟื้นฟูเต็มที่

ยามนั้นมันตอบกลับไปว่าไม่มีวิธี

แม้มันจะไม่เคยต่อกรกับศพของผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิง แต่มันก็ทราบดีว่าทั้งสองศพน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด จะต้องก้าวข้ามขั้นสิบห้าขอบเขตล้ำขีด มีพลังระดับขอบเขตคลุมฟ้าอย่างแน่นอน

ความแข็งแกร่งของมันแล้ว ย่อมไม่มีวิธีจัดการร่างศพทั้งสองได้

ทว่าตอนนี้มันมีวิธีแล้ว

คุณชายมอบยันต์ที่เอาไว้ใช้ต่อกรกับศพ หากให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพามันไปที่นั่น จะต้องจัดการกับสองศพนั้นได้อย่างแน่นอน

คิดถึงตรงนี้แล้ว มันก็ไม่ลังเลอีก ออกจากที่นี่ตรงไปหาจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง

“พี่หลิว!”

ดวงตาของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสว่างวาบขึ้นเมื่อเห็นต้นหลิว

ช่วงระยะที่ผ่านมานี้การเคลื่อนไหวของแดนบูชายัญอันธกาลใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สสารมืดมิดอันอุดมสมบูรณ์เปี่ยมล้นภายในดินแดนบูชายัญอันธการแล้ว

ยอดฝีมือหลังฉากในสมรภูมิมืดมิดได้ถอนตัวกลับไปเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนตัว แม้จะมีน้ำเต้าที่คุณชายมอบให้อยู่ แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานสสารมืดมิดที่หลั่งไหลออกมาได้ ต่างได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ยอดฝีมือหลังฉากบางคนถูกความมืดมิดปนเปื้อน นิสัยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ค่อย ๆ จมลงสู่ความมืดมิด

ยามนี้เมื่อต้นหลิวมาถึง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจึงคิดว่าต้นหลิวน่าจะมีวิธีจัดการศพทั้งสองแล้ว

และก็เป็นดังที่เขาคิด หลังจากต้นหลิวมาถึงแล้วก็หยิบยันต์สองแผ่นออกมา

“นี่คือสิ่งที่คุณชายวาดขึ้นมาด้วยตัวเอง สามารถใช้จัดการศพได้!”

ต้นหลิวไม่พูดอันใดมาก เพียงเอ่ยกระชับความ

“เข้าใจแล้ว!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รับยันต์ทั้งสองไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจ

คุณชายวาดขึ้นมาด้วยมือตนเอง ทุกสิ่งย่อมมั่นคง ไม่เกิดปัญหาใด ไม่ว่าศพทั้งสองจะน่าหวาดกลัวแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยันต์ของคุณชาย ก็ทำได้แต่เพียงถูกสังหารเท่านั้น

“ไปเถิด”

ต้นหลิวกล่าว “ศพทั้งสองเป็นต้นกำเนิดความมืดมิด หลังจากทำลายได้แล้ว ทั่วทุกอาณาจักรก็ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องการถูกความมืดมิดกลืนกินอีกต่อไป”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพยักหน้าหนักแน่น ภายในใจเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย

นี่คือคุณชาย คุณชายผู้ไร้เทียมทาน!

แหล่งกำเนิดความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัวที่สุดกลับไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้สำหรับคุณชาย เพียงแค่วาดยันต์ออกมาสองแผ่นก็แก้ปัญหาได้แล้ว มองย้อนกลับไป ชีวิตของเขานับว่าโชคดีเพียงใดที่ได้พบคุณชาย ทั้งยังได้ติดตามทำสิ่งต่าง ๆ ให้คุณชาย!

“ข้าไปก่อน!”

เขาบอกลาต้นหลิว จากนั้นก็รีบรุดตรงไปยังแดนบูชายัญอันธการ

ส่วนจ้าวหลวงนั้นถูกเขากักเอาไว้ในอาณาเขตที่ต้าเต๋อจัดเตรียมไว้ ด้านในพื้นที่ต้องห้ามของเขาหลิงซาน

นี่คือ ‘อาวุธสังหาร’ ร้ายแรง ไม่อาจปล่อยไปด้านนอกได้ตามใจชอบ ไม่เช่นนั้นจะต้องมีคนประสบเคราะห์แน่นอน

พื้นที่ต้องห้ามเขาหลิงซาน

จ้าวหลวงถูกขังเอาไว้ที่นี่

ทว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังผู้เดียว ยังมีอีกหนึ่งคนอยู่ด้วย

อ่า กล่าวตามตรงแล้วคือมีหนึ่งคน หนึ่งวัว และหนึ่งสุกร

แน่นอนว่าเขาไม่อาจเข้าถึงตัวได้ เพราะมีกำแพงพลังบางอย่างกั้นเขากับทั้งสามเอาไว้

พลังในร่างเขาถูกผนึกเอาไว้ สสารความมืดเองก็ถูกนำออกไป ตอนนี้เขาไม่ต่างอันใดจากปุถุชนทั่วไป

“เฮ้ สหาย เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ไม่ใช่ว่ากลัว…วัวกับสุกรหรือ?”

เขารู้สึกขบขันชายที่อยู่ด้านข้าง

สถานการณ์ของชายด้านข้างคนนั้นคือขดตัวอยู่ในมุม เกรงกลัววัวและสุกรอย่างถังที่สุด เพียงแค่วัวหรือสุกรแสดงท่าทีจะเข้ามาใกล้ก็รีบหลบเลี่ยงทันทีด้วยความหวาดกลัว

ช่างเกินความคาดหมายเสียจริง เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนกลัววัวและสุกรมากถึงเพียงนี้

คนผู้นั้นไม่เอ่ยสิ่งใด ไม่สนใจเจ้าหลวง ความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่การจับจ้องไปทางวัวและสุกร กลัวว่าทั้งสองจะเข้ามาใกล้เขา

“เฮ้ สหาย เหตุใดเจ้าจึงเมินเฉยต่อข้า?”

เจ้าหลวงเกิดความสนใจขึ้นมา เขาไม่เพียงแค่ ‘พิฆาตคน’ เท่านั้น ยัง ‘เข้าถึงคนง่าย’ อีกด้วย การผูกมิตรใกล้ชิดผู้ใดไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าคนผู้นั้นกลับเพิกเฉยต่อเขา

“อย่าทำเช่นนี้เลยสหาย ชีวิตในพื้นที่ต้องห้ามช่างน่าเบื่อนัก พวกเรามาสนทนากันแก้เบื่อไม่ดีกว่าหรือ?”

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทว่าคนผู้นั้นก็ยังคงไม่สนใจเขา

“ไม่เป็นไรสหาย ถึงเจ้าจะไม่สนใจข้าหนึ่งวัน หรือร้อยวันแล้วยังไม่สนใจข้า แต่ไม่มีทางที่เจ้าจะเมินเฉยข้าตลอดไป!”

“ร้อยวัน? ร้อย?!”

ใครจะคาดคิด คนผู้นั้นดูเหมือนจะอ่อนไหวกับคำว่า ‘ร้อย’ เป็นอย่างมาก

หลังจากเจ้าหลวงเอ่ยออกมา ร่างของคนผู้นั้นก็ราวกับถูกสายฟ้าผ่าใส่ สั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างหยุดไม่ได้

“เจ้าน่าสนใจจริง ๆ กลัววัวกลัวสุกร ยังกลัวคำว่า ‘ร้อย’ อีกหรือ?”

เจ้าหลวงหัวเราะออกมาทันที เหตุใดบนโลกจึงมีคนแปลกถึงเพียงนี้กัน?

“มาเถิดสหาย เล่าเรื่องของเจ้าเกี่ยวกับวัวเอย สุกรเอย แล้วก็ ‘ร้อย’ ออกมาเสียเถิด มีเรื่องอันใดกัน?”

เขาเอ่ยปากถาม

จะมีผู้ใดกลัววัว สุกร และคำว่า ‘ร้อย’ ได้มากถึงเพียงนี้กัน นอกเสียจากว่าต้องมีเรื่องราวมากมายเบื้องหลัง เขาสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก

วัว สุกร ร้อย เห็นได้ชัดว่าทั้งสามสิ่งกระตุ้นคนผู้นั้นเป็นอย่างมาก เกิดเสียง ‘ตึง’ ขึ้นมา คนผู้นั้นทรุดเข่าลงเบื้องหน้าเจ้าหลวงโดยพลัน

“พี่ชาย ได้โปรดหยุดพูดเถิด ขอเพียงไม่พูดสิ่งใด ให้ข้าทำสิ่งใดก็ยอม!”

คนผู้นั้นร้องไห้ออกมา

เขาช่างน่าเวทนายิ่งนัก ต้องเผชิญหน้ากับทั้งวัวและสุกรยังไม่พอ ยามนี้ยังมีคนเช่นเจ้าหลวงเพิ่มเข้ามาอีก เจ้าหลวงต้องการขุดคุ้ยเปิดรอยแผลของเขาออกมา เขารู้สึกอยากตายแล้วจริง ๆ!

ใช่แล้ว เขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระเก้าประทีปพุทธเจ้า เคยมีอดีตกับวัวเอย หมูเอย ร้อยครั้งเอย จึงมีความอ่อนไหวต่อทั้งสามคำเป็นพิเศษ เพียงแค่พูดถึงก็ไม่ได้!

ยามนั้นเขาถูกต้าเต๋อขังเอาไว้ที่นี่ และเพื่อช่วยให้เขาสามารถเอาชนะความหวาดกลัวในจิตใจได้ ต้าเต๋อจึงขังวัวหนึ่งตัวและหมูหนึ่งตัวให้อยู่กับเขาเป็นพิเศษ หวังว่าเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับความกลัวจากนั้นสุดท้ายจะเอาชนะมันได้

แต่ความหวาดกลัวนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้!

เขาอยู่กับวัวและสุกรมานานไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่เขาก็ยังคงปราชัย ความกลัวที่มีต่อวัวและสุกรไม่ได้น้อยลงไปกว่าเดิมเลย

“อืม เจ้าบอกข้าเสียจะดีกว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ข้าอยากรู้มาก หากเจ้าไม่บอก ข้าก็อดใจไม่พูดไม่ได้ ดังนั้นหากเจ้าไม่อยากให้ข้าพูดคำเหล่านั้นอีก เจ้าก็ต้องสนองความอยากรู้อยากเห็นของข้า บอกเล่ามาเสีย”

เจ้าหลวงกล่าว

“ไม่!”

พระเก้าประทีปพุทธเจ้าปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด

ให้เขาเล่าเรื่องนั้นให้ฟังหรือ?

แม้จะฆ่าให้ตาย เขาก็ไม่มีทางเอ่ยออกไป!

“ตกลง ข้าเองก็ชื่นชอบการแข็งข้อ เช่นนี้จึงจะมีรสชาติ”

เจ้าหลวงแสยะยิ้ม “ชีวิตในพื้นที่ต้องห้ามนั้นยังอีกยาวไกล ข้ายังมีเวลาเหลือเฟือ เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่? สุกรวัวร้อย?”

“อ๊ากกก!”

พระเก้าประทีปพุทธเจ้าแทบจะเป็นบ้าแล้ว!

“อืม สุกรวัวร้อย ดูแล้วคล่องปากนัก! เอาละ ก่อนที่เจ้าจะเล่าเรื่องราวในอดีต ข้าตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้จะเรียกเจ้าว่าสุกรวัวร้อย!”

เจ้าหลวงยิ้มอย่างเบิกบานใจ มีเรื่องสนุกให้เขาได้ทำฆ่าเวลาแล้ว

ส่วนพระเก้าประทีปพุทธเจ้ามีสีหน้าทุกข์ตรม หลังจากนี้ไป เขาจะต้องได้รับความทรมานอย่างมาก!

เทวโลก

บรรพจารย์ฝูเดินทางมาถึงที่แห่งหนึ่งแล้ว ใบหน้าของเขาซึมกะทือ ในแววตาไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขายอมแพ้ทิ้งตัวนอนราบ ความตายกำลังมาเยือน เขาไม่คิดทำสิ่งใดแล้ว

เดินทางไปหลายอาณาจักร ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน เขาต้องการจะท่องทั่วหล้ามองสิ่งที่ไม่เคยมองเห็นก่อนตาย

เทวโลกกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่เพียงมีเก้าชั้น แต่ยังมีเบื้องบนเทวโลกที่เป็นดินแดนแกนกลางด้วย

นี่คือต้นกำเนิดของจักรวาลโกลาหลทั้งปวง บรรดาจักรวาลโกลาหลล้วนแยกตัวออกมาจากเทวโลก

ยามเขาก้าวเท้าลงบนแดนเทวโลก ภายในใจเปี่ยมด้วยอารมณ์มากมาย เขาเคยเป็นหนึ่งในเก้าบรรพจารย์เซียนผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าเขาไม่เคยก้าวออกจากจักรวาลโกลาหลอันเป็นที่ตั้งของภพเซียนมาก่อน ไม่ต้องเอ่ยถึงเทวโลกเลย

หากไม่ใช่เพราะฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งโผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาคงยังไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเทวโลกเสียด้วยซ้ำ

“การที่ข้าสามารถเข้าสู่เทวโลกได้ หากเป็นครั้งอดีตเกรงว่าข้าคงตื่นเต้นแทบตาย!”

เขาหัวเราะกับตนเอง จากนั้นก็ส่ายหัวถอนหายใจกล่าวออกมา “ยามนี้ อ่า ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย”

เขาจะดีใจได้อย่างไร ไม่ว่าจะเหาะเหินขึ้นสูงหรือเดินทางไกลเพียงใด สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหนีพ้นบ่วงกรรมในร่างได้ จุดจบมีเพียงแค่ความตายเท่านั้น

“เอ๊ะ ท่านลุง ท่านต้องการจะไปห้วงธรณีหรือ? ห้วงธรณีไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก สิ่งมีชีวิตใดที่เข้าใกล้ทั้งหมดล้วนถูกดูดไป!”

ด้านหลังมีเด็กหนุ่มไม่ประสาผู้หนึ่งวิ่งไล่ตามไปเอ่ยกับบรรพจารย์ฝู

เขาเห็นว่าทิศทางที่บรรพจารย์ฝูมุ่งไปเป็นที่ตั้งของห้วงธรณี จึงรีบไปเตือนบรรพจารย์ฝู

“เด็กดียิ่งนัก ไม่เป็นอันใดหรอก”

บรรพจารย์ฝูพูดกับเด็กหนุ่มไม่ประสาด้วยรอยยิ้ม “สำหรับข้าในตอนนี้ ไม่มีที่ใดที่ไปไม่ได้”

“ท่านลุง ท่านพานพบเรื่องลำบากมาใช่หรือไม่? อย่าปล่อยให้ความคิดของท่านฟุ้งซ่านสิ! ยามนี้ห้วงธรณีน่ากลัวมากจริง ๆ ซ้ำยังมากขึ้นเรื่อย ๆ มีไม่รู้ตั้งกี่คนที่ทิ้งชีวิตไปในห่วงธรณี ตอนนี้พวกข้าเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการขนของย้ายบ้านออกไป!”

เด็กชายไม่ประสาเอ่ย

เดิมทีแม้ว่าห้วงธรณีจะอันตาย แต่อันตรายทั้งหมดก็อยู่เพียงด้านใน ขอเพียงไม่เข้าใกล้ก็หายห่วง

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่เพียงห้วงธรณีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ยังมีสิ่งน่าหวาดกลัวแผ่กำจายออกมา กลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียง

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน”

บรรพจารย์ฝูยิ้ม “เจ้าเป็นเด็กดีผู้นี้ อนาคตจะต้องสดใสเป็นแน่!”

เขาหยิบทุกสิ่งในตัวออกมา รวมทั้งสมบัติล้ำค่าที่สะสมเอาไว้ก่อนหน้านี้ด้วย เพื่อมอบมันให้กับเด็กหนุ่มไม่ประสา

ไม่ช้าก็เร็วเขาจักต้องตาย เก็บของเหล่านี้ไว้ก็ไร้ประโยชน์

หลังจากนั้นเขาก็หายลับไปทันที ตรงไปยังห้วงธรณี

“ที่นี่น่าสะพรึงกลัวมากสินะ? สามารถทำให้ข้าตายได้หรือไม่? หากทำให้ข้าตายได้ก็ดี…”

เขารำพึงกับตนเอง

เบื้องหน้าเป็นหุบเหวลึกขนาดมหึมาตั้งอยู่ อีกทั้งยังขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาล พยายามดูดเขาเข้าไปด้านใน

“ลองเข้าไปดูด้านในเถิด”

บรรพจารย์ฝูไม่ต่อต้าน ปล่อยตัวให้แรงดึงดูดพาไปจนถึงส่วนลึกของหุบเหว

ที่นี่มืดสนิท ไม่มีแสงใดแม้แต่น้อย แปลกประหลาดชวนขนลุกยิ่ง

“ปล่อยเบาเสียหน่อย แสดงให้เห็นว่าข้าเคยมาที่นี่…”

เขาปลดกางเกงออกต้องการจะทิ้งร่อยรอยการมาของตนเอง อย่างไรเสียเขาก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดจำเป็นต้องพะวงทั้งนั้น

ตำแหน่งที่เขาอยู่นั้นเหมือนจะสูงจากก้นเหวเป็นอย่างยิ่ง ได้ยินเพียงเสียงน้ำพุ่งออกไปเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงตกกระทบ

ด้านล่างดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ การปลดเบาของบรรพจารย์ฝูเมื่อครู่ก็ราวกับจะตกลงใส่หัวของคนผู้นั้น…

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท