ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 626 ช่วยเหลือหู่จือ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 626 ช่วยเหลือหู่จือ

เทศมณฑลชิงเหออยู่ห่างจากเมืองไห่เฉิงประมาณสองร้อยกว่ากิโลเมตร ในตัวเมืองมีรถประจำทาง เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่รวมถึงถังจวิ้นเฟิงและเพื่อนร่วมงานของเขานั่งรถประจำทางไปถึงตำบลที่เจิ้งต้าหมิงพูดถึงตอนประมาณบ่ายสาม

เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเขาก็ไปขอความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจท้องถิ่นก่อนเป็นอันดับแรก

ถังจวิ้นเฟิงกับเพื่อนร่วมงานถือจดหมายแนะนำที่มีตราประทับของหัวหน้าของพวกเขามาด้วย เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตำรวจท้องถิ่นจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

พวกเขามอบหมายให้ตำรวจนอกเครื่องแบบพาพวกถังจวิ้นเฟิงมุ่งตรงไปที่หมู่บ้าน

ที่นี่หิมะเพิ่งตกไปเมื่อไม่นานมานี้ ภูเขาขาวโพลน อากาศเย็นยะเยือก ตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก สุดท้ายพวกเขาก็ต้องจอดรถไว้กลางทางแล้วเดินเท้าเข้าไปในหมู่บ้าน

เมื่อไปถึงหมู่บ้าน ตำรวจท้องถิ่นก็กำชับพวกเขาอย่างมีประสบการณ์ “ต่อจากนี้พวกคุณอย่าเพิ่งทำอะไรกระโตกกระตาก พวกเราถามรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านนั้นก่อน แล้วค่อยส่งคนเข้าไปขอน้ำดื่ม”

เพื่อความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ได้ไปหาผู้ใหญ่บ้าน

เฉินเจียเหอร้อนใจอยู่บ้าง “ผมไปเอง”

พวกเขาไปสอบถามชาวบ้านหลายคน แต่ไม่มีใครรู้เรื่องเลย

พวกเขาจึงโกหกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของหวังโหย่วเซิ่ง เอาค่าแรงมาส่งให้เขา ชาวบ้านคนหนึ่งจึงบอกทางให้

เฉินเจียเหอแลดูแข็งกระด้าง สีหน้าเย็นชาจนน่ากลัว เซี่ยไห่จึงพูดขึ้นว่า “นายไม่ต้องไป รออยู่ข้างนอก ฉันจะเข้าไปเอง”

“ให้ตำรวจอย่างพวกเราเดินนำเข้าไปดีกว่า พวกคุณมีสำเนียงต่างถิ่น อาจถูกสงสัยเอาได้ เดี๋ยวพวกเราก็บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของหวังโหย่วเซิ่ง เอาค่าแรงมาให้เขา”

ตำรวจนอกเครื่องแบบแสร้งเป็นถามทางจากชาวบ้าน พาเซี่ยไห่เดินผ่านประตูไม้ผุพังเข้าไปในบ้านหวังโหย่วเซิ่ง

ประตูหน้าต่างบ้านหวังโหย่วเซิ่งมีลักษณะแปลกมาก คือมีเพียงบานเดียว ส่วนอีกบานถูกถอดออกไปแล้ว

เซี่ยไห่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีบ้านที่แปลกประหลาดแบบนี้ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

ตำรวจท้องถิ่นอธิบายเสียงเบา “คงเป็นเพราะมีลูกเกินที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้หญิงในบ้านอาจท้องแล้วหนีไป นี่เป็นการลงโทษที่หน่วยงานท้องถิ่นใช้เพื่อบังคับให้พวกเขากลับมาทำหมัน คาดว่าข้าวของในบ้านคงจะถูกขนย้ายออกไปเหมือนกัน”

เซี่ยไห่ฟังแล้วก็รู้สึกหดหู่ อาจเป็นเพราะอาศัยในเมืองมานาน คนรอบตัวยังมีความคิดค่อนข้างก้าวหน้า จึงยากจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านยากจนเช่นนี้

ขณะเดียวกัน เขายิ่งเศร้าใจและกระวนกระวายใจกว่าเดิม

หู่จือที่น่ารักของพวกเขาถึงกับถูกขายให้กับครอบครัวแบบนี้

“มีคนอยู่ไหม?” ตำรวจนอกเครื่องแบบพูดด้วยสำเนียงท้องถิ่นพลางเลิกม่านประตูขึ้น

ในบ้านแทบไม่มีอะไรเลย บนเตียงเตามีเพียงเด็กหญิงสองคนและหญิงชราคนหนึ่ง

“หวังโหย่วเซิ่งอยู่หรือเปล่าครับ?” ตำรวจถาม

หญิงชราไม่ตอบ ท่าทางระแวงสงสัย

เด็กหญิงที่ดูโตกว่าเล็กน้อยส่ายหน้าอย่างขลาด ๆ “พ่อไม่อยู่ค่ะ”

“ฉันเป็นหัวหน้าของเขา เอาค่าจ้างมาให้ เขาอยู่ไหน?”

ครั้นได้ยินว่าอีกฝ่ายมาส่งเงิน ใบหน้าซูบผอมเหี่ยวย่นของหญิงชราจึงค่อยดูดีขึ้นบ้าง

นางกล่าว “เขายังไม่กลับมา”

“ยังไม่กลับ? ไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้ว?” ตำรวจถาม

หญิงชราไม่กล้าสบตาพวกเขา ตอบเสียงเบา

“เขากับแม่ของพวกเด็ก ๆ ออกไปทำงานต่างเมืองได้หลายเดือนแล้ว”

“ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง?”

ตำรวจกวาดตามองบ้านดินที่ทรุดโทรมหลังนั้น ถังจวิ้นเฟิงก็สังเกตอย่างละเอียดเช่นกัน จากนั้นเหลือบไปเห็นถุงขนมปังเปล่าที่มีเครื่องหมายการค้าของเมืองไห่เฉิงอยู่ตรงขอบเตียงโดยไม่ตั้งใจ

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งแกะกินแล้วทิ้งไป

แสดงว่าหวังโหย่วเซิ่งน่าจะกลับมาแล้ว

“ได้ งั้นผมจะเก็บเงินก้อนนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยเอามาให้เขาทีหลัง”

พวกเขาใช้ข้ออ้างนั้นกลับออกมา

เฉินเจียเหอรีบถามถังจวิ้นเฟิงว่า “เป็นยังไงบ้าง? คนอยู่ไหม?”

“แม่เฒ่าคนนั้นบอกว่ายังไม่กลับมา แต่ฉันคิดว่าหล่อนน่าจะโกหก หวังโหย่วเซิ่งกลับมาแล้ว”

ตำรวจท้องถิ่นพูดว่า “พวกคุณไปหาที่พักกันก่อน พวกเราจะซุ่มรอเอง”

“พวกผมจะอยู่ที่นี่ด้วย พวกผมทุกคนเคยเป็นทหารมาก่อน มีทักษะในการสอดแนม ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว พวกเราไม่น่าถูกจับได้”

บ้านของหวังโหย่วเซิ่งอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากหลังบ้านอื่น ๆ หลังบ้านมีเพิงเก่าโทรมเพิงหนึ่งให้เข้าไปซ่อนตัวกันในนั้นได้

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ข้างนอกอากาศหนาวจัด แทบจะไม่มีชาวบ้านออกมาข้างนอก

พวกเขาจึงเฝ้าอยู่ในเพิง เบียดกันเพื่อเพิ่มความอบอุ่นจนถึงตอนกลางดึก

ในที่สุด ชายคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในประตูด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

บ้านตระกูลหวังยากจนมาก กำแพงดินสูงเท่าตัวคน ทั้งยังโงนเงนทำท่าจะล้มโครมลงมาอยู่รอมร่อ พวกเฉินเจียเหอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงประตูก็กระโดดข้ามกำแพงเข้ามาหลบอยู่ในลานบ้าน

“โหย่วเซิ่ง เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกกันแน่? ทำไมถึงต้องกลับบ้านตอนกลางดึกทุกวัน?”

“แม่ แม่เจาตี้อยู่บ้านแม่ยาย อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว ผมมีเรื่องจะบอกแม่”

หวังโหย่วเซิ่งกระซิบบอกมารดาผู้ชรา

“ถึงตอนนั้นก็ให้บอกว่าเป็นลูกชายของพี่ชายที่บ้านเดิมของแม่เจาตี้ยกให้พวกเราเลี้ยง แม่บอกพวกเด็ก ๆ ด้วย อย่าปล่อยให้ไปพูดอะไรเหลวไหลข้างนอก”

หวังโหย่วเซิ่งคุยกับมารดาในบ้านครู่หนึ่งก็จากไปอย่างรีบร้อน

เห็นดังนั้น เฉินเจียเหอ ถังจวิ้นเฟิงและเซี่ยไห่ก็รีบตามไป

ตำรวจท้องถิ่นสอบถามที่อยู่บ้านพ่อตาของหวังโหย่วเซิ่ง

พวกเขาได้ยินคำพูดของหวังโหย่วเซิ่งเมื่อครู่นี้กันบางส่วน เขาบอกว่าภรรยาอยู่ที่บ้านเกิด ขากลับจะพาเด็กมาด้วย โดยบอกว่าเป็นลูกของพี่ชายภรรยา

หมายความว่า เป็นไปได้อย่างมากที่หู่จือจะอยู่ที่บ้านพ่อตาของหวังโหย่วเซิ่ง

พวกเขาไม่แน่ใจว่าหวังโหย่วเซิ่งจะตรงกลับไปที่บ้านพ่อตาเลยหรือเปล่า จึงแบ่งเป็นสองกลุ่มเผื่อเอาไว้

พวกเขาสามคนตามหลังหวังโหย่วเซิ่งไปอยู่ห่าง ๆ

หวังโหย่วเซิ่งถือไฟฉายส่องทางเดินไปข้างหน้า ส่วนพวกเขาเดินตามแสงไฟไปอย่างเงียบเชียบ

ตอนกลางคืนในฤดูหนาวทั้งมืดมิดและหนาวเหน็บ

เส้นทางบนภูเขาเดินทางลำบาก เซี่ยไห่เกือบหกล้มไปหลายครั้ง

เฉินเจียเหอและถังจวิ้นเฟิงแทบจะต้องหิ้วปีกเขาเดินไปข้างหน้า

ในที่สุด เมื่อเดินมาได้ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็เริ่มได้ยินเสียงสุนัขเห่า

น่าจะเข้าหมู่บ้านแล้ว

“รีบตามไปเร็วเข้า”

พอเข้าหมู่บ้านแล้ว ทุกคนก็ต้องรีบตามไปติด ๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้เลยว่าเขาไปบ้านหลังไหน

ตลอดทางมานี้หวังโหย่วเซิ่งไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนตามหลังมา แต่พอเข้าหมู่บ้านไปก็พบว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว พอมีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน สุนัขตัวหนึ่งเริ่มเห่า สุนัขทั้งหมู่บ้านก็เห่าตาม

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งนี้ เสียงสุนัขเห่าชวนให้ขนลุกอย่างน่าประหลาด

ชายผู้นั้นเดินเร็วขึ้น ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วจึงเลี้ยวโค้งและดับไฟฉาย

คนหายไปแล้ว

ตอนกลางดึก พอดับไฟทุกอย่างก็มืดสนิท ในหมู่บ้านที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ การตามหาคนเป็นเรื่องยากเกินไป จำต้องรอให้ฟ้าสางเสียก่อน

ตอนนี้พวกเขาสามคนต่างอารมณ์หนักอึ้ง ยืนอยู่ในความมืดด้วยใจร้อนรุ่ม

ไม่คิดว่าหู่จือจะถูกขายมาอยู่ในหมู่บ้านกลางภูเขาที่ยากจนแบบนี้

ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก

พวกเขาตามหาหวังโหย่วเซิ่งไม่เจอจึงดักรออยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ถ้าพวกนั้นจะพาเด็กออกจากหมู่บ้านก็ต้องออกไปทางนี้

ขณะที่พวกเขายืนสับสนทิศทางหน้าหมู่บ้าน ตำรวจท้องถิ่นก็มาถึงหมู่บ้านแล้ว

คราวนี้ พวกเขาตรงไปหาผู้ใหญ่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก

เคาะประตูบ้านชาวบ้านหลังแรก ขอให้พาไปบ้านผู้ใหญ่บ้านโดยตรง

ชาวบ้านไม่กล้าขัดขืนจึงนำทางไปพบผู้ใหญ่บ้าน

เรื่องแบบนี้ต้องไปหาผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น

ถามคนอื่นก็เสียเวลาเปล่า

วุ่นวายกันอยู่สักพัก ก็มีคนไปแจ้งข่าวแต่แรกแล้ว

เนื่องจากนโยบายวางแผนครอบครัวเข้มงวดอย่างมาก คนในหมู่บ้านจึงช่วยกันเป็นหูเป็นตา ถ้ามีคนแปลกหน้ามาถามถึงคนในหมู่บ้านก็จะบอกปฏิเสธไม่รู้เรื่อง พอคล้อยหลังก็จะไปส่งข่าวบอกเจ้าตัว

แต่ผู้ใหญ่บ้านมีตำแหน่งติดตัว จึงต้องให้ความร่วมมือตามหน้าที่

เวลานี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ผู้ใหญ่บ้านสวมเสื้อขนแกะเดินออกมา คิดว่าคงจะเป็นพวกเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบตามนโยบายวางแผนครอบครัวอีกแล้ว แต่เมื่อได้รู้ว่าในหมู่บ้านมีอาชญากร เขาก็มีท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที

นำทางไปบ้านพ่อตาของหวังโหย่วเซิ่ง

พอไปถึงหน้าบ้าน ประตูบ้านกลับปิดสนิท เคาะเท่าไรก็ไม่เปิด

เพื่อความรอบคอบ ตำรวจและพวกถังจิ้งเฟิงจึงล้อมบ้านเอาไว้ ป้องกันไม่ให้มีคนปีนกำแพงหลบหนี

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

ค่ำคืนนั้นลมวสันต์มาเยือน

Status: Completed
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่า นางร้ายของเรื่องบังเอิญมีชื่อเดียวกันกับ "อวี๋เซียง" ที่บังเอิญยิ่งกว่านั้น ยังขาพิการตั้งแต่ยังเด็กเหมือนอวี๋เซียงไม่ผิดเพี้ยน ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตวิญญาณหรือสุขภาพร่างกาย คนทั้งคู่มีโอกาสหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว!"นี่มันวันซวยของเธอ อวี๋เซียงหรืออย่างไร! ภพก่อนประสบเคราะห์กรรมตั้งมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เกิดชาติใหม่ภพใหม่ สุดท้ายกลับต้องเกิดใหม่ในร่างที่ไม่สมบูรณ์ นั่นยังพอทำใจได้ แต่ทีทำให้เธอโมโหที่สุดก็คือ...เธอหลงเข้ามาอยู่ในนิยาย ทั้งยังได้รับบทเป็นตัวละครสมทบหญิงที่ซวยที่สุดในโลก!"

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท