ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 417 พลังแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นสำแดงเดช

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 417 พลังแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นสำแดงเดช

เมื่อสังเกตว่าผู้ครองกระบี่สามคนด้านหลังมาถึง สวี่ชิงก็ตัดสินใจรีบสู้รีบจบ

สามคนนี้พลังบำเพ็ญอยู่ที่ห้าวังสวรรค์ บางทีอาจจะมีวิธีของแต่ละคนอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังต่อสู้เจ็ดวังสวรรค์ ก็ยังไม่ใช่คู่มืออยู่ดี

ส่วนผู้ครองกระบี่สามคนนี้ หลังจากเห็นองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เดินออกมาจากมุมมืด สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา

ในฐานะที่เป็นเกียรติยศรวมถึงกฎเกณฑ์ของผู้ครองกระบี่ ทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่หลบหนี แต่พุ่งเข้าประชิดในพริบตา แต่ละคนกระตุ้นพลังบำเพ็ญ หนึ่งคนในนี้เอ่ยขึ้นว่า

“เด็กน้อย เรามาช่วยกันถ่วงเวลาคนผู้นี้เสียก่อน”

“พวกเจ้าถ่วงไม่ไหวหรอก” องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่เดินออกมา สีหน้ามีแววเย้ยหยัน แฝงความโหดเหี้ยมไว้ด้วย เมื่อไหวตัวจะลงมือ ในดวงตาสวี่ชิงก็มีความคมกริบเพิ่มขึ้นมา

“พันธนาการขังเงา โองการสั่งผี

“วิชาเซียนสังหารวิญญาณ ฟ้าดินชีวิตข้า”

สิบหกคำนี้ คือสิ่งที่สวี่ชิงให้บรรพจารย์สำนักวัชระคิดออกมาในตอนนั้น เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่มีคนนอกอยู่ จะใช้การผสานร่างกับเจ้าเงาอย่างไรไม่ให้ถูกสงสัย

ขณะที่พูดคุยกัน จากการที่สวี่ชิงกระตุ้นจิตเทพ เจ้าเงาก็แผ่ออกมาจากกริชในมือเขากลายเป็นโลงศพ ปกคลุมสวี่ชิงในพริบตา

พริบตาต่อมา ทั้งตัวสวี่ชิงก็กลายเป็นสีทึบ แผ่ไอพลังประหลาดเข้มข้นออกมา แม้ว่ารอบด้านจะเป็นสีดำสนิท แต่จากสายอัสนีที่แล่นผ่านบนท้องฟ้า ก็ยังมองเห็นมิติรอบตัวสวี่ชิงบิดเบี้ยว

ยิ่งมีความน่าสะพรึงกลัววูบหนึ่ง ลุกโหมขึ้นมาตามสัญชาตญาณในจิตใจของคนทั้งหมดที่เห็น ราวกับระดับพลังชีวิตถูกสั่นคลอน

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้คำพูดที่คล้ายและไม่คล้ายก่อนหน้านี้ของสวี่ชิง ดังนั้นความรู้สึกที่ได้จากภาพนี้คือวิชาลับแปลกประหลาดวิชาหนึ่ง

ถึงแม้ไอพลังประหลาดทำให้จิตใจพรั่นพรึง แต่คนส่วนมากก็เข้าใจว่าวิชาลับนี้แปลกประหลาด

ตอนที่ผู้ครองกระบี่ทั้งสามคนจิตใจพรั่นพรึง สวี่ชิงก็พลันเงยหน้าขึ้น พลังกายเนื้อที่บ้าคลั่งระเบิดออกมาจากตัวเขา

วิชาเงาผสานร่าง ใช้การเสียสละวิชาเวทและพลังบำเพ็ญแลกกับพลานุภาพกายเนื้อที่ยอดเยี่ยม

ตอนสวี่ชิงอยู่ที่สี่วังสวรรค์ เขาก็สามารถสำแดงพลังกายเนื้อหกวังสวรรค์ได้ด้วยวิชานี้ ตอนนี้หลังจากวังสวรรค์ห้าวัง พลังกายเนื้อที่เขาระเบิดออกมา ก็ไปถึงระดับเจ็ดวังสวรรค์แล้ว

พลังต่อสู้กายเนื้อเจ็ดวังสวรรค์ แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิชาเวท ในด้านพลังสังหารและพลังระเบิด ก็น่าตกตะลึงมาก

ด้วยการปะทุขึ้นของวิชาลับ จากกลิ่นอายที่ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งของเขา รอบด้านโหมลมคลั่งขึ้น ครืนครันไปทั่ว

คลื่นพลังไร้รูปร่างตีเกลียวไปรอบๆ ผู้ครองกระบี่จากสำนักงานภาคสนามทั้งสามคนนั้นต่างใจสั่นสะท้าน ถอยออกไปพร้อมกัน ในสีหน้าเผยแววพรั่นพรึงออกมา

ส่วนผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนั้น ก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

พริบตาต่อมา สวี่ชิงก็เคลื่อนไหวแล้ว

ราวสายอัสนี คนนอกมองความเร็วนี้ออกยากมาก ในเสียงสะท้อนก้องที่รุนแรง ร่างเงาสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวังสวรรค์คนนั้น ซัดหนึ่งหมัดออกไป

หมัดที่หนึ่ง รวมพลังกายเนื้อทั้งหมดของสวี่ชิง ถล่มฟ้าทลายดิน

ผู้บำเพ็ญคลื่นศักดิ์สิทธิ์ม่านตาหดลง อันที่จริงเผ่ามนุษย์ตรงหน้าคนนี้ก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงไปมหาศาลมาก ทั่วร่างเต็มไปด้วยไอพลังประหลาด ในใจเขาดำดิ่ง ระหว่างที่ทำปางมือก็ก่อตัวเกราะป้องกันขึ้นนอกร่างกาย และล้วงอาวุธเวทออกมาสกัดกั้น

ชั่วพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน

เสียงครืนครันสะเทือนฟ้า ร่างเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน รู้สึกแค่ว่าอวัยวะภายในทั้งร่างปั่นป่วนในตอนนี้ หายใจหอบถี่ถอยหลังออกไป

สวี่ชิงไม่หยุด ก้าวไปอีกก้าว ไล่ตามไปทันที ซัดหมัดออกไปต่อ

หมัดที่สอง หมัดที่สาม

ทะลวงเมฆาทลายหินผา

ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ไม่กล้าประมาท ทำปางมืออีกครั้ง ฉับพลันมือมารสีดำที่แปรมาจากวิชาระดับจักรพรรดิด้านหลัง แผ่ระลอกคลื่นน่ากลัวมากะทันหัน โจมตีใส่สวี่ชิงดังสนั่นหวั่นไหว

สวี่ชิงไม่หลบ ซัดออกไปสุดกำลัง

หมัดที่สี่ หมัดที่ห้า หมัดที่หก

เสียงครืนครันดังก้องฟ้า ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ถอยเป็นช่วงๆ สีหน้ายิ่งซีดขาว การป้องกันภายนอกร่างกายทั้งหมดทยอยแตกสลายไปในเวลานี้ ฝ่ามือสีดำขนาดยักษ์นั่นก็ต้านทานความเฉียบคมของสวี่ชิงเวลานี้ได้ยาก

ความเร็วของสวี่ชิงเพิ่มมากขึ้น ซัดหมัดที่เจ็ด หมัดที่แปด จนกระทั่งถึงหมัดที่เก้า

เสียงกร๊อบดังขึ้น ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ช่องเวทในร่างกายช่องหนึ่งพังทลาย จนทำให้วังสวรรค์วังหนึ่งถล่มลงด้วย ร่างกายม้วนถอยหลัง สีหน้าเผยความพรั่นพรึง ตกตะลึงจนเสียงหาย

“นี่มันวิชาอะไร!”

นี่คือใต้ปรโลก

เคล็ดวิชานี้ ดูคล้ายวิชาเวท แต่ในความเป็นจริงคือทักษะลับของกายเนื้อ!

สร้างฐานสามารถทำลายช่องเวทได้ หลังจากแก่นลมปราณก็ทำลายวังสวรรค์ได้

เวลานี้จากการที่วังสวรรค์วังหนึ่งถล่ม ผู้บำเพ็ญคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ก็สัมผัสถึงความน่ากลัวของสวี่ชิงได้ ความรู้สึกวิกฤตเป็นตายรุนแรง คิดจะหนีจากการต่อสู้

ภารกิจของเขา คือไม่ทำให้ผู้บำเพ็ญทางนี้เข้าไปได้ รองลงมาคือการถ่วงเวลา

แต่ชีวิตก็ยังสำคัญกว่าภารกิจ

ตอนนี้ถอยหนีอย่างรวดเร็ว เพียงแต่…เขารู้ตัวช้าไปแล้ว

พริบตาที่เขาถอยหลัง จึงไม่ทันได้สังเกตว่าในร่างกายเขามีแมลงสีดำนับไม่ถ้วนกระจายอยู่นานแล้ว ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์สีหน้าเปลี่ยนไป ส่งเสียงกรีดร้องออกมา

เลือดสดสีดำหลั่งทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ขณะที่ดวงตามีความพรั่นพรึงเข้มข้น สวี่ชิงก็เข้าประชิดมาราวกับทหารความมืดตามตัว

เขาไม่ได้ละโมบแก่นลมปราณของอีกฝ่ายจนสังหารช้า นี่ไม่ใช่นิสัยของสวี่ชิง เวลานี้กริชในมือไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อย แทงเข้าไปที่หน้าอกผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์

แต่องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ธรรมดา ฝืนถอยห่างออกมา สองมือล้วงชิ้นส่วนของวิเศษเวทชิ้นหนึ่ง ก่อเป็นเกราะป้องกันเหมือนกระดองเต่า ขณะที่ทำการป้องกันสุดกำลัง ก็มีเส้นสีดำปริแตกหว่างคิ้ว เส้นรยางค์สีดำหลายเส้นแผ่ออกมาจากด้านใน พุ่งเข้าไปทางสวี่ชิงราวกับเข็ม

อีกฝ่ายหลบได้ทันท่วงที ตอนนี้สวี่ชิงสลายพลังที่เหลือออก แทงต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ปฏิกิริยารวดเร็วเช่นกัน

ร่างพลันกลิ้งกับพื้น ไหววูบไปเบื้องหน้า พริบตาที่สองมือดันพื้น สองเท้าก็รวมพลังทั่วร่างไว้ เหยียบหน้าอกขององครักษ์ชุดดำคนนี้

กระดองเต่าเปล่งแสงเจิดจ้า จุดที่สัมผัสกับสวี่ชิงเป็นหลุมลงไป ปรากฏรอยปริแตก แต่สุดท้ายก็ป้องกันได้ เพียงแต่แรงปะทะที่มาจากสวี่ชิงมากเกินไป ก็ยังทำให้ร่างขององครักษ์ชุดดำคนนี้ปลิวทันที รยางค์สีดำที่หว่างคิ้วพันยุ่งเล็กน้อย

ใช้โอกาสนี้ สวี่ชิงกระโจนขึ้นกลางอากาศ เข้าประชิดตัวเขาอีกครั้ง กริชในมือเปล่งแสงเย็นวาบแทงที่ไปที่รูของกระดองเต่า ผนวกกับการมองข้ามพลังป้องกันของผ้าห่อศพ ด้วยพลังสองผสาน แทงทะลุเข้าไปทันที

องครักษ์ชุดดำส่งเสียงร้อง คิดจะถอยออกแต่ก็ไม่ทันแล้ว พริบตาที่กริชของสวี่ชิงแทงเข้าไปก็ยกขึ้น

ปาดหน้าอกของผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์จนถึงคอ ไปถึงปาก และไปจนถึงหว่างคิ้ว!

เลือดสดหลั่งทะลัก ผู้บำเพ็ญเจ็ดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ครึ่งท่อนบนแยกออกเป็นสองซีก จังหวะที่ซ้ายขวาแยกจากกัน ชีวิตก็ดับดิ้นไป

การลงมือทั้งหมดนี้ ความเร็วน่าตกตะลึง และสำแดงลักษณะการต่อสู้ของสวี่ชิงออกมา

มองศพ สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากศพของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์

พระจันทร์สีม่วงวังสวรรค์วังที่ห้าในร่างกายเขาสั่นไหวเบาๆ ในตอนนี้

‘กลิ่นอายพระจันทร์สีชาด?’

ดวงตาสวี่ชิงเผยแววประหลาดใจออกมา แต่กลับสลายไปอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้ จึงเก็บถุงเก็บของกับชิ้นส่วนกระดองเต่าของอีกฝ่ายขึ้นมา สัมผัสวังสวรรค์ที่หม่นหมองในศพ

‘สภาวะที่ผสานของเจ้าเงา สำแดงเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาออกมาไม่ได้ และหลังจากผู้บำเพ็ญตายทะเลความรู้สึกจะเสียหาย วังสวรรค์พังถล่ม แก่นลมปราณเต็มไปด้วยธุลี ใช้งานไม่ได้อีก’

สวี่ชิงไม่ได้เสียดาย

หากสถานที่นี่ไม่มีคนนอก และไม่ใช่ระหว่างภารกิจ เช่นนั้นไม่ว่าจะปล่อยพิษต้องห้ามหรือว่าวิธีการอื่น ถ้ายืดเวลาออกไป ก็มักจะมีโอกาสค่อยๆ ดึงเอาแก่นลมปราณของอีกฝ่ายออกมาทั้งเป็นได้

แต่เมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ถึงแม้ผลการถ่วงเวลาภายหลังตนจะได้แก่นลมปราณ แต่ผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามทั้งสามคนก็จะเผชิญกับวิกฤติความเป็นความตาย ยิ่งไปกว่านั้นหากมีองครักษ์ชุดดำคนอื่นมาช่วยเหลือ สุดท้ายก็คงพูดได้ยาก

ภายใต้การชั่งน้ำหนัก สู้จบให้ไวเสียจะดีกว่า ถึงอย่างไรโอกาสการชิงแก่นลมปราณก็มีอยู่มากมาย

ตอนนี้เมื่อสังหารเสร็จสิ้น เจ้าเงาที่ปกคลุมร่างกายสวี่ชิงก็มารวมที่หน้าผากอย่างรวดเร็ว หลังจากแปรเป็นดวงตาดวงหนึ่ง เขาก็พยักหน้าให้กับผู้ครองกระบี่สามคนนั้นที่ดวงตากำลังสั่นระริก เมื่อไหววูบก็หายไปในยามราตรี

สามคนนี้มองผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ตายอนาถบนพื้น จากนั้นก็มองไปยังทิศที่สวี่ชิงหายไป สบตากัน ต่างสูดลมหายใจลึก

พวกเขาก็เคยเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานของแต่ละมณฑล เพียงแต่หลังจากมาถึงเมืองหลวงเขตปกครองก็พบว่าเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ผู้ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแข็งแกร่งกว่าตัวเองมีอยู่มากมาย

ไม่ว่าจะข่งเสียงหรงหรือว่าพวกซานเหอจื่อ หรือสวี่ชิงในตอนนี้ ก็ทำให้พวกเขาทั้งสามคนเกิดทอดถอนใจทั้งสิ้น

“พูดกันว่าในกลุ่มผู้ครองกระบี่ชุดใหม่นี้ยอดเยี่ยมกว่าแต่ก่อน ในนี้มีระดับปีศาจอยู่มากมาย เป็นเช่นนี้จริงๆ!”

แต่พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้หมดความมั่นใจจากเรื่องนี้ ในดวงตาพวกเขาเผยแววเฉียบคมออกมา ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ได้เลือกทิศทางที่สวี่ชิงไป แต่เป็นอีกด้านหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ร่างของสวี่ชิงเองกำลังพุ่งทะยานจนมาถึงใจกลางปราการ

การต่อสู้ของที่นี่ก็รุนแรงเช่นกัน

องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ซ่องสุมกำลังผู้บำเพ็ญไว้ที่นี่ไม่น้อย ขณะที่เหอซานจื่อที่มีนามแฝงว่าสายธารกำลังลงมือก็มีร่างหนึ่งระเบิดเป็นหมอกเลือด ประกายเย็นวาบปกคลุม ทุกจุดที่แล่นผ่านส่งเสียงครืนครัน สังหารอย่างน่าตกตะลึง

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อยิ่งสังหาร เจตจำนงเลือดก็ยิ่งเข้มข้น พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นี่คือวิชาลับของสำนักเหมันต์โลหิต ฝึกบำเพ็ญปราณสังหาร ปราณนี้จะไม่สลายไป แต่ยิ่งสังหารก็ยิ่งแข็งแกร่ง

เมื่อสังหารไปหลังๆ เขากระทั่งหัวเราะขึ้นมา ราวกับกำลังคุ้มคลั่ง นี่แตกต่างกับเขาที่เงียบขรึมยามปกติอย่างมาก

ส่วนเยี่ยหลิงที่นามแฝงคือปีศาจสาวก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

นางที่มาจากสำนักมายาจำแลงปีศาจ ตอนนี้ไหววูบกลายเป็นปีศาจผิวดำสูงสามจั้งตนหนึ่ง ทั่วร่างแผ่ปราณหมอกสีดำออกมา ร่างเหมือนกึ่งโปร่งแสง ทุกจุดที่แล่นผ่านพุ่งทะลวงทุกสรรพสิ่ง ควักออกมาแต่หัวใจ โหดเหี้ยมอำมหิต

วิชาพิเศษของนาง ทำให้นางมองข้ามการโจมตีวัตถุจริงทั้งหมด ลงมืออย่างโหดเหี้ยม บางครั้งก็อ้าปากกว้างแล้วกินทั้งอย่างนั้น

ส่วนคนที่เป็นศัตรูกับนางทุกคน บนตัวจะมีเมล็ดแตงเลือดเนื้องอกออกมาเต็มไปหมด

ส่วนหวังเฉินที่นามแฝงคือวิญญาณตะวันก็โหดเหี้ยมเช่นกัน ร่างเดิมของเขาไม่ได้ออกมาจากโลงศพ มีแต่ร่างเผ่าควันขจรที่ถูกเขาควบคุม

ร่างแยกนั้นเป็นนักฆ่ามาแต่กำเนิด เมื่อผสานเข้ากับกลิ่นอายทั้งหมด ก็ดูลึกลับอย่างมาก

บางครั้งหลังจากสลายไปแล้วก็ไปอยู่ในร่างกายศัตรู ฉีกร่างกายออกมาด้านนอก เลือดสดย้อมหมอก และเพียงไหววูบเลือดสดก็สาดกระจาย ร่างควันขจรก็เดินหน้าต่อ

ยิ่งล่อสายอัสนีลงมาจากฟากฟ้า ฟาดลงมารอบทิศ ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง

ในฐานะที่เป็นศิษย์ของชีพจรอัสนีบรรพกาล ท่ามกลางสายอัสนีที่ผาดผ่าไปทั่ว พลังต่อสู้จึงแข็งแกร่งกว่าปกติอยู่สามส่วน

สามคนนี้ไม่ว่าจะผู้ใด หลังจากที่สวี่ชิงเห็นพวกเขา ก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ทั้งสามคนสังเกตเห็นร่างเงาของสวี่ชิง เห็นดวงตาประหลาดที่หว่างคิ้วเขา สัมผัสถึงระลอกคลื่นกายเนื้อเจ็ดวังสวรรค์จากสวี่ชิงได้ แต่ละคนก็ใจสั่นสะเทือน

และสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงสัมผัสถึงความรุนแรงได้ คือข่งเสียงหรงที่อยู่บนท้องฟ้า

ต่อให้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พลังแปดวังสวรรค์สี่คนรวมถึงชิ้นส่วนของวิเศษเวทที่ขังเขาอยู่ กระทั่งดึงเคราะห์อัสนีบนท้องฟ้ามาด้วย ภายใต้เสียงครืนครันแต่ละครั้ง ก็ยังคงทำอะไรเขาไม่ได้

ยิ่งหลังจากที่สังเกตเห็นว่าเพื่อนพ้องของตนเองเปิดฉากสังหารกันหมด ข่งเสียงหรงก็เริ่มรู้สึกขายหน้าขึ้นมา ถลึงตาโต คำรามดังลั่น

สิบวังสวรรค์ในร่างกายปะทุขึ้นติดกัน มังกรทองคำรามพุ่งเข้าไปในเมฆฉีกท้องนภา ขณะที่ชั้นเมฆฟุ้งกระจาย เขาก็ตบลงที่หน้าผาก ทันใดนั้นชุดคลุมสีเลือดชุดหนึ่งก็เหินออกมาจากกระหม่อมเขา คลุมตัวเขาหลังจากออกมาด้านนอก

จังหวะที่ชุดคลุมสีเลือดสวมที่ตัว หมอกเลือดก็ปะทุโถมขึ้นฟ้า ราตรีมืดมิดก็กลายเป็นราตรีสีเลือด

พลังต่อสู้ของข่งเสียงหรงก็เพิ่มขึ้นมหาศาลในพริบตานี้ ปราณพิฆาตสั่นฟ้าสะเทือนดินวูบหนึ่งพุ่งออกมา พัดม้วนออกไปด้านนอกอย่างรุนแรง

ท่ามกลางเสียงครืนครัน องครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิทั้งสี่คนก็กระอักเลือดสดออกมา มือยักษ์สีดำที่แปรจากวิชาระดับจักรพรรดิสลายไป ชิ้นส่วนของวิเศษเวทตีเกลียวกลับ แต่ละคนถอยร่นอย่างรวดเร็วคิดจะหลบหนี

แต่ช้าไปแล้ว ร่างของข่งเสียงหรงเมื่อไหววูบก็มาปรากฏเบื้องหน้าคนหนึ่ง ตบไปที่หัวของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม เสียงตูมดังขึ้น หัวขององครักษ์ชุดดำระเบิด ร่างครึ่งบนแหลกเละด้วยเช่นกัน

ข่งเสียงหรงไหววูบอีกครั้ง มาอยู่เบื้องหน้าองครักษ์ชุดดำคนที่สอง ขณะที่อีกฝ่ายกำลังตกตะลึง ก็ยกสองมือขึ้นแทงเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย ฉีกกระฉากอย่างเหี้ยมโหด ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง คนผู้นี้ก็ถูกเขาฉีกกระชากออกเป็นสองซีกทั้งเป็น

และสองคนที่เหลือก็หนีไม่รอดเช่นกัน คนหนึ่งถูกมังกรทองกลืนกิน อีกคนหนึ่งถูกหมอกเลือดปกคลุม ท่ามกลางเสียงกรีดร้องเวทนา ก็ถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นเลือด กลายเป็นส่วนหนึ่งของหมอกเลือด

เมื่อสวี่ชิงเห็นภาพนี้ ก็คิดถึงคำพูดที่นายกองเคยบอกไว้ว่าข่งเสียงหรงนั้นโหดเหี้ยมกับต่างเผ่ามาก

ส่วนเรื่องชุดคลุมสีเลือดนั้น สวี่ชิงสัมผัสถึงระลอกคลื่นของเผ่าอาภรณ์ได้

“นั่นคือชิ้นส่วนของวิเศษต้องห้ามที่พี่หรงหลอมมาแล้วห้าครั้ง” ร่างควันขจรของหวังเฉินจำแลงมาข้างกายสวี่ชิง ดวงตามีประกาย จ้องมองสวี่ชิง

“เด็กน้อยทักษะลับกายเนื้อของเจ้า…แข็งแกร่งมาก! ไว้กลับไปแล้วเราหาเวลาลับฝีมือกันหน่อยดีหรือไม่”

“เจ้าอยู่ห่างๆ ข้าหน่อยดีกว่า” สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ

“หากไม่เล่า” หวังเฉินเลิกคิ้ว

“เช่นนั้นข้าจะไม่ข่มพิษในตัวแล้ว เจ้าอาจจะต้องเปลี่ยนร่างแยก” สวี่ชิงเอ่ยเรียบนิ่ง

พริบตาต่อมา หวังเฉินก็สลายไป ตอนที่ปรากฏตัวก็อยู่ห่างออกไปแล้ว กระแอมไอขัดเขินๆ มาทางสวี่ชิง

และเวลานี้ข่งเสียงหรงก็ร่อนลงมาที่พื้นเสียงดังตูม กวาดสายตาไปทางกลุ่มคน เมื่อพบว่าแม้ผู้ครองกระบี่ของสำนักงานภาคสนามจะบาดเจ็บ มีเจ็บหนักบ้าง แต่ก็ยังไม่ตาย จึงวางใจ

จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิง พยักหน้า ตะโกนไปหาหวังเฉิน

“วิญญาณตะวันเจ้าใช้ตัวตนของเผ่าควันขจรก็พอใจแล้วหรือ เฮ้อ ไม่ทำอย่างอื่นเลย แต่ความหยิ่งผยองของเจ้านี่เป็นไวเสียจริง เจ้าจะมาลับฝีมือกับข้าหน่อยดีหรือไม่!”

“พี่หรงข้าผิดไปแล้ว” หวังเฉินรีบร้อนเอ่ย

“ยังไม่รีบไปซ่อมค่ายกลส่งข้ามอีก!”

“รับทราบ” หวังเฉินรีบวิ่งไป เริ่มซ่อมค่ายกล

สวี่ชิงมองภาพนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตอนนี้ข่งเสียงหรง ดูคล้ายกับตอนที่เจ้าวังกำลังตำหนิพวกเขาเลย

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท