คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 748 กรรมตามสนองแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 748 กรรมตามสนองแล้ว

ฉินหลิวซีไม่ได้ฆ่านักพรตยินซาน แต่ใช้เข็มเงินแทงที่จุดฝังเข็มสร้างความยุ่งเหยิงในเส้นลมปราณสมอง ทำให้สูญเสียความทรงจำ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสมองถูกทำลาย

หลังจากที่เข็มแทงเข้าไป เขายังคงรู้ทุกสิ่งที่เรียนรู้มา และรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่เมื่อเขาต้องการลงมือทำจริงๆ ความทรงจำเหล่านั้นกลับพังทลายลง ไม่สามารถรวบรวมได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะทำอย่างไร แม้แต่จะเอ่ยก็เอ่ยออกมาไม่ได้

การกระทำนี้เท่ากับการทำลายตบะของเขา แต่ฉินหลิวซีนั้นโหดร้ายกว่า นางไม่ได้ทำลายทั้งหมด นางเหลือสิ่งที่เขารู้ไว้ให้เขาทั้งหมด แต่เขากลับทำไม่ได้ ทำได้เพียงร้อนรน

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นางเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของนักพรตยินซาน

ควงซาน ‘สมญานามว่าผีร้ายควรจะสงวนไว้ให้นาง’

เดิมทีนักพรตยินซานก็ไม่ได้ใส่ใจ ในความเห็นของเขา การกระทำของฉินหลิวซีคือการปล่อยเสือกลับภูเขา แต่เมื่อฉินหลิวซีถามถึงวิชาลักเด็กว่าต้องทำอย่างไร เขาก็แสยะยิ้ม เอ่ยขึ้นมาว่า “แน่นอนว่าต้องใช้สตรีที่ตั้งครรภ์ครบเจ็ดเดือน…เจ็ดเดือน แล้วก็อะไรต่อนะ”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง คิดอย่างละเอียด เมื่อครู่กำลังจะนึกอะไรขึ้นได้ ก็ถูกความทรงจำอื่นบดบัง จึงทำให้เขาร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งสับสน สุดท้ายก็เหงื่อออกเต็มไปหมด สีหน้าซีดขาว

เขารู้วิชานั้น แต่เขาเรียบเรียงไม่ได้!

นักพรตยินซานจึงตกใจขึ้นมาว่าฉินหลิวซีทำอะไรกับเขากันแน่ เขาโกรธจัด พุ่งเข้าไปหานาง

มาตายไปด้วยกันเถิด!

ในมือของเขาถือยันต์ห้าสายฟ้าแผ่นหนึ่ง

ฉินหลิวซีไม่ขยับ แต่ควงซานขยับ พัดไปทางที่นักพรตยินซานพุ่งมา

ปัง

ยันต์ห้าสายฟ้าระเบิด

ควันลอยขึ้นมา

ทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน เห็นเพียงนักพรตยินซานถูกระเบิดจนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เส้นผมตั้งตรงราวกับขอทาน ใบหน้าดำสนิทจนมองไม่เห็นรูปลักษณ์เดิมของเขา กองอยู่บนพื้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

ควงซานเอ่ย “ท่านจัดการเขาเถิด เมื่อครู่เขาก็ยังอยากจะตายไปพร้อมกับท่าน ปล่อยเสือกลับภูเขา หากเขากลับมาล้างแค้นจะทำอย่างไร”

“เขากลับมาไม่ได้แล้ว แล้วก็อยู่ได้อีกไม่นาน เหตุใดข้าจะต้องเพิ่มบาปชีวิตเพราะคนชั่วร้ายเช่นนี้” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “สภาพของเขาในตอนนี้ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว มีชีวิตรอดอีกไม่กี่วัน ย่อมมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ถึงที่ และเมื่อไปที่ยมโลกเขาก็ยังต้องถูกลงโทษ”

ยินซานสมควรตาย แต่มีบางคนหวังว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือของพวกเขามากกว่า

ควงซานมองไปยังยินซานที่ยังคงมีควันโขมง สายตากวาดมองผ่านมือที่ขาดของเขาไป เอาเถิด หากยังสามารถกลับมาได้ เช่นนั้นเขาก็มีวิชาอยู่บ้างจริงๆ

ฉินหลิวซีเก็บแผ่นค่ายอาคม เอ่ยกับควงซานว่า “เจ้าไปเถิด”

ควงซาน “อ้อ” ถามอีกว่า “มุกเส้นนั้นนั้นเป็นของเทพเฟิงตูหรือขอรับ”

อ่าฮะ

ฉินหลิวซีนำมุกสวรรค์มาห้อยคอเหมือนเดิมแล้วพยักหน้า

สายตาของควงซานสั่นไหว เอ่ยว่า “กำไลหินเก้าตาของเขามาอยู่ในมือท่านได้อย่างไร”

หรือว่านางยังกล้าไปถล่มยมโลกด้วย

“แน่นอนว่าเพราะเห็นว่าข้าฉลาดและเป็นเด็กดีจึงมอบให้ข้า” ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม

เหอะๆ ข้าว่าท่านไร้ยางอายมากกว่า!

ควงซานเพียงแค่บ่นในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมา เอ่ยต่ออีกสองสามคำแล้วจึงจากไป

ฉินหลิวซีจับมือวั่งชวนมาเพื่อตรวจชีพจร ถามว่า “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

วั่งชวนส่ายหน้า “แค่รู้สึกหนาวเจ้าค่ะ”

“กลับไปอาจารย์จะให้ยันต์บำรุงจิตวิญญาณแก่เจ้าหนึ่งแผ่น” ฉินหลิวซีลูบหน้าผากนาง เอ่ย “เสวียนซินกล้าหาญมาก กล้าใช้เครื่องรางต่อกรกับวิญญาณร้ายแล้ว”

วั่งชวนถูกชมจนใบหน้าเล็กเริ่มแดงขึ้นมาทีละน้อย ก้มหน้าลงด้วยความดีใจ เอ่ยพึมพำ “มีท่านอาจารย์อยู่ด้วย ไม่กลัวเจ้าค่ะ”

วั่งชวนพยักหน้า

บ้านตระกูลหลิว

ในเรือนของคุณชายหลิว อาจกล่าวได้ว่าเสียงกรีดร้องใจจะขาดของนายหญิงใหญ่หลิวดังก้องไปทั่ว ทำเอานกบริเวณใกล้เคียงตกใจจนไม่กล้าอยู่ที่นี่

ส่วนฮูหยินหลิวที่ฟังเสียงกรีดร้องทรมานที่ดังมาจากข้างใน ซ้ำยังมีอ่างน้ำสีเลือดที่ถูกยกออกมาเรื่อยๆ เปลือกตานางก็กระตุก ไม่มีความอยากเข้าไปในห้องคลอดแม้แต่นิดเดียว

หากเป็นตอนที่นางยังไม่รู้เรื่องการลักเด็ก ลูกสะใภ้ใหญ่จะให้กำเนิดหลานชายคนโตของตระกูลหลิวทั้งที นางก็คงเข้าไปดูการคลอดบุตรอยู่เป็นเพื่อนด้วยตัวเองนานแล้ว และจะเกลี้ยกล่อมไม่ให้อีกฝ่ายกรีดร้องจนหมดแรงในการคลอดบุตร

แต่หลังจากได้รู้เหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยเกลี้ยกล่อมแม้แต่น้อย ซ้ำในหัวยังมีความคิดชั่วร้ายผ่านเข้ามา ร้องไปเถิด ออกแรงร้อง เมื่อถึงเวลาก็ไม่ต้องคลอดแล้ว

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฮูหยินหลิวก็รู้สึกมืดมน รีบท่องอมิตาพุทธ จากนั้นก็หลับตารออย่างอดทน

ในเวลานี้นายท่านน้อยหลิว บุตรชายของฮูหยินหลิวรีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ถามว่า “คลอดแล้วหรือไม่”

เขาถามพลางพุ่งเข้าไปข้างใน

ฮูหยินหลิวตะโกนเรียกเขาไว้ “สตรีกำลังคลอดบุตร เจ้าจะเข้าไปทำไมกัน รออยู่ข้างนอก”

นายท่านน้อยหลิวหยุดฝีเท้า ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของนางได้ผล หรือเป็นเพราะเสียงร้องทรมานจากข้างในทำให้เขาหวาดกลัวจนสุดหัวใจ ไม่กล้าจะเข้าไปอีก แต่ตะโกนอยู่ที่หน้าประตู “หว่านเอ๋อร์ ข้ารออยู่ข้างนอก”

“หลิวฮุย คนสารเลว ข้าไม่คลอดแล้ว ไสหัวไป” เสียงตะโกนของนายหญิงใหญ่หลิวดังออกมา

หลิวฮุยตัวแข็งทื่อ สีหน้าก็ดูแย่เล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อแล้วมารออยู่ข้างฮูหยินหลิว

ฮูหยินหลิวนึกบางอย่างขึ้นมา หลายวันมานี้หลิวฮุยติดตามบิดาของเขาออกไปสังสรรค์ พึ่งกลับจวนมาเมื่อวาน นางก็ไม่ได้บอกพวกเขาทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องผิดศีลธรรมที่นายหญิงใหญ่หลิวทำลงไป เพราะพวกเขาสองคนพ่อลูกล้วนเชื่อคำกล่าวที่ว่าขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับ

นางคิดว่าหลังจากที่นายหญิงใหญ่หลิวคลอดแล้ว ดูออกว่าเป็นอะไร แล้วนางค่อยบอก มีหลักฐานจึงจะสามารถกล่าวโน้มน้าวได้

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะคลอดก่อนกำหนด

เส้นเลือดบนหน้าผากของฮูหยินหลิวเต้นตุบๆ นึกถึงคำพูดของฉินหลิวซี แล้วฟังเสียงกรีดร้องอย่างทรมานจากข้างใน ส่วนลึกของหัวใจรู้สึกว่าในห้องคลอดมีบางสิ่งกำลังก่อกวน

นางลูบข้อมือโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่พบอะไร

ใช่แล้ว ลูกประคำที่นางใส่เป็นประจำได้ถอดออกให้แม่นมเก็บใส่กล่องก่อนที่จะเข้ามาในห้องนี้แล้ว

ฮูหยินหลิวหลับตาลง ปิดซ่อนความเย็นชาและความโหดร้ายในดวงตา

ลูกสะใภ้เช่นนี้ ตระกูลหลิวรับไว้ไม่ได้

นายหญิงใหญ่หลิวก็รู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุดเช่นกัน ร่างกายส่วนล่างเจ็บปวดราวกับมีคนใช้มีดกรีดท้อง จากนั้นก็แหวกกระดูกของนางด้วยมือเปล่า แล้วใช้เลื่อยตัด

เจ็บ เจ็บมาก

ที่แท้คลอดบุตรมันเจ็บเช่นนี้นี่เอง

นางรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว

นายหญิงใหญ่หลิวกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง ร่างกายราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำ เปียกโชกไปทั้งตัว สติก็เริ่มเลือนรางเล็กน้อย

เวรกรรมตามสนองนางแล้ว

ทันใดนั้นคำพูดของฉินหลิวซีเมื่อก่อนหน้านี้ก็ดังก้องอยู่ข้างหูอย่างเยือกเย็น

ทันใดนั้นดูเหมือนว่าสมองของนายหญิงใหญ่หลิวจะชัดเจนขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับดวงตาจะถลนออกมา กล่าวว่า “ข้าไม่กลัวเจ้า ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”

นางคว้ามือของแม่บ้านคนสนิท เอ่ยอย่างสั่นเทา “ไปอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมหยกในห้องของข้ามา”

ไม่มีทางที่นานขนาดนี้แล้วยังคลอดออกมาไม่ได้ ต้องเป็นเพราะสองแม่ลูกคู่นั้นกลับมาแล้ว เป็นพวกเขาที่กำลังทำอะไรบางอย่าง พวกเขาอยากให้นางหนึ่งร่างสองชีวิตตายเพราะคลอดบุตรยาก!

อยากให้นางตายใช่หรือไม่ ฝันไปเถิด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท