ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 586 อะไรนะ! เธอแต่งงานแล้วเหรอ?(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 586 อะไรนะ! เธอแต่งงานแล้วเหรอ?(1)

หลี่หมิงฮุยรู้สึกเพียงว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าวราวกับมอดไหม้ มองท่าทางของเซี่ยปิงหรุ่ยที่ดูสมเหตุสมผล เขาก็รีบหยุดหล่อน พลางกัดฟันกระซิบบอก “เธอหยุดพูดได้แล้ว”

ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะเปิดเผยใบสั่งยาโดยตรง เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของหลี่หมิงฮุ่ย จึงรีบกล่าวแก้ต่างให้พร้อมรอยยิ้ม “ฉันเขียนใบสั่งยาให้นักศึกษาหลี่ ช่วงปกติเขาอาจจะเหนื่อยจากการเรียนไปหน่อย สุขภาพร่างกายจึงไม่ค่อยดี ต้องดูแลตัวเองให้ดีหน่อย”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานกล่าวแบบนั้น ก็กล่าวตามเช่นกัน “ใช่แล้ว นายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ”

แต่สีหน้าของหล่อนไม่ใช่แบบนี้ ดังนั้นทุกคนจึงจ้องมองสายตาที่เลิกลั่กของหลี่หมิงฮุ่ย

หลี่หมิงฮุ่ยจ้องมองเซี่ยปิงชิงอย่างเกลียดชัง ทำไมเขาไม่เคยสังเกตมาก่อน ว่าคำพูดคำจาของเซี่ยปิงหรุ่ยทำให้คนถึงกับกระอักได้มากกว่าฉินมู่หลาน ตอนนี้เขาอยากจะโยนใบสั่งยาที่อยู่ในมือใส่หน้าเซี่ยปิงหรุ่ยเสียเหลือเกิน แต่แล้วเขาก็นึกไปถึงสภาพร่างกายของตัวเองครั้งล่าสุด หากไม่พูดก็คงไม่รู้สึก แต่เมื่อพูดแล้ว เขาพบว่าตัวเองเหมือนจะเป็นอย่างนั้นอยู่บ้าง…

พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพ่อ ใช่ ก็แค่พักผ่อนไม่เพียงพอ

เมื่อคิดได้แบบนี้ หลี่หมิงฮุ่ยก็เก็บใบสั่งยาในมือ รอจังหวะที่คนอื่นเผลอ แล้วยัดเก็บมันเข้าไป

หลินไคจงก็นึกไม่ถึงว่านักศึกษาจะสามารถตรวจชีพจรได้แบบนี้ จึงรีบหันไปมองเซเลน่าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เซเลน่า เมื่อกี้เธอบอกว่าอยากลองตรวจด้วยไม่ใช่เหรอ มานี่เร็ว ให้นักศึกษาฉินช่วยตรวจชีพจรให้เธอ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซเลน่าก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ค่ะ”

หลังจากเซเลน่านั่งลง สุดท้ายคนอื่นก็ละความสนใจจากหลี่หมิงฮุ่ย แล้วมองเซเลน่าแทน

ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เซเลน่าอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เธอเพิ่งผ่าตัดมาหรือเปล่า?”

เซเลน่าได้ยินแบบนี้ ก็มองฉินมู่หลานด้วยความเหลือเชื่อ “พระเจ้าช่วย ฉิน เธอรู้ได้ยังไง”

“ชีพจรของเธอบอกฉัน”

อันที่จริงแล้ว ปัญหาของเซเลน่าร้ายแรงกว่าของหลี่หมิงฮุ่ยมาก หลังจากผ่าตัดก็เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายตัวมาตลอด แต่ตอนนี้อายุยังน้อย จึงดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่หากอายุมากขึ้น จะต้องมีผลกระทบต่อเซเลน่าอย่างแน่นอน

“หลังจากเธอผ่าตัดก็พักผ่อนได้ไม่ค่อยเต็มที่ นับจากวันนี้ไป เธอต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นนะ เดี๋ยวฉันจะสั่งยาให้เธอ” พูดประโยคนี้จบ ฉินมู่หลานก็เขียนใบสั่งยาแล้วมอบให้ทันที ก่อนจะกล่าวว่า “เธออย่าว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเลยนะ ถ้าเธอไม่ดูแลตัวเองให้ดีตอนนี้ ต่อไปพออายุมากขึ้น สภาพร่างกายของเธอจะแย่ลงเรื่อย ๆ”

สำหรับเซเลน่า ตั้งแต่ฉินมู่หลานพูดว่าก่อนหน้านี้ตัวเธอเองเคยได้รับการผ่าตัด ก็ชื่นชมเธอจนแทบอยากจะก้มตัวลงกราบเลยทีเดียว เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ จึงเกิดอาการวิตกกังวลขึ้นมาทันที “จริงเหรอนักศึกษาฉิน ถ้าอย่างนั้นฉันจะกินยาให้ดี”

แต่ไม่นานหล่อนก็เกิดคำถามขึ้นมาหนึ่งคำถาม “เดี๋ยวพอประชุมแลกเปลี่ยนจบ ฉันก็ต้องกลับแล้ว ยาที่เธอสั่งให้ก็เป็นยาจีนหมดเลย ฉันอาจจะหาซื้อไม่ได้”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเธอยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันกว่าจะกลับ เดี๋ยฉันจะสกัดเป็นยาเม็ดให้เธอเอง เธอก็คงกินได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซเลน่าก็กล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉิน ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะ”

เมื่อเห็นท่าทางของเซเลน่า อาจารย์ผู้นำทีมของพวกเขาก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้น “เซเลน่า อย่ากินยาแบบส่งเดชนะ ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่เคยกินยาจีนมาก่อนด้วย” ลึกลงไปภายในใจเขายังไม่ยอมรับยาแผนจีน รู้สึกว่ายังไม่ดีเท่ายาแผนตะวันตก

เซเลน่าหันมองอีธานด้วยท่าทางจริงจังแล้วกล่าวว่า “แต่ว่าอาจารย์คะ ฉินเพิ่งตรวจชีพจรให้ฉัน จึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันผ่าตัดมา เรื่องนี้แม้แต่พวกอาจารย์เองก็ยังไม่รู้เลยค่ะ”

อีธานได้ยินแบบนี้ก็เงียบปากลงทันที เขาไม่ทราบเรื่องนี้จริง ๆ

มัลฟอยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกมหัศจรรย์นิดหน่อยเหมือนกัน เขาจึงหันไปมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “ฉิน เธอตรวจชีพจรให้ฉันด้วยได้ไหม?” เขาและเซเลน่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สภาพของเซเลน่าดูไม่เหมือนคนไปผ่าตัดเลย แต่ฉินมู่หลานกลับทราบเรื่องนี้เพียงแค่จับชีพจรในครั้งเดียว เขาจึงรู้สึกว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนเหมือนมีเวทมนตร์ลึกลับ

ฉินมู่หลานได้ฟังคำพูดนี้ ก็เหลือบมองมัลฟอย ก่อนจะเอ่ยว่า “แน่นอน”

ฉินมู่หลานจับชีพจรให้มัลฟอย คิ้วก็ขมวดพันขึ้นมา

นักศึกษาแลกเปลี่ยนจากอังกฤษนี่ยังไงกัน ทำไมสภาพร่างกายของแต่ละคนถึงได้มีปัญหากันไปหมด

มัลฟอยเห็นท่าทางของฉินมู่หลานเป็นแบบนี้ จึงรีบเอ่ยถามทันที “ทำไมเหรอ ฉิน หรือว่าร่างกายของฉันก็มีความผิดปกติเหมือนกันเหหรอ?”

ในตอนนี้ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ฉินมู่หลาน

หลังจากฉินมู่หลานถอนมือกลับ ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ ร่างกายของนายก็มีปัญหานิดหน่อยเหมือนกัน นายมีปัญหาเรื่องการนอนหลับทุกคืนเลยใช่ไหม”

มัลฟอยได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมอง ก่อนจะรีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ”

“เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะทำยาให้นายด้วยเหมือนกัน กินทุกวันสองเม็ดก่อนเข้านอน ไม่เพียงแต่จะทำให้การนอนของนายดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายของนายอบอุ่นด้วย” ฉินมู่หลานก็ไม่ขี้เหนียว เขียนสูตรใบสั่งยาให้มัลฟอยโดยตรง

ตอนนี้มัลฟอยรู้สึกทึ่งกับฉินมู่หลานมาก สามารถบอกอาการของเขาได้เพียงแค่ตรวจชีพจร ช่างน่าทึ่งจริง ๆ แน่นอนว่าเขาจึงเชื่อในตัวเธอ “โอเค ถึงตอนนั้นฉันจะหมั่นกินยาให้ดี”

อีธานมองไปนักศึกษาทั้งสองของตัวเอง ทันใดนั้นก็เหมือนจะรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย นักศึกษาสองคนนี้มีฐานะครอบครัวที่ไม่ธรรมดา เขากลัวว่าหลังจากกลับไป จะต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของพวกเขา เพราะฉินมู่หลานผลิตยาด้วยตัวเอง ไม่ได้มีอะไรรับรองคุณภาพเลย หากกินไปแล้วมีบางอย่างผิดปกติ ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้นเซเลน่าและมัลฟอยต่างยืนกรานในความคิด ว่าจะกินยาของฉินมู่หลานอย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง นักศึกษาชายจากอเมริกาก็เริ่มมีปฏิกิริยา อยากให้ฉินมู่หลานลองตรวจชีพจรให้ตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่โอเว่นรีบเปิดปากกล่าวขึ้นทันที “ในเมื่อทุกคนได้ลองศาสตร์แพทย์แผนจีนกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปทัวร์กันต่อเถอะครับ”

หลินไคจงเห็นโอเว่นพูดแบบนี้ ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าว “ครับ ต่อไป พวกเราจะไปดูสวนไป๋เฉ่าหยวนกัน จะได้เห็นกันว่าสมุนไพรจีนที่ยังไม่ได้นำมาผลิตยามีหน้าตาเป็นอย่างไร”

เกาเฟิงเห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า ตอนนี้เขาจึงหันมองฉินมู่หลานด้วยสายตากระตือรือร้น นักศึกษาคนนี้คงจะร่ำเรียนวิชาแพทย์มาหลายปีแล้ว มิฉะนั้นคงไม่มีฝีมือขนาดนี้ เขาจะต้องหาโอกาสสอบถามเรื่องนี้ในภายหลัง คงจะดีไม่น้อย ถ้าหลังจากสำเร็จการศึกษาเธอสามารถมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้ เขาต้องพาคนพวกนี้ไปเยี่ยมชมต่อ

“ครับ ต่อไปพวกเราจะไปที่สวนไป๋เฉ่าหยวนกัน”

เมื่อมาถึงสถานที่ ฉินมู่หลานก็ยังคงอธิบายให้ทุกคนฟังต่อไป เธออ้างอิงจากตำรา เล่าเรื่องการทำยาสมุนไพรจีนที่น่าสนใจ ทำให้การเดินชมในครั้งนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้ว่าเอลล่าและชิโยโกะจะไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ก็เข้าใจว่าฉินมู่หลานคนนี้ค่อนข้างมีกึ๋นจริง ๆ

ชิโยโกะเรียนรู้แพทย์แผนจีนมา หล่อนจึงทราบดีว่าฉินมู่หลานเก่งกาจมากขนาดไหน ไม่เพียงแค่การผ่าตัดเท่านั้น การตรวจชีพจรก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นักศึกษาจีนคนนี้กลับทำทุกอย่างได้ดีกว่าพวกหล่อนทุกอย่างเลย

แต่เอลล่าไม่ค่อยรู้จักศาสตร์แพทย์แผนจีนสักเท่าใด แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เซเลน่าและมัลฟอยแล้ว ถึงแม้ว่าไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท