บทที่ 1031 อาจถูกถอดถอน
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่หลายคนรีบเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและชายวัยกลางคน บนเสื้อผ้าของพวกเขามีลายนกกระเรียนมงกุฎแดงหรือกิเลนปักอยู่เกือบทุกคน
ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอย่างชัดเจน ขุนนางชั้นสูงมีภาพนกกระเรียนมงกุฎแดงปักบนเครื่องแบบ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงเป็นกิเลน
หืม? ดวงตาของซูอันเป็นประกายเมื่อเห็นคนรู้จักเก่า! อ๋องเหลียง!
นอกจากนี้ยังผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเดินมา ผมของเขาทั้งหมดจะเป็นสีขาวและมีริ้วรอยทั่วใบหน้า แต่ดวงตาของเขาก็ยังเฉียบคม ด้านหลังยังมีบุคคลที่คุ้นเคยอีกคนหนึ่งอยู่ที่นั่น แม่ทัพหลิวเหย่าเดินตามหลังเขาห่างออกไปครึ่งก้าวด้วยความเคารพ
ซูอันตกตะลึง หลิวเหย่าที่เขาจำได้นั้นเย่อหยิ่งหยิ่งมาก จมูกของแม่ทัพผู้นี้ชี้ขึ้นฟ้าเสมอ แต่ขณะกลับต้องเดินต้อย ๆ ตามหลังใครก็ไม่รู้อย่างพินอบพิเทา ไอ้คนที่ด้านข้างหน้านี่มันใครกันเนี่ย?
ซูอันเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงไม่นาน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักคนมากนัก อย่างไรก็ตาม เขาสามารถถามรัชทายาทได้
รัชทายาทมองดูบุคคลนั้นและตกใจมาก ใบหน้าที่อ้วนท้วนสั่นเทา “นั่นท่านปู่ของข้า…” เขาแอบซ่อนหมากไว้ใต้ที่นั่งขณะพูด ดูหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ซูอันตระหนักว่าชายผมขาวเป็นพ่อตาของจักรพรรดิ หลิวกวง! จักรพรรดินีและอดีตจักรพรรดินีต่างเป็นธิดาของชายผู้นี้
หลิวกวงมีความสุขกับสถานะที่ยอดเยี่ยมเพราะเขาครอบครองตำแหน่งแม่ทัพชำนาญศึก ในแง่ของระบบทหาร เขาเป็นอันดับสองรองจากแม่ทัพใหญ่เท่านั้น ยศของเขานั้นสูงกว่าของสองแม่ทัพแห่งตระกูลฉิน
แน่นอนว่ายศทหารเป็นสิ่งหนึ่ง ทว่าอำนาจอิทธิพลที่แท้จริงนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง แม่ทัพทั้งสองแห่งตระกูลฉินมีคนที่มีอำนาจอยู่ใต้บังคับบัญชามากมาย ดังนั้นอำนาจที่แท้จริงของพวกเขาจึงยิ่งใหญ่กว่าหลิวกวง
หลิวกวงบังเอิญเหลือบเห็นซูอันและรัชทายาท เขาเดินตรงดิ่งเข้ามาอย่างโกรธเคือง การเคลื่อนไหวของรัชทายาทจะเล็ดลอดสายตาเขาไปได้อย่างไร?
“รู้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? องค์รัชทายาท เจ้ายังมาเล่นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?” หลิวกวงโกรธมาก เขาชี้ไปที่ซูอันและกล่าวว่า “ลากเจ้าโง่นี่ที่ล่อลวงให้องค์รัชทายาทเล่นสนุกลงไปในคุกแล้วโบยร้อยครั้ง!”
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไป เขาถูกลงโทษเพียงเพราะนั่งอยู่ตรงนี้! วันนี้เกิดบ้าอะไรขึ้น? เหตุใดข้าจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไร้สาระเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ทันใดนั้น หลิวเหย่าก็วิ่งไปหาพี่ชายของเขาและกระซิบคำสองสามคำ ท่าทีของหลิวกวงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมองซูอัน “โอ้ นี่คือซูอัน เจ้าเพิ่งเข้ามารับใช้รัชทายาทช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แต่…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ร่างของเขาก็หยุดนิ่งราวกับกำลังฟังอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนพูดคุยกับเขาผ่านกระแสพลังชี่ ไม่นานเขาก็เปลี่ยนน้ำเสียง “เนื่องจากเจ้ามาใหม่ ข้าจะไม่ถือว่าเจ้าต้องรับผิดชอบเพราะความไม่รู้จะดีกว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นราชเลขาของรัชทายาท มีหน้าที่ดูแลการศึกษาของรัชทายาท อย่าชักนำรัชทายาทให้เหลวไหลแบบนี้อีก!”
“ผู้น้อยรับทราบ!” ซูอันประสานมือ “ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ หลิวเหย่าพูดแทนเขางั้นเหรอ? แต่นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย… พวกเขาไม่มีมิตรภาพร่วมกันจริง ๆ นอกจากนี้ ชายผู้นี้คงจะเกลียดเขาหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองจันทร์กระจ่าง
ทันใดนั้น องค์หญิงรัชทายาทได้ปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ และกล่าวว่า “ทุกคนโปรดเข้ามาพูดคุยกัน” นางดูเหนื่อยมาก อย่างไรก็ตาม นั่นกลับทำให้น้ำเสียงของนางเป็นเอกลักษณ์ซึ่งฟังสบายหู ซูอันจึงตระหนักว่าเป็นองค์หญิงรัชทายาทต่างหากที่พูดแทนเขา
“องค์รัชทายาท โปรดเข้ามาข้างในด้วย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน” องค์หญิงรัชทายาทมองซูอันเหมือนกำลังลังเล อย่างไรก็ตาม เมื่อนางพิจารณาว่าสถานะของเขาต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับหลิวกวงและคนอื่น ๆ นางก็เลิกคิดที่จะเชิญเขาเข้าไปข้างใน
หลิวกวงและคนอื่น ๆ เดินตามนางเข้าไปข้างใน หลังจากเข้าไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หลิงหลง ดูเหมือนเจ้าให้คุณค่ากับเจ้าเด็กนั่นมากไปหน่อย”
องค์หญิงรัชทายาทตอบว่า “แม้ว่าซูอันจะดูไร้ความรับผิดชอบเล็กน้อย แต่เขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก เพิ่งมาเมืองหลวงได้ไม่กี่วันก็ทำให้ราชันลมปราณต้องทนทุกข์อย่างมาก ข้าเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเรื่องที่เขาหักขาของจ้าวจื่อเมื่อวานนี้เช่นกัน”
หลิวกวงลูบเคราและหัวเราะ “นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่ข้าเคยได้ยินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าแม้แต่ราชันลมปราณก็ยังมีวันที่ชะตาร้าย!”
อ๋องเหลียงกล่าวเสริมว่า “ข้าเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขามาก่อนในเมืองจันทร์กระจ่าง ไอ้เด็กผู้นี้สามารถเปลี่ยนอันตรายให้กลายเป็นเรื่องดี ทำให้คู่ต่อสู้ต้องอับอายขายหน้าแทนตัวเอง”
หลิวเหย่าซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็อารมณ์เสียในทันที “มองข้าทำไม!?”
อ๋องเหลียงตอบว่า “ข้าแค่มองไปรอบ ๆ”
องค์หญิงรัชทายาทรีบขัดจังหวะทั้งสองอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทขึ้น “มันยากอยู่แล้วที่จะพยายามดึงคนอย่างเขาเข้ามาร่วมกับเรา แล้วทำไมต้องทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ด้วย? นี่เป็นเหตุผลที่ข้าหยุดท่านก่อนหน้านี้”
หลิวกวงพยักหน้าเห็นด้วย แต่หลิวเหย่าบ่นว่า “หลิงหลง เจ้าไม่โปรดปรานเขามากเกินไปหน่อยเหรอ? เขาเป็นแค่อันธพาลข้างถนน มีอะไรพิเศษ? ก็แค่โชคช่วยเท่านั้น”
องค์หญิงรัชทายาทไม่สนใจและเริ่มสนทนากับคนอื่น ๆ
…
ในขณะเดียวกันซูอันกำลังสนทนากับเผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนอยู่ด้านนอก
ราชองครักษ์ทั้งสองมองเขาอย่างเคารพ “พี่ซู ข้าคิดว่าท่านจะถูกลงโทษเสียแล้ว! ข้าชื่นชมท่านจริง ๆ!”
ซูอันกลอกตา “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพวกเจ้าหวังว่าข้าจะโดนทุบตี”
“พี่ซู เข้าใจผิดแล้ว! เห็นเราเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” ทั้งสองแสดงความจงรักภักดีอย่างรวดเร็ว
ซูอันอดไม่ได้ที่จะมองไปในทิศทางของห้องโถงด้านใน “พวกเจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เจียวซือกุนบ่นว่า “เราสองคนถูกลงโทษให้อยู่ที่นี่ตลอดเวลา ดังนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่เมื่อพิจารณาจากสีหน้าขององค์หญิงรัชทายาทแล้ว มันอาจเป็นเรื่องสำคัญ”
เผี่ยวตวนเตียวพยักหน้า “เราทำงานให้กับวังตะวันออกมาหลายปีแล้ว เราไม่เคยเห็นการรวมตัวครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน”
“แล้วเจ้าจำเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปก่อนหน้านี้ได้บ้างไหม?” ซูอันยังคงถามคำถามต่อไป แม้ว่าฉู่ชูเหยียนเคยให้รายละเอียดคร่าว ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของราชสำนัก แต่เขารู้จักเพียงชื่อและตำแหน่งเท่านั้น ไม่สามารถชี้ตัวได้ว่าใครเป็นใคร
ราชองครักษ์ทั้งสองอธิบายว่า “คนที่เข้าไปก่อนคือปี่ฉี เขาเป็นหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรและยังเป็นพ่อขององค์หญิงรัชทายาทด้วย”
ซูอันเล่าถึงผู้คนที่เคยเข้าไปก่อนหน้านี้ ปี่ฉีน่าจะเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดีที่มาถึงก่อน ท้ายที่สุดแล้ว บิดาผู้ให้กำเนิดองค์หญิงรัชทายาทจะมีหน้าตาน่าเกลียดได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าใบหน้าของชายผู้นี้จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ชั่วร้าย มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เหมือนกับการดูนักแสดงดาวร้ายที่เล่นบทคนดี ผู้ชมจึงยังคงรับรู้ว่าเป็นตัวร้ายที่แกล้งเป็นคนดีโดยไม่รู้ตัว
นี่คือความรู้สึกที่ปี่ฉีมอบให้ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน เขายังพยักหน้าทักทายขันทีและนางกำนัล ไม่ว่าใครจะมองจากมุมไหน เขาก็ดูเหมือนชายที่สง่างาม อย่างไรก็ตาม ความประทับใจแรกที่ซูอันมีต่อชายคนนี้คือเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์
“คนที่สองที่มาถึงคือหัวหน้าสำนักเลขาธิการกลาง เมิ่งอี้ ดูเหมือนท่านจะรู้จักคนที่เพิ่งมาถึง งั้นข้ามไปเลย” เผี่ยวตวนเตียวอธิบายจากด้านข้าง
ซูอันตกใจ ทั้งหมดนี้คือขุนนางใหญ่ของฝ่ายรัชทายาท! นี่มันงานอะไรกัน ทำไมทุกคนถึงมารวมตัวกันในวันนี้?
กลุ่มที่อยู่ข้างในยังคงประชุมกันเกือบทั้งวัน พอตกกลางคืนเท่านั้นจึงค่อยทยอยกันโผล่ออกมา อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อพวกเขาจากไป ซูอันก็แอบตามหาองค์หญิงรัชทายาท “องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นพะย่ะค่ะ?”
“องค์หญิงรัชทายาท?” ปี่หลิงหลงขมวดคิ้ว ทันใดนั้น นางก็หัวเราะออกมาด้วยความลำบาก “ข้ากลัวว่าในไม่ช้า ข้าอาจจะไม่สามารถเป็นองค์หญิงรัชทายาทต่อไปได้”
ซูอันตื่นตระหนก “ทำไมพระองค์ตรัสเช่นนี้?” เมื่อพิจารณาจากการโต้ตอบครั้งล่าสุด เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ภาคภูมิใจในตัวเองลึกไปจนถึงกระดูก เขาไม่เคยเห็นนางสลดใจขนาดนี้มาก่อน
ปี่หลิงหลงมองดูรัชทายาทที่กำลังเล่นอยู่ใกล้ ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ฝ่ายของราชันลมปราณเคลื่อนไหว รัชทายาทอาจถูกถอดถอนในไม่ช้า หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ใช่องค์หญิงรัชทายาทอีกต่อไป”