ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 627 หู่จือน้อยที่ฉลาดและกล้าหาญ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 627 หู่จือน้อยที่ฉลาดและกล้าหาญ

ผู้ใหญ่บ้านร้องเรียกไปหลายทีแล้วประกาศชื่อตัวเอง ประตูบ้านค่อยถูกเปิดออกจากข้างใน และมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อกันหนาวเดินหาวออกมา

คนผู้นี้คือพี่ภรรยาของหวังโหย่วเซิ่ง

ผู้ใหญ่บ้านถาม “ฉันได้ยินมาว่าน้องสาวของนายกลับมาเยี่ยมบ้าน?”

“ไม่ได้กลับมานี่” ชายผู้นั้นตอบ

“เมื่อวานฉันเห็นแล้ว ยังมีอะไรต้องปิดบังอีก?”

ผู้ใหญ่บ้านแนะนำเซี่ยไห่กับเฉินเจียเหอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา “สองท่านนี้มาจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ พวกเขามาตรวจสอบทุกครัวเรือน ใครที่ยากจนก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ และยังมีคนจากในเมืองมาช่วยเหลือเรื่องการศึกษาของนักเรียนด้วย ฉันจำได้ว่าลูกของนายสองคนนั้นเรียนเก่งกันทั้งคู่ก็เลยพาพวกเขามาที่นี่”

“ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงมาเช้าแบบนี้ล่ะ?” ชายคนนั้นถามด้วยสีหน้าระมัดระวัง

ลางสังหรณ์บอกเขาว่าคนกลุ่มนี้เจาะจงมาหาน้องสาวของเขาโดยเฉพาะ

แต่พอคิดว่าตอนนี้น้องสาวของเขาก็มีลูกไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาจัดการเรื่องวางแผนครอบครัว อย่างมากก็คงส่งน้องสาวเขาไปทำหมัน

ผู้ใหญ่บ้านตอบ “พวกเราต้องไปเยี่ยมทุกคนในหมู่บ้าน งานเยอะเลยต้องเริ่มแต่เช้า วันเดียวอาจไม่เสร็จด้วยซ้ำ”

เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคนพามา ชายคนนั้นจึงจำต้องเชิญทั้งสองเข้าบ้าน

ผู้ใหญ่บ้านกล่าวกับเฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ “เจ้าหน้าที่ทั้งสองท่าน เชิญสอบถามได้เลย”

“มีลูกกี่คน? ผลการเรียนเป็นยังไงบ้าง? มีใบประกาศที่รับรองผลการเรียนของพวกเด็ก ๆ หรือเปล่า?” เซี่ยไห่ถามพวกเขาอย่างดื่มด่ำกับบทบาทเต็มที่

แต่ชายคนนั้นดูเกร็งมาก หลังนำพวกเขาเข้าไปในห้องโถงก็ตอบว่า “ลูกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผลการเรียนของลูกชายค่อนข้างดี”

“ลูกชายผมได้ใบประกาศมาใบหนึ่ง ติดไว้ตรงนั้นเอง”

ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงเตายังไม่ตื่น พอพวกเขาเข้าไปแล้วจึงน่ากระอักกระอ่วนใจอย่างมาก

เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่ถอยออกไป บอกว่าไปคุยข้างนอกดีกว่า

ตอนนั้นเอง เด็กผู้ชายคนหนึ่งได้ยินว่ามีคนมาสอบถามเรื่องผลการเรียนเพราะจะให้ทุนการศึกษา จึงโผล่หน้าออกมาจากห้องอีกห้องหนึ่ง

เซี่ยไห่เห็นเด็กคนนั้นก็บังเกิดความคิดขึ้นมา ยิ้มเอ่ยว่า “นี่คงเป็นลูกชายของคุณสินะ หน้าตาดีเชียว ดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง”

เฉินเจียเหอหัวเราะแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

“เด็กคนนี้หน้าตาคล้ายหู่จือลูกชายผมเลย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้จะต้องซนมากแน่ ๆ”

เซี่ยไห่เสริมว่า “ใช่แล้ว หน้าเหมือนหู่จือจริง ๆ”

“หู่จือ…”

เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่พูดเสียงดังเป็นพิเศษ เอ่ยชื่อหู่จือซ้ำแล้วซ้ำอีก

สีหน้าของเจ้าบ้านเปลี่ยนไปทันที

เขาดึงตัวผู้ใหญ่บ้านมากระซิบถาม “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขามาจากหน่วยงานไหนกันแน่?”

“ก็มาจากในเมืองน่ะสิ นายจะตื่นเต้นไปทำไม? บ้านพวกนายไม่ได้มีลูกเกินเสียหน่อย เจ้าหน้าที่เขามาเพราะจะให้เงินสนับสนุนการศึกษาลูกของนายนะ” ผู้ใหญ่บ้านมองเขาแล้วถาม “หรือว่านายไปทำอะไรผิดมา?”

“เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธพร้อมหลบสายตา “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”

ผู้ใหญ่บ้านพูดกับเขา “ถ้าน้องสาวนายกลับมาแล้ว นายก็โน้มน้าวหล่อนหน่อยเถอะ ลูกสาวก็สืบสกุลได้ อย่าไปยึดติดกับการมีลูกชายเลย กลับหมู่บ้านไปทำหมันซะแล้วใช้ชีวิตไปตามปกติ อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ไม่ใช่ทางออกหรอก”

“อืม ถ้าหล่อนกลับมา ผมจะพูดกับหล่อนเอง ผู้ใหญ่บ้าน ถ้าตรวจเสร็จแล้วก็พาพวกเขาไปบ้านหลังถัดไปเถอะ”

เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่ยังไม่ละความพยายาม ยังเรียกหาหู่จืออยู่ในลานบ้าน

เฉินเจียเหอกระซิบกับเซี่ยไห่ว่า “ต้องเรียกตำรวจเข้ามาตรวจค้นแล้วล่ะ”

เซี่ยไห่กำลังจะออกไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงอู้อี้ดังมาจากในบ้านเก่าโทรมหลังนั้น

“พ่อ พ่อ ผมอยู่ตรงนี้”

สีหน้าของเฉินเจียเหอสว่างไสวขึ้นมาทันตาเห็น

นั่นคือเสียงลูกชายเขา

หู่จือคงถูกคุมตัวเอาไว้ เสียงถึงได้อู้อี้แบบนั้น

เขาได้ยินว่าเสียงดังมาจากห้องเล็กที่อยู่ข้างกัน เขาจึงก้าวไว ๆ ไปที่นั่น แล้วถีบประตูเปิดออก

เฉินเจียเหอเตะประตูเข้าไปก็เห็นหู่จือที่สวมเสื้อกันหนาวอยู่บนเตียงเตา เด็กน้อยพยายามดิ้นหนีให้หลุดจากอ้อมแขนของผู้หญิงคนหนึ่ง

หน้าของเด็กน้อยแดงก่ำจากความหนาวเย็น ไม่เจอกันสามวัน ทั้งเสื้อผ้าและลักษณะภายนอกของหู่จือเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

“พ่อ”

เฉินเจียเหอดึงตัวผู้หญิงคนนั้นไปให้ห่างจากหู่จือแล้วรวบตัวลูกชายเข้าสู่อ้อมอก พอหู่จือถูกเขากอดเอาไว้ก็ร้องไห้โฮออกมา

“พ่อ ในที่สุดพ่อก็มาช่วยผมแล้ว”

เฉินเจียเหออุ้มหู่จือ ขอบตาแดงเรื่อ

ข้างนอก หวังโหย่วเซิ่งกับญาติ ๆ ของเขาดิ้นพล่านราวคนเสียสติ พยายามจะแย่งตัวหู่จือไปจากมือเฉินเจียเหอ แต่ก็ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ทุกคน และจะถูกนำตัวไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจในเมือง

พอรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายตนเอง หวังโหย่วเซิ่งก็แก้ต่างทันที “เราเก็บเด็กคนนี้ได้”

หู่จือโพล่งออกมาจากในอ้อมกอดของเฉินเจียเหอ “ไม่จริง พวกคุณซื้อผมมา ผู้ชายคนหนึ่งเอาถุงมาคลุมหัวผมไว้แล้วขายผมให้พวกคุณ”

“แก…” หวังโหย่วเซิ่งไม่คิดว่าหู่จือจะรู้ทุกเรื่องขนาดนี้

เด็กคนนี้ไม่พูดไม่จามาตลอดทาง เอาแต่กินกับดื่ม ตอนกินขนมปังยังแบ่งขนมปังให้ภรรยาเขา ตอนนั้นพวกเขาสามีภรรยาประทับใจมาก คิดว่าเด็กคนนี้คงมีวาสนากับพวกตน และก็เพราะเหตุนี้เอง พวกเขาจึงพาเด็กคนนี้กลับมาที่บ้านด้วยความวางใจ

“ฮึ ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อกับตารองจะต้องมาช่วยผมแน่นอน พวกคุณคิดว่าผมเต็มใจเป็นลูกพวกคุณจริง ๆ เหรอ”

หู่จือแกล้งทำตัวโง่ ๆ ซื่อ ๆ มาตลอดเพราะไม่อยากถูกตี หวังโหย่วเซิ่งกับภรรยาหลอกว่าจะพาเขาไปมีชีวิตที่ดี หู่จือก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย บอกว่าเต็มใจจะเป็นลูกของพวกเขา

สองสามีภรรยาเห็นว่าเด็กคนนี้เชื่อฟังและดูเหมือนจะชอบพวกตนมาก ภรรยาของหวังโหย่วเซิ่งรู้สึกจากใจจริงว่านี่คือของขวัญที่ฟ้าประทานมาให้ เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นลูกของพวกตนโดยแท้

ช่วงหลายวันนี้ ทั้งคู่กลัวว่าถ้ากลับบ้านกะทันหันแล้วคนในหมู่บ้านจะซุบซิบนินทาจึงมาพักอยู่บ้านภรรยาก่อนสักหลายวัน พอกลับไปก็จะบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของญาติฝ่ายภรรยา

“หู่จือ พวกเราตามหาหลานเจอจนได้”

เซี่ยไห่เห็นเฉินเจียเหออุ้มหู่จือออกมา เขาก็วิ่งเข้าไปกอดแล้วร้องไห้โฮ

“ตารอง อย่าร้องไห้ ผมไม่เป็นไร” เดิมทีหู่จือก็ร้องไห้อยู่ แต่เมื่อเห็นเซี่ยไห่ร้องไห้ เขาจึงหยุดร้องและกลายเป็นฝ่ายปลอบเซี่ยไห่ เช็ดน้ำตาให้เขา

ทุกคนไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ หู่จือดูเหมือนไม่ได้เสียขวัญเพราะเรื่องนี้เลยสักนิด เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกลักพาตัวไปขายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังโดยละเอียด

“พอผมซื้อขาหมูให้แม่เสร็จ ออกมาจากร้านก็ถูกคนคนหนึ่งปิดปากเอาไว้แล้วเอาถุงคลุมหัวผม พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ในห้องมืด ๆ ห้องหนึ่ง”

“ผมได้ยินว่าพวกเขาจะเอาผมไปขาย ผู้หญิงคนหนึ่งขู่ผมว่าถ้าผมขัดขืนจะให้คนคนนั้นฆ่าผม ผมกลัวมากจึงไม่กล้าร้องไห้ คิดว่ายังไซะผมก็รู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน จำเบอร์โทรศัพท์ของแม่ได้ ผมยังรู้ชื่อของพวกเขาด้วย รอจนผมถูกขายไปที่บ้านของพวกเขา ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ผมค่อยหาวิธีติดต่อพ่อกับแม่”

หู่จือเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดต่อไปว่า “อ้อ เสียงของผู้หญิงคนนั้นฟังดูคุ้น ๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนรู้จัก คงเป็นผู้หญิงกลุ่มนั้นที่ไม่ถูกกับแม่ของผม”

ตำรวจท้องถิ่นประหลาดใจในความเฉลียวฉลาดและความหนักแน่นของหู่จือเป็นอย่างมาก

“สมกับเป็นเด็กที่โตมาในเมืองจริง ๆ ทั้งเฉลียวฉลาดและยังกล้าหาญอีกต่างหาก”

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท