บทที่ 806 หลี่หลิงซู่ขอความช่วยเหลือ (1)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 806 หลี่หลิงซู่ขอความช่วยเหลือ (1)

“ขอองค์เทพได้โปรดออมมือด้วยเถิด!”

หลี่หลิงซู่คุกเข่าลงและตะโกนเสียงดัง

เมื่อเทียบกับความแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีของหลี่เมี่ยวเจินแล้ว ประโยชน์ของการเดินทางท่องพิภพในสามปีของเทพบุตรคือการที่สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นิกายสวรรค์จะบ่มเพาะและปลูกฝังเทพธิดาสักองค์ จะตัดสินความเป็นความตายตามเวรตามกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ศิษย์น้องหญิงมีนิสัยดื้อรั้น ชอบดันทุรัง จริงจังเกินเหตุ ขอองค์เทพได้โปรดให้เวลาข้าสักวัน ข้าสัญญาว่าจะเกลี้ยกล่อมนางให้ได้”

หลี่หลิงซู่กล่าวจบแล้วก็เห็นองค์เทพนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาจึงรีบหมอบลงไปจนกระทั่งหน้าผากแตะอยู่บนพื้นและกล่าวอีกว่า “หวังว่าองค์เทพจะเติมเต็มความปรารถนาของข้า”

เขาพยายามทำเพื่อศิษย์น้องหญิงคนนี้อย่างดีที่สุดแล้ว

เทพธิดาปิงอี๋ชายตามองหลี่หลิงซู่พลางกล่าวเบาๆ ว่า “เทพบุตรพูดถูก เทพธิดาคือลูกศิษย์ของข้า การที่นางเดินมาถึงจุดนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องรับผิดชอบ ขอองค์เทพได้โปรดให้เวลาข้าสักวันหนึ่งในการอบรมสั่งสอน หากศิษย์ชั่วยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยน ข้าจะใช้แส้สายฟ้าฟาดวิญญาณนางจนแตกพ่ายด้วยตัวเองเพื่อใช้ความยุติธรรมผดุงกฎ”

ในห้องโถงเงียบสงัด ผู้อาวุโสทุกคนทั้งไม่ร้องขอและไม่กล่าวซ้ำเติม สีหน้ายังคงสงบนิ่ง

หลังจากผ่านไปนาน เสียงขององค์เทพก็ดังก้องขึ้นในห้องโถง “ได้!”

‘ฟู่!’ หลี่หลิงซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวด้วยความฮึกเหิม “ขอบคุณองค์เทพพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากกลับไปแล้ว เขาก็หาโอกาสขโมยชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาและส่งข้อความไปหาสวี่ชีอันเพื่อขอความช่วยเหลือ

ความจริงต่อให้หลี่เมี่ยวเจินจะเป็นอมตะ เทพบุตรก็จะหาเหตุผลมาเพื่อถ่วงเวลาออกไป หลังจากยืดเวลาการตัดความทรงจำออกไปได้แล้วก็แอบส่งข้อความไปยังสมาชิกพรรคฟ้าดินเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่ดี

ถึงเวลากลางคืนแล้ว เผ่าลี่กู่ก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้นที่ลานกว้าง

สัตว์ที่ล่ามาถูกพาดอยู่กลางกองไฟ มันกำลังส่งกลิ่นหอมมันเยิ้มและผิวภายนอกกรอบเกรียม นี่คืองานเลี้ยงยามค่ำคืนที่เผ่าพันธุ์กู่จัดให้กับฆ้องเงินสวี่

พวกคนใหญ่คนโตของเผ่ากู่ล้วนมาที่นี่ พวกเขานั่งลงตามตำแหน่งที่นั่งประจำเผ่าของตน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุราชั้นดี อาหารอันเลิศรสและเนื้อย่าง

เหล่าสตรีของเผ่าฉิงกู่กำลังร้องเล่นเต้นรำ บิดร่างอันบอบบางอย่างสนุกสนานอยู่รอบกองไฟ

สายตาของผู้ชายแต่ละคนเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ไหลไปติดอยู่ที่เอวบาง สะโพกและเนินอกของสตรีเผ่าฉิงกู่

มีเพียงผู้ชายของเผ่าลี่กู่เท่านั้นที่เลือกอาหารอันเลิศรสแทนหญิงงามโดยไม่ลังเล

สวี่ชีอันนั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้านซ้ายและขวาเป็นฉุนเยียนหัวหน้าเผ่าซินกู่และหลวนอวี้หัวหน้าเผ่าฉิงกู่

ทั้งสองคนนี้มีรูปลักษณ์และทัศนคติที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนเป็นหญิงงามที่โดดเด่นของเผ่ากู่ ซึ่งพวกนางรับผิดชอบในการดื่มสุราเป็นเพื่อนฆ้องเงินสวี่วันนี้

ฉุนเยียนเป็นหญิงสุขุมและสงบนิ่ง ค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรี ถึงแม้จะพูดคุยหัวเราะกับสวี่ชีอันแต่ก็ไม่มีการสัมผัสทางกายแต่อย่างใด

ในทางตรงกันข้าม หลวนอวี้เป็นเหมือนปีศาจจิ้งจอกยวนเย้าเสน่ห์ ร่างบางของนางพิงสวี่ชีอันอยู่ครึ่งหนึ่ง ส่วนหน้าอกอันอวบอิ่มและอ่อนนุ่มก็ถูไปถูมาอยู่ที่แขนของเขา

“ฆ้องเงินสวี่ ได้ยินว่าผู้หญิงที่ราบกลางจะแลกแก้วสุรากับผู้ชายที่นางชื่นชอบ ตัวข้าเองมีจิตใจชื่นชมฆ้องเงินสวี่มานานแล้ว ท่านคล้องแขนแลกแก้วดื่มสุรากับข้าเถอะ”

“ไอหยา ฆ้องเงินสวี่ ข้าไม่ระวังจนทำสุราหกใส่หน้าอกเสียแล้ว ท่านช่วยข้าเช็ดทีเถิด”

“ฆ้องเงินสวี่ ข้าดื่มสุราไม่เก่งนัก ท่านพาข้ากลับไปพักผ่อนที่จวนดีกว่า”

หญิงงามยั่วสวาททุกวิถีทาง พยายามให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของที่ราบกลางท่านนี้ขึ้นเตียงกับนาง แต่ฆ้องเงินสวี่เป็นวิญญูชนที่ซื่อตรง มีคุณธรรมจิตใจอันแน่วแน่มั่นคง จึงไม่สะทกสะท้านกับสิ่งล่อตาล่อใจของหญิงงามอันดับหนึ่งของเผ่าฉิงกู่แม้แต่น้อย

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในเผ่ากู่ต่างก็ชื่นชมเขาไม่ขาดสายและคิดในใจว่า ‘สมแล้วที่เขาสามารถเป็นยอดฝีมือขั้นหนึ่งที่ไร้เทียมทานได้ อุปนิสัยและสมาธิที่แน่วแน่เช่นนี้ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะบรรลุได้ง่ายๆ’

สมาชิกเผ่ากู่ท่านหนึ่งกล่าวขึ้นมาเสียงดังท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณฆ้องเงินสวี่ที่แก้ไขภัยอันตรายให้กับจี๋เยวียน พวกเราเผ่ากู่ก็ไม่ต้องกังวลกับการกำเนิดของอสูรกู่เหนือชั้นอีกต่อไปแล้ว”

“อสูรกู่เหนือชั้นอะไรนั่น ต่อให้จะเกิดมา ฆ้องเงินสวี่ของพวกเราก็มีดาบเช่นกัน”

ทันใดนั้นเสียงคล้อยตามก็ดังระงมขึ้นมา

และมีคนกล่าวด้วยใบหน้าชื่นชมยินดีว่า “พูดได้ว่าการเลือกเป็นพันธมิตรกับต้าฟ่งและฆ้องเงินสวี่ช่างเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ หากเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจวเข้าจริงๆ ตอนนี้เผ่ากู่ก็คงกำลังประสบกับปัญหาใหญ่หลวงเป็นแน่”

ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป สมาชิกของเผ่ากู่ก็ทั้งรู้สึกโชคดีและตื่นเต้นที่การเลือกในตอนนั้นช่างถูกต้องไร้ที่ติ

ในตอนแรกเหล่าผู้นำมีแนวโน้มที่จะเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจว ด้วยเหตุนี้ถึงได้สู้กับฆ้องเงินสวี่ นี่ไม่ใช่เป็นการเอาไม้ท่อนไปงัดไม้ซุงหรอกหรือ

โชคดีที่พ่ายแพ้ให้กับฆ้องเงินสวี่ มิเช่นนั้น หากต้องเป็นพันธมิตรกับอวิ๋นโจวจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลังจากการชำระบัญชีแค้นของราชสำนักที่ราบกลาง ปัญหาของจี๋เยวียนก็สามารถทำให้เผ่ากู้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้

และตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ชนะสงคราม พวกเขายังมีเสบียงอาหารและเงินทองที่ต้าฟ่งสัญญาไว้และยังมีพันธมิตรเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งท่าน ซึ่งเขาสามารถแก้ไขภัยอันตรายของจี๋เยวียนได้อย่างง่ายดาย

เผ่ากู่ได้รับประโยชน์มากจริงๆ

ในบรรดาเผ่าทั้งเจ็ด เผ่าฉิงกู่ ซือกู่ ตู๋กู่ ทั้งสามเผ่านี้มีความอาฆาตแค้นต่อต้าฟ่งที่สุด แต่เมื่อได้ยินคนอื่นๆ จากอีกสี่เผ่ายกย่องชื่นชมฆ้องเงินสวี่ พวกเขาก็ไม่มีความเกลียดชังหรือขุ่นเคืองใดๆ อีก

วันนี้พวกเขารีบเก็บข้าวของจนมือเป็นระวิงเพื่อเตรียมตัวไปหลบภัยทางเหนือ ความกังวลและความหวาดกลัวยังคงมีอยู่เต็มอกและรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย

แม้ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว แต่เงาการกำเนิดของอสูรกู่เหนือชั้นก็กำลังปกคลุมพวกเขาอยู่จริงๆ และการแก้ไขปัญหานี้ของฆ้องเงินสวี่ก็เท่ากับเป็นการแก้ไขภัยอันตรายเหนือศีรษะที่แผ่คลุมพวกเขาด้วย

ทุกคนล้วนตระหนักถึงประโยชน์ของการมีจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเป็นพันธมิตร

นอกจากนี้ เหล่าผู้นำยังกล่าวว่า เด็กในเผ่าสามารถไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ราบลุ่มภาคกลางได้ นี่เป็นสิ่งจูงใจอันใหญ่หลวง มีครอบครัวใดบ้างที่ไม่ประหลาดใจ?

สวี่ชีอันกินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญ ในขณะที่คิดว่าจะออกจากงานเลี้ยงเร็วหน่อย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแหลมอันคุ้นเคยอุทานขึ้นมา ‘โอ๊ย’

เมื่อหันไปมองตามเสียงก็พบว่าเป็นสวี่หลิงอิน

นางยืนอยู่ข้างกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่เปื้อนไปด้วยโคลน เงยหน้าขึ้น อ้าปากค้าง ร้องไห้โฮ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

ถัดจากนางคือลี่น่าและสมาชิกคนอื่นๆ ของเผ่าลี่กู่ที่กำลังปิดจมูกด้วยสีหน้าเหยเก

สวี่ชีอันขมวดคิ้ว ลุกขึ้นออกจากที่นั่งและเดินตรงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ในขณะที่พูด เขาก็ได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้งเล็ดลอดออกมาจากในกล่องไม้

“หม้อใหญ่…”

เสี่ยวโต้วติงกอดขาข้างหนึ่งของสวี่ชีอันแน่นพลางร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าขึ้นเรื่อยๆ

ลี่น่าที่อยู่ข้างๆ เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะอธิบายว่า “นางรู้ว่าที่ราบกลางเกิดภัยแล้ง ขาดแคลนเสบียงอาหารและเงิน ก็เลยแอบซ่อนเนื้อไว้มากมาย อยากจะเอากลับบ้านไปให้เจ้า นางคิดว่าถ้าเป็นเช่นนี้ กบฏอวิ๋นโจวก็จะไม่ทำร้ายเจ้า”

นางกล่าวไปพลางชี้กล่องไม้ใบนั้นไปพลาง และกล่าวด้วยความรู้สึกลึกๆ ว่า “ข้าคิดไม่ถึงจจริงๆ ว่านางจะซ่อนกล่องที่มีเนื้อบรรจุอยู่เต็มด้วยการฝังไว้ใต้ดิน มิน่าช่วงนี้นางจึงมักอดอาหาร ตกกลางคืนก็หิวโหยมากและยังกัดแขนข้าด้วย”

น่าเสียดายที่สภาพอากาศทางซินเจียงตอนใต้ร้อนจัดจนไม่สามารถเก็บรักษาเนื้อไว้ได้และมันก็เน่ามานานแล้ว

สวี่ชีอันเปิดกล่องออกมาดู ด้านในมีทั้งเนื้อย่าง เนื้อสด แต่พวกมันล้วนเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นอย่างมาก

มิน่านางถึงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเช่นนี้ นางคงทุกข์ใจมากจริงๆ…สวี่ชีอันก้มศีรษะลงไปมองใบหน้าอ้วนท้วนของสวี่หลิงอินที่เต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตาด้วยสายตาอ่อนโยน

หลังจากกินดื่มเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงฉลองก็สิ้นสุดลง ทั้งแขกและเจ้าบ้านต่างก็สนุกสนานกันอย่างเต็มที่

คนที่ตื่นเต้นที่สุดคือโหยวซือ ผู้นำของเผ่าซือกู่ เมื่องานเลี้ยงเลิกรา สวี่ชีอันก็ปฏิบัติตามคำสัญญาด้วยการนำซากศพโบราณในวังสุสานใต้ดินออกมามอบให้เขา

ดังนั้นในสายตาของผู้นำโหยวซือ ฆ้องเงินสวี่จึงกลายเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตต่างบิดามารดา และสมาชิกในเผ่าซือกู่ก็กลายเป็นโจรที่พยายามแย่งของรักของหวง

เมื่อโหยวซือแบกโลงศพจากไป ทางเดินก็ปลิวไปกับสายลม

สมาชิกของเผ่าซือกู่ทั้งอิจฉาทั้งริษยา

ผู้ที่ตกอับมากที่สุดคือหลวนอวี้จากเผ่าฉิงกู่ วันนี้นางใช้วิธีการและทักษะทั้งหมดในการออดอ้อนยั่วยวน แต่ฆ้องเงินสวี่กลับเฉยเมยและมีท่าทางราวกับไม่อยากปฏิบัติตามสัญญา

ใจของหลวนอวี้ร้อนรนราวกับไฟ แต่จะกล้าประณามเขาได้อย่างไร

นางเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เมื่อน้อยใจก็ทำได้เพียงอดทน ฆ้องเงินสวี่ไม่ชื่นชอบนางอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะร้องไห้โวยวายที่นี่ ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์น่าอับอายดีนะ?

หลวนอวี้เป็นหญิงงามที่รู้วิธีการล่อลวงผู้ชาย ดังนั้นนางจะไม่ทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเช่นนั้น

“หัวหน้า ดูเหมือนฆ้องเงินสวี่จะไม่ยอมทำตามสัญญาแล้วกระมัง”

ระหว่างทางกลับไปที่เผ่า หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวพึมพำว่า “ผู้มีเกียรติอย่างฆ้องเงินสวี่ ทำไมไม่รักษาคำพูดนะ เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าชอบเขาขนาดนั้น”

หญิงสาวอีกคนได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“หัวหน้าชอบเขาที่ไหนกัน หัวหน้าแค่อยากจะลิ้มรสเขาต่างหาก”

หลวนอวี้จ้องนางตาเขม็งและกล่าวว่า “ฆ้องเงินสวี่เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนของจิ่วโจว เป็นวีรบุรุษหนุ่ม วีรบุรุษชื่นชอบหญิงงาม หญิงงามก็ชื่นชอบวีรบุรุษ ข้าย่อมชื่นชอบเขาอยู่แล้ว”

นางกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “เพียงแต่ฆ้องเงินสวี่ไม่ชอบข้าก็เท่านั้น”

แต่สิ่งที่น่ารังเกียจคือ ต่อให้จะใช้ความสามารถของฉิงกู่ก็ยังดึงดูดเขาไม่ได้ เพราะอีกเผ่าก็มีไสยศาสตร์กู่ในระดับเหนือชั้นเหมือนนางเช่นกัน

เหล่าหญิงสาวของเผ่าฉิงกู่ต่างก็รู้สึกสงสารผู้นำเผ่า

ผู้นำเผ่าเป็นหญิงที่งดงามที่สุดในเผ่า นางมีเรียวขายาว บั้นท้ายกลม เอวมีส่วนโค้งได้สัดส่วน และหน้าอกอันอวบอิ่ม พร้อมด้วยใบหน้าอันทรงเสน่ห์เย้ายวน

แม้แต่พวกนางที่เป็นผู้หญิงด้วยกันได้เห็นก็ยังใจสั่น การนอนหลับไปโดยมีร่างอันเย้ายวนใจนี้อยู่ในอ้อมกอดจะต้องเยี่ยมยอดเป็นแน่

ในไม่ช้า สมาชิกเผ่าฉิงกู่ก็กลับมาถึงถิ่นฐาน ตึกรามบ้านช่องที่สร้างด้วยอิฐผสมไม้ตั้งเรียงรายกันอย่างกับเกล็ดปลาและซี่หวี การตั้งถิ่นฐานของเผ่าฉิงกู่เหมือนกับหมู่บ้านเล็กๆ ของที่ราบกลาง โครงสร้างพื้นฐาน อย่างเช่นอาคารและถนนนั้นดีกว่าเผ่าลี่กู่มาก

เวลานี้ ท้องฟ้าเข้าสู่ยามราตรีอันมืดมิดแล้ว นอกจากหน้าต่างบางบานที่ยังคงส่องแสงอยู่ สมาชิกส่วนใหญ่ได้เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญตนแล้ว เสียงทุกชนิดลอยออกมาจากหน้าต่างและประสานกันจนกลายเป็นเสียงที่ไพเราะ

จิตใจของหลวนอวี้สดชื่นขึ้นมาก ฉิงกู่ในร่างของนางคว้าพลังแห่งตัณหารอบตัวมาหล่อเลี้ยงตัวเองโดยอัตโนมัติ

เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่กลับมายังถิ่นฐานต่างก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว พวกเขาเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยเพราะอยากกลับถึงบ้านให้เร็ว เพื่อไปบำเพ็ญกับภรรยาหรือสามีและถึงจุดสุดยอดด้วยกัน

จวนของผู้นำตั้งอยู่ใจกลางของถิ่นฐาน ซึ่งเป็นจวนหรูหราที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่

หลวนอวี้เข้าไปในจวน ตรงไปยังที่พัก หลังจากเดินถึงห้องชั้นนอกแล้ว นางก็สั่งกำชับว่า “เตรียมน้ำร้อน ข้าจะอาบน้ำ”

หลังจากกล่าวแล้ว นางก็เดินผ่านห้องชั้นนอกและผลักประตูห้องนอนเข้าไป

ประตูห้องถูกเปิดออกเสียงดัง ‘เอี๊ยด’ ทันใดนั้นดวงตาคู่สวยของหลวนอวี้ก็เบิกโพลง นางยืนอยู่ที่ธรณีประตูด้วยความตกตะลึงและสีหน้าเหลือเชื่อ

ที่โต๊ะกลมท่ามกลางแสงเทียนสีส้ม มีชายหนุ่มสูงโปร่งรูปงามถือแก้วสุราอยู่ในมือ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “คืนนี้ข้าทำให้เจ้าขายหน้าเสียแล้ว!”

………………………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท