ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 416 องครักษ์ชุดดำ!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 416 องครักษ์ชุดดำ!

สวี่ชิงเลือกทำ

งานที่ข่งเสียงหรงพูดถึง คือคำสั่งลับที่สำนักงานภาคสนามที่เขาอยู่มอบให้เขา

ภารกิจที่เดิมทีเป็นคำสั่งลับ ไม่อนุญาตให้คนจากกรมอื่นๆ เข้าร่วม

แต่ข่งเสียงหรงคิดถึงเรื่องที่สวี่ชิงต้องการแต้มกองทัพ เจ้าเด็กน้อยคนอื่นก็ต้องการเช่นกัน ดังนั้นภายใต้สู้รบปรบมือมาไม่รู้จบ ก็ชิงโอกาสนี้ที่ให้ผู้ครองกระบี่จากกรมอื่นมาเข้าร่วมได้ในฐานะผู้ช่วย

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังยินดีรับประกันเรื่องนี้ด้วย

ผู้ครองกระบี่ที่เข้าร่วมนอกเหนือจากสำนักงานภาคสนามแล้ว ยังมีสวี่ชิง ซานเหอจื่อ หวังเฉินรวมถึงเยี่ยหลิง

ส่วนภารกิจ…

“นี่เป็นภารกิจไปรับตัวคน”

ในสำนักงานภาคสนามของวังครองกระบี่ช่วงกลางดึก พวกของสวี่ชิงก็ทยอยเข้ามา ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดสิบเจ็ดคน ตอนนี้รวมกันอยู่ที่นี่ มองข่งเสียงหรงตรงกลางที่สีหน้าเคร่งขรึม

“พวกเราออกเดินทางกันก่อน ระหว่างทางข้าจะบอกรายละเอียดภารกิจกับพวกเจ้า ตามกฎแล้ว พวกแผ่นหยกสื่อเสียงทั้งหมดในตัวพวกเจ้าจะถูกผนึกทั้งหมด

“จนเราเสร็จสิ้นภารกิจกลับมา ระหว่างนี้พวกเราจะไม่สามารถใช้แผ่นหยกสื่อเสียงออกไปได้เลย มีแค่ข้าในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบภารกิจที่จะใช้งานได้”

ข่งเสียงหรงสีหน้าเคร่งขรึม พูดจบก็โบกมือ ทันใดนั้นก็มีผู้ครองกระบี่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะจากสำนักงานภาคสนามเดินเข้ามา หลังจากประสานมือคารวะทุกคนแล้ว ก็เข้ามาผนึก

วิธีการผนึกแสนง่ายดาย ใช้ผนึกต้องห้ามผนึก

จากปางมือของคนผู้นี้ ผนึกต้องห้ามหลายสายก็กระจายไปที่ตัวทุกคน

สวี่ชิงมองคนอื่น พบว่าไม่มีใครคัดค้าน ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องทำในการออกไปทำภารกิจ หลังจากตรวจสอบผนึกต้องห้ามอย่างละเอียดแล้ว จึงยอมให้แผ่นหยกสื่อเสียงของตนเองหมดประสิทธิภาพในการสื่อเสียงออกไปภายนอกโดยปริยาย

ผนึกต้องห้ามนี้ มีประโยชน์แค่อย่างเดียวจริงๆ ไม่มีผลอย่างอื่น

และก่อนที่เขาจะมาที่นี่ ก็ส่งสื่อเสียงแจ้งกับจอมเซียนจื่อเสวียนแล้วว่าตนอาจจะออกไปทำงานด้านนอก ขณะเดียวกันเขาก็ลางานในกรมราชทัณฑ์ไว้แล้ว

ตอนนี้เมื่อลงผนึกต้องห้ามเรียบร้อย ขณะที่ข่งเสียงหรงโบกมือ กลุ่มคนก็ออกเดินทาง ตรงไปยังตำหนักส่งข้ามของวังครองกระบี่ หลังจากทยอยเข้าไปก็ถูกส่งข้ามไปพร้อมกัน

จากแสงเจิดจ้าของค่ายกล ร่างของพวกเขาทั้งสิบเจ็ดคนก็หายไป

ตอนที่ปรากฏตัวขึ้น ก็มายังสถานที่ที่ห่างไกลจากเมืองหลวงเขตปกครองมากแล้ว ที่นั่นคือจุดชายแดนระหว่างเมืองหลวงเขตปกครองและมณฑลเมฆาสวรรค์

“หลังจากพ้นสามวัน พวกเราจะถึงจุดส่งข้ามอีกแห่ง แต่นับจากตอนนี้ พวกเราต้องพรางตัวไว้ตลอด ทุกคนเปลี่ยนชุดผู้ครองกระบี่เสีย ออกเดินทางได้”

ภายใต้ท้องฟ้าราตรีที่มืดมิด ข่งเสียงหรงมองกลุ่มคนข้างกาย เอ่ยเสียงต่ำ

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ภารกิจครั้งนี้เขามองออกว่าแตกต่างจากปกติ ถึงอย่างไรแต้มกองทัพก็มหาศาล แน่นอนว่าต้องอันตรายอยู่ระดับหนึ่ง จึงเปลี่ยนชุดนักพรตผู้ครองกระบี่

ไม่มีใครพูดคุยกัน หลังจากเปลี่ยนเสร็จอย่างรวดเร็ว ก็พุ่งทะยานไปในยามราตรีภายใต้การนำทางของข่งเสียงหรง

“ตอนนี้ข้าจะบอกภารกิจกับพวกเจ้า

“ภารกิจครั้งนี้คือไปรับตัวสายลับวังครองกระบี่คนหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์!

“สายลับคนนี้แฝงตัวอยู่ในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หลายปี และจะกลับมาช่วงนี้ ภารกิจของพวกเราคือไปรับตัวที่ชายแดน คอยคุ้มกันเขาให้กลับวังครองกระบี่”

ข่งเสียงหรงทะยานอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยขึ้นกับกลุ่มคนรอบๆ

“ส่วนเรื่องที่ว่าเขาตัวตนถูกเปิดโปงแล้วหรือไม่ ตรวจสอบเบาะแสอะไรผิดปกติได้หรือไม่ ทำไมจึงไม่เลือกใช้วิธีส่งข้ามอื่นแต่เลือกหลบหนีออกมาเอง เรื่องนี้พวกเจ้าคงคิดอยู่ในใจบ้าง แต่ข้าก็บอกพวกเจ้าได้อย่างมั่นใจว่าไม่ต้องคิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรรู้”

ข่งเสียงกรงมองสวี่ชิงรวมถึงพวกซานเหอจื่อ เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้พูดกับผู้ครองกระบี่ของสำนักงานภาคสนาม แต่อยากจะเตือนพวกสวี่ชิง

พวกของซานเหอจื่อเองก็ส่งสัญญาณว่าเข้าใจ

“แต่มีจุดหนึ่งที่ข้าเชื่อมั่น สายลับที่ยอมแฝงตัวอยู่ในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ สถานะของเขาไม่มีทางมีปัญหา เขาก็ไม่มีทางทรยศผู้ครองกระบี่อีกด้วย

“นอกจากนี้ข้ายังวิเคราะห์ว่าการกลับมาของสายลับคนนี้ น่าจะปิดบังตัวตนไว้ ที่พวกเราต้องไปรับอาจไม่ใช่ตัวเขา แต่อาจเป็นแค่ความว่างเปล่า

“ภารกิจครั้งนี้น่าจะมีกลุ่มเล็กอื่นๆ ดำเนินการอยู่ด้วย แต่ก็น่าจะแตกต่างกับพวกเรา

“ทางวังคงจัดผู้แข็งแกร่งไว้แล้ว แต่อยู่ในกลุ่มพวกเราหรือไม่ข้าไม่รู้” ข่งเสียงหรงมองพวกสวี่ชิง ส่งเสียงต่ำออกมา

“พี่ข่งทำไมครั้งนี้พูดเสียละเอียดขนาดนี้” ซานเหอจื่อเหลือบตามองสวี่ชิง

เยี่ยหลิงขมวดคิ้ว มองไปทางสวี่ชิงเช่นกัน

อันที่จริงการเรียกสวี่ชิงมาเข้าร่วมด้วยครั้งนี้ พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบอยู่ ไม่ใช่รำคาญ แค่ปรับตัวไม่ได้เท่านั้น

ถึงอย่างไรในฐานะที่พวกเขาเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่เคยเข้าร่วมกับใครมาก่อน

สวี่ชิงเป็นเพียงคนเดียวในรอบหลายปีนี้

หวังเฉินทำท่าทางไม่สนใจ หาวหวอดนั่งลงบนโลงศพ

สวี่ชิงสีหน้าปกติ ไม่พูดอะไร

“สวี่ชิงเข้าร่วมภารกิจกับพวกเราครั้งแรก จึงต้องพูดให้ชัดเจนก่อนเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดพลาด” ข่งเสียงหรงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

เห็นเห็นข่งเสียงหรงพูดเช่นนี้ เยี่ยหลิงกับซานเหอจื่อจึงไม่พูดอะไรอีก

ผู้ครองกระบี่ของสำนักงานภาคสนามคนอื่นก็ทำเหมือนมองไม่เห็น อันที่จริงพวกเขาคุ้นเคยกับพวกซานเหอจื่อดี ถึงอย่างไรทุกครั้งที่ข่งเสียงหรงรับภารกิจภาคสนาม ส่วนใหญ่สามคนนี้ก็อยู่ด้วย

ชกลุ่มคนพุ่งทะยานในยามราตรี เวลาไหลผ่านไปช้าๆ เช่นนี้

ความเร็วสวี่ชิงไม่ได้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ได้ช้าที่สุด ตามกลุ่มพลางวิเคราะห์ภารกิจ ขณะเดียวกันก็ย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์เผ่าต่างๆ ที่ปลัดเขตปกครองเคยสอนไว้

เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ คือเผ่าที่หลังจากต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทรยศเผ่ามนุษย์ในอดีตก็สร้างขึ้น ในฐานะที่กบฏเผ่ามมนุษย์ จึงเหมือนน้ำกับไฟ

พวกเขาพึ่งพาเผ่าฟ้าทมิฬ และเผ่าฟ้าทมิฬก็มอบเลือดให้ผสานเข้าไปในร่างกายเผ่ามนุษย์ เมื่อผ่านไปหลายยุคสมัย ก็ทำให้เลือดในสีแดงร่างกายเผ่าเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มีเลือดสีดำอยู่ด้วย

และขณะที่กระทบกระทั่งกันหลายปีมานี้ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เข่นฆ่าสังหารเผ่ามนุษย์โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเผ่าฟ้าทมิฬ เหมือนว่ายิ่งโหดเหี้ยมกับเผ่ามนุษย์มากเท่าไร ก็จะยิ่งพิสูจน์ตัวเองได้มากเท่านั้น

ขณะเดียวกันเขตปกครองผนึกสมุทรเพียงหนึ่งเดียวไม่ได้ถูกรวมเป็นหนึ่งในแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ก็จับจ้องตาเป็นมันเช่นกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะยังหวาดกลัวดินแดนจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ คงกลืนกินเขตปกครองผนึกสมุทรไปนานแล้ว

แต่เผ่ามนุษก็รู้ดี เขตปกครองผนึกสมุทรยิ่งเข้าใจ สุดท้ายอนาคตจะต้องมีศึกสักศึกหนึ่งระหว่างทั้งสองฝ่ายแน่นอน

สมดุลในปัจจุบันเปราะบางมาก แค่เรื่องเล็กๆ ก็ทำลายได้แล้ว

ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เขตปกครองผนึกสมุทรเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ในระหว่างฝึกฝนลับสวี่ชิงก็รู้ ว่าอีกหกเขตปกครองก็เจอสถานการณ์คล้ายๆ กัน กระทั่งมีเขตปกครองที่สูญเสียดินแดนไปหลายมณฑลอีกด้วย

“ลมฝนสาดซัด ตึกระฟ้าก็จะโน้มเอียง” นี่คือเสียงที่ผ่านประสบการณ์ของปลัดเขตปกครองเอ่ยไว้อย่างจนใจในวันนั้น

ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด ก็ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว ในช่วงนี้ข่งเสียงหรงก็บอกเรื่องนามแฝงกับเขา

ทุกครั้งที่ออกทำภารกิจด้านนอก ทุกคนจะไม่เรียกชื่อจริง แต่ละคนจะมีนามแฝงชั่วคราว

“เด็กน้อย”

สวี่ชิงเอ่ยเสียงแผ่ว นี่คือนามแฝงในภารกิจครั้งนี้ และเขาเองก็ตัดสินใจจะใช้นามแฝงนี้ต่อไปด้วย

“ได้ ครั้งนี้ข้าชื่อพี่หรง ฮ่าๆ พวกเจ้าเรียกข้าเช่นนี้ก็ได้” ข่งเสียงหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงจุดส่งข้ามที่สอง ย้ายไปอีกสถานที่หนึ่งจากจุดนี้ จากนั้นก็ผ่านไปอีกหลายวัน สุดท้ายก็มาถึงมณฑลเผชิญคลื่น

ที่นี่คือหนึ่งในชายแดนระหว่างเขตปกครองผนึกสมุทรกับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์

“ยังมีการส่งข้ามอีกหนึ่งครั้ง พวกเราก็จะไปถึงแดนชายแดนแล้ว”

หลังจากถึงที่นี่ ความระแวดระวังของทุกคนก็รุนแรงขึ้นมาก แม้ที่นี่ยังอยู่ในขอบเขตของเขตปกครองผนึกสมุทร แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ติดกับคลื่นศักดิ์สิทธิ์

ต่อให้ระหว่างทั้งสองเผ่าจะมีข้อกำหนด ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดของฝ่ายใดก็ตามถ้ากล้าข้ามชายแดนมาเพียงครึ่งก้าว ก็จะถูกของวิเศษเวทต้องห้ามสังหารทิ้งทันที แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์ระดับสูง ก็ยังมีสิ่งที่มีพลังสังหารขนาดใหญ่เตรียมไว้ พลานุภาพน่าตกตะลึงเช่นเดียวกัน

เวลานี้คือกลางดึก ท้องฟ้ามองไม่เห็นดวงจันทร์ ถูกเมฆดำบดบัง มีสายอัสนีแล่นแปลบปลาบ ส่งเสียงครืนครัน และตอนนี้น้ำฝนก็ยังสาดกระหน่ำลงมา

ท่ามกลางฝนหนัก ร่างเงาสิบเจ็ดร่างไม่หยุดชะงัก พุ่งตรงไปยังค่ายกลส่งข้าม

จากนั้นไม่นาน ตอนที่น้ำฝนตกลงมามากขึ้น ปราการหินเรียบง่ายแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขาไกลๆ ในดวงตาสวี่ชิงปรากฏประกายเย็นวาบ เขาได้กลิ่นคาวเลือด

ขณะเดียวกันซานเหอจื่อกับหวังเฉินและเยี่ยหลิง ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ข่งเสียงหรงหรี่ตาลงนานแล้ว พริบตาที่ยกมือขวาขึ้น ทุกคนก็คุกเข่าลงทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“จุดส่งข้ามไม่ได้ส่งสัญญาณที่มีเพียงผู้ครองกระบี่ที่มองออกตามที่กำหนดไว้ ด้านใน…เกิดปัญหาแล้ว

“เด็กน้อย ปีศาจสาว วิญญาณตะวัน สายธาร พวกเจ้าสี่คนนำไปคนละสามคน ข้าไปคนเดียวได้ พวกเราบุกเข้าไปห้าทางพร้อมกัน ถ้าพบพวกต่างเผ่า สังหารทิ้งให้หมด!

“ถ้าพบพวกวังสวรรค์ระดับสูง ก็ถ่วงเวลาไว้รอข้า” ข่งเสียงหรงก็เป็นคนเด็ดขาด เอ่ยทันที

พูดจบก็พุ่งออกไป ตรงไปยังปราการด้านหน้า สวี่ชิงหันหน้ากลับมามองผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามเหล่านั้น คนเหล่านี้แบ่งเสร็จในพริบตา อันดับแรกเลือกพวกซานเหอจื่อทั้งสามคน

สามคนที่เหลือที่เลือกช้าไป มองไปทางสวี่ชิง

“สหายเต๋าทั้งสาม อย่าตามมาใกล้นัก” สวี่ชิงโยนขวดยาลูกกลอนออกมาสามขวด ด้านในใส่ลูกกลอนแก้พิษเอาไว้โดยเฉพาะ

หลังจากสวี่ชิงเข้าร่วมผู้ครองกระบี่ เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักประสิทธิ์วิชาครั้งนั้นอีกครั้ง จึงเตรียมยาแก้พิษที่สามารถแก้พิษต้องห้ามของตนเองได้ง่ายๆ เอาไว้เล็กน้อย

เพียงแต่พิษของเขาผสมไว้รุนแรง แม้ผลของยาแก้พิษจะมี แต่ถ้าหากสูดเข้าไปตรงๆ ก็ยังรับไม่ไหว

แต่ถ้าห่างออกไปเล็กน้อย รอจนพิษสลายหายไปกว่าครึ่ง ยังถือว่าพอได้

จากนั้นสวี่ชิงก็พุ่งออกไป คนอื่นก็ทำเช่นเช่นนี้ สามคนนั้นมองหน้ากัน ตามไปด้านหลังสวี่ชิง

ไม่นาน ผู้ครองกระบี่ทั้งสิบเจ็ดคน ก็แบ่งออกเป็นห้าทิศ เข้าประชิดปราการ

สวี่ชิงไม่ได้หยุดชะงัก พุ่งไปในพริบตา ลูกกลอนพิษต้องห้ามในร่างกายสั่นสะเทือน แผ่เจตจำนงพิษไปทั้งร่างกระจายไปด้านนอก กลายเป็นเกราะคุ้มกันชั้นหนึ่ง ในขณะเดียวกันยกมือขวาขึ้นโบก ฉับพลันผงพิษมหาศาลก็ฟุ้งออกมา

เสร็จเรื่องเหล่านี้ เขาก็เข้าไปในปราการ เมื่อเข้าไปก็ได้ยินเสียงวิชาเวทครืนครันอยู่ไกลๆ ขณะเดียวกันด้านหน้ามีเสียงแค่นเสียงเย็นชาดังมาด้วย พริบตาต่อมาเงาร่างหนึ่งก็ลอบโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว

อีกฝ่ายเป็นชายกลางคน สวมชุดคลุมดำ หน้าตาไม่แตกต่างอะไรกับเผ่ามนุษย์ มีเพียงหว่างคิ้วที่มีเส้นดำเส้นหนึ่ง พลังบำเพ็ญห้าวังสวรรค์ระเบิดทั่วร่าง แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้สวี่ชิง ดวงตาก็เผยแววพรั่นพรึง กระอักเลือดสีดำออกมา

“นี่มันพิษอะไรกัน!”

พิษ เขาไม่รู้สึกแปลกใจ แต่ที่แปลกใจคือพิษนี้รุนแรงเกินไป แค่สูดเข้าไปทีเดียว เขาก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในทั้งห้ากำลังแผดเผา จนเบื้องหน้ามืดไปหมด

และพริบตาต่อมา เขาก็ไม่ได้สะพรึงต่อแล้ว สวี่ชิงรวดเร็วเกินไป กริชที่นายกองเคยให้เขาไว้ก็ปรากฏในมือสวี่ชิงพริบตาที่เข้าประชิด เขากำด้ามที่พันไว้ด้วยผ้าห่อศพ พุ่งตรงไปข้างตัวชายกลางคนคนนี้

ปาดกริชไปที่คอของเขา ศีรษะหลุดกระเด็น

สวี่ชิงสีหน้าปกติ ก้มตัวเหมือนแมวย่างเข้าไปในสีราตรี เปลี่ยนจากเหยื่อมาเป็นนักล่า เดินอยู่ในมุมมืด พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่มความเร็วขึ้นฉับพลัน โบกกริชไปเบื้องหน้า

ร่างหนึ่งที่พุ่งออกมากะทันหันยังไม่ทันได้ลงมือ ก็เหมือนส่งศีรษะของเขามาตรงหน้าสวี่ชิง ลอยคว้างมากลางอากาศด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

สวี่ชิงไม่แม้แต่จะมอง เมื่อไหววูบก็หายไปอีกครั้ง

ไม่นาน ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืด จดจ้องไปรอบทิศ เตรียมรอจะลงมือกับคนที่เข้ามา สายตาเขากำลังมองไกลออกไป แต่จู่ๆ หน้าก็เปลี่ยนสี คิดจะโต้กลับแต่ก็สายไปแล้ว

เงาร่างของสวี่ชิงปรากฏขึ้นด้านหลังเขาอย่างประหลาด กริชไม่หยุดชะงัก วาดผ่านที่คอของเขา

จากนั้นสวี่ชิงก็ขมวดคิ้ว ด้านหลังส่งเสียงหวีดหวิว และจากที่สายอัสนีสีแดงแล่นปลาบรวมถึงดวงตาของเจ้าเงาที่เบิกโพลง ร่างคนที่ลอบโจมตีมาด้านหลังก็สั่นสะท้าน เหล็กแหลมแทงทะลุหน้าผากเขาไป

และตอนนี้เอง วิชาเวทในปราการก็ส่งเสียงครืนครัน เสียงเข่นฆ่าสังหารดังมาไม่หยุด กลางอากาศมีเสียงคำรามต่ำของข่งเสียงหรง รอบด้านเขามีเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พลังต่อสู้แปดวังสวรรค์สี่คนล้อมอยู่

มีพลังต่อสู้แปดวังสวรรค์ได้ เห็นได้ชัดว่าเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนนี้ไม่ได้ธรรมดาเลย แต่ละคนมีวิชาระดับจักรพรรดิ

วิชาระดับจักรพรรดิของพวกเขาเป็นรูปแบบอย่างชัดเจน แต่ละคนมีมือมารประหลาดขนาดใหญ่สีดำจำแลงออกมา ซ้อนทับกันจนแผ่พลานุภาพน่าตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้นก็ก่อตัวเป็นค่ายกล กระทั่งยังใช้ชิ้นส่วนของวิเศษเวทสี่ชิ้นอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อการสังหาร แต่เพราะจะการสังหารข่งเสียงหรงมันยากเกินไป ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาคือสร้างค่ายกลกักขัง งข่งเสียงหรงเอาไว้

ขณะเดียวกันก็มีสายอัสนีแผ่ซ่านบนท้องฟ้าเวลานี้ ราวกับถูกดึงดูดให้มารวมกันไม่หยุด ตั้งท่าจะฟาดลงมา เป้าหมายคือข่งเสียงหรง

สวี่ชิงเห็นทั้งหมด ในดวงตาก็ยิ่งเย็นเยียบ แต่กลับไม่ได้เร่งเข้าไป ทว่าหันหน้าไปมองมุมมืดเบื้องหน้า

ที่นั่นมีเงาอยู่ร่างหนึ่ง กำลังเดินมา

“น่าสนใจ ผู้ครองกระบี่ครั้งนี้ของเผ่ามนุษย์ แตกต่างจากที่องครักษ์ชุดดำของพวกเราเจอยามปกติ”

เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ มีหน่วยที่ลักษณะเหมือนวังครองกระบี่อยู่ มีชื่อว่าองครักษ์ชุดดำ

และเวลานี้ ด้านหลังสวี่ชิงก็มีเสียงหวีดหวิว ผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามสามคนนั้นไล่ตามมา หลังจากที่พวกเขาสัมผัสถึงพิษตลอดทางได้ ก็กินลูกกลอนแก้พิษลงไปมากมาย

นี่เป็นเพราะหลังจากสวี่ชิงสังหารเสร็จก็เก็บพิษกลับไปบ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นลูกกลอนแก้พิษจะไม่มีประโยชน์

พวกเขาเห็นเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไร้หัวที่ถูกสังหารจนตายในทีเดียวหลายร่างตลอดทาง

ทุกร่างในนี้ล้วนมีพลังต่อสู้ระดับห้าวังสวรรค์เช่นเดียวกับพวกเขา

ดังนั้นใจจึงสั่นสะท้านมานานแล้ว

พวกเขาได้ยินว่าในกลุ่มผู้ครองกระบี่ชุดใหม่นี้แตกต่างกับในอดีตพอสมควร ในนั้นมีระดับปีศาจอยู่หลายคน สวี่ชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็นเขาลงมือเลย

ตอนนี้เมื่อได้มาเห็นความน่ากลัวของสวี่ชิงด้วยตา พวกเขาสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง

ในความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่ใช่ระดับธรรมดา ใครก็ตามที่ออกไปทำภารกิจด้านนอก ล้วนมีผลงานที่ยอดเยี่ยมกันหมด แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังสู้ไม่ได้

“มาอีกสามคน” ขณะที่ผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามสามคนปรากฏตัว ร่างในเงามืดก็เดินออกมา ชุดคลุมสีดำทั้งตัว ด้านบนปักเปลวไฟสีทองเอาไว้ ในยามราตรีราวกับมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังเผาไหม้ เผยคลื่นพลังที่ไม่ธรรมดาออกมา

ด้านหลังมีมือสีดำขนาดยักษ์ที่จำแลงมาจากวิชาระดับจักรพรรดิ ค้ำวังสวรรค์หกวังด้านบน ขณะที่สยบรอบด้าน ก็เผยพลังต่อสู้เจ็ดวังสวรรค์ของคนผู้นี้ออกมาอย่างชัดเจน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท