บทที่ 295 ต้องการความช่วยเหลือไหม
เมื่อกระแสน้ำของหลิงเยว่ราดลงบนตัวผู่ตาน ไม่ต่างจากการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ควันไฟพวยพุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับไม่มีใครเห็นเปลวไฟแม้แต่น้อย
แปลกจริง…
“ขอข้าลองดูหน่อย”
โม่จวินเจ๋อใช้พลังวิญญาณน้ำแข็ง แช่แข็งผู่ตานไว้ แต่ภายในรูปปั้นน้ำแข็งกลับมีควันไฟลอยวนอยู่เช่นเดิม
ทุกคนต่างรู้สึกมึนงง
ส่วนผู่ตานนั้นมึนงงกว่า ทั้งยังตื่นตระหนกอีกด้วย
ทำไมเขาถึงได้มาเจอเรื่องซวยแบบนี้!
สมแล้วที่ได้ชื่อว่าตัวซวยประจำสำนัก!
“ศิษย์พี่สี่ ท่านร้อนหรือไม่?”
ผู่ตานที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งส่ายหัวอย่างยากลำบาก และทุบตีรูปปั้นน้ำแข็งอย่างแรงเพื่อที่จะออกมา
“ระบบ ที่เจ้าบอกว่ามีเพลิงพิสดารซ่อนอยู่ มันอยู่ที่นี่หรือไม่?”
[ใช่]
หลิงเยว่เข้าใจแล้ว ดูเหมือนสี่ศิษย์พี่จะโดนเพลิงพิสดารเล่นงานเข้าแล้ว
“จะกำจัดควันไฟนี้ได้อย่างไร?”
ปล่องไฟขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ข้าง ๆ เป้าหมายใหญ่เกินไป
[จับเพลิงพิสดารให้ได้]
หลิงเยว่ “…”
ทะเลทรายต้องห้ามกว้างใหญ่ขนาดนี้ จะจับมันได้อย่างไร?
หลังจากถามซ้ำหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ หลิงเยว่จึงล้มเลิก ผู่ตานทุบรูปปั้นน้ำแข็งจนแตกออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาถูกควันไฟรมควันจนกลายเป็นสีดำ
“ฮ่า ๆ ๆ!”
ติงหลิวหลิ่วอดทนไม่ไหว เปิดปากหัวเราะลั่น
“ยังไงก็ไม่ตายเพราะควันไฟหรอก ทนไปก่อนละกัน” หลงหว่านโหรวที่พยายามกลั้นขำเอ่ยขึ้น
ผู่ตานมองหลิงเยว่อย่างตัดพ้อ รู้แบบนี้เขาไม่น่ามาด้วยเลย!
กลุ่มคนเดินเท้าไปได้ไม่เท่าไหร่ บุคคลที่สองก็เริ่มมีควันปรากฏบนร่าง ซึ่งเป็นติงหลิวหลิ่วที่หัวเราะเสียงดังที่สุดเมื่อครู่นี้เอง
ติงหลิวหลิ่ว “?”
หรือว่าเรากลับสำนักกันดีกว่า!
ยังไม่ทันจะเดินถึงใจกลางทะเลทราย เหล่าศิษย์ทั้งห้าของสำนักชิงยวน รวมทั้งลู่เป่ยเหยียนต่างมีควันไฟลอยออกมาจากตัวแล้ว
ปล่องไฟขนาดใหญ่หกอันล้อมรอบห้าคนและแมลงหนึ่งตัวที่เหลืออยู่
“ทำไมคนที่มีแก่นปราณอัคคีถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!”
“ฮวนฮวนก็มีแก่นปราณอัคคีเหมือนกัน แต่ทำไมนางถึงไม่เป็นอะไรเลย?”
ใช่!
หลิงเยว่หันกลับไป มองเห็นเพียงเงาราง ๆ ของฮวนฮวน ทำไมเด็กน้อยถึงไม่เป็นอะไร แต่พวกเขากลับเป็นแบบนี้?!
ยังไม่ทันได้เจอหมอกแดง กลับโดนไฟเผาจนมองไม่เห็นทางเสียก่อน แล้วจะไปฆ่านางได้อย่างไร?
“พวกเจ้าต้องการความช่วยเหลือไหม?” หัวหน้าตะขาบมรกตเข้ามาใกล้หลิงเยว่อย่างเจ้าเล่ห์
“เจ้ามีวิธีหรือ?”
หลิงเยว่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่นึกถึงน้ำลายของมันที่สามารถป้องกันเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ได้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์
ไม่จำเป็นต้องให้หัวหน้าตะขาบมรกตคายน้ำลายออกมาตรงนั้น หลิงเยว่มีปี้สุ่ยเย่ที่เก็บรวบรวมไว้มากมาย นางจึงหยิบออกมาอ่างหนึ่งแล้วทาลงบนร่างกาย
ทันใดนั้นก็มีควันสีดำพวยพุ่งออกมา ดูเหมือนจะมีเปลวไฟสีม่วงอ่อนวาบขึ้นมาชั่วขณะด้วย!
หลิงเยว่ตกใจจนโยนอ่างออกไป หัวหน้าตะขาบมรกตคิดจะฆ่านางหรือไง!
โชคดีที่เปลวไฟสีม่วงเพียงแค่แวบขึ้นมาชั่วครู่แล้วหายไป หลิงเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โม่จวินเจ๋อก็เช่นกัน
เขาก็จนปัญญากับหลิงเยว่ที่มีควันไฟลอยออกมาจากตัว
“แปลกจริง พวกเราเดินมาตั้งนาน ทำไมถึงไม่เจอสัตว์อสูรทะเลทรายแม้แต่ตัวเดียว”
ไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูร แม้แต่มดทะเลทรายก็ยังไม่เห็น อวี้เจินมองไปยังส่วนลึกของทะเลทรายด้วยความกังวล ไม่เจอสัตว์อสูร ไม่เจอมนุษย์ แม้แต่พลังปีศาจก็ไม่เห็นแม้แต่น้อย
แต่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเพิ่งจะมาตรวจสอบทะเลทรายแห่งนี้ด้วยตัวเอง และยืนยันแล้วว่ามีพลังปีศาจอยู่จริง!
“หัวหน้าตะขาบมรกต เจ้าพาพวกเรามาผิดทางหรือเปล่า?” ติงหลิวหลิ่วมองหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยสายตาสงสัย
นอกจากการมาผิดที่แล้ว ทุกคนก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออก
กล้าดียังไงถึงมาสงสัยเขา!
หัวหน้าตะขาบมรกตโต้แย้งเสียงดัง “เป็นไปไม่ได้! ที่นี่คือทะเลทรายต้องห้ามของดินแดนตอนเหนือแน่นอน!”
ก่อนหน้านี้ เขาได้ยินชาวเมืองในเมืองฮั่วหยางพูดคุยกันว่า ใจกลางทะเลทรายมีหนอนทรายชนิดหนึ่ง เนื้อแน่นและรสชาติอร่อย เขาจึงบินมาที่นี่รอบหนึ่ง และยังจับมันกลับไปหลายตัว
“เจ้ายังย่างหนอนทะเลทรายให้ข้ากินด้วยซ้ำ!”
หลิงเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “เจ้าแน่ใจนะว่าหาเจอที่นี่?”
“แน่ใจสิ!”
ดูเหมือนการหายตัวไปของสัตว์อสูรทะเลทรายก็เป็นฝีมือของหมอกแดง!
บางทีในตอนที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ทะเลทราย หมอกแดงอาจจะรู้ตัวแล้ว จึงส่งเพลิงพิสดารออกมาเตือน
ศัตรูอยู่ในที่มืด พวกเขาอยู่ในที่สว่าง ความยากลำบากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“อาจารย์หลิง ที่นี่มีพลังปีศาจ!”
คำพูดของฮวนฮวนทำให้ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาในทันที
“ฮวนฮวนยังได้กลิ่น… กลิ่นอายของพวกเดียวกันด้วย”
กลิ่นอายของพวกเดียวกัน หมายถึงดอกไม้โลหิตอสูร หรือหมายถึงหมอกแดงที่เป็นเผ่าปีศาจเหมือนกัน?!
“พวกเดียวกัน?”
โม่จวินเจ๋อมองฮวนฮวนอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็นึกถึงอีกาสุริยันตัวน้อยที่เคยพูดถึงดอกไม้โลหิตปีศาจ ซึ่งดูเหมือนว่าจะหมายถึงฮวนฮวน!
“พลังปีศาจเยอะแยะเลย!”
ดวงตาของฮวนฮวนเปล่งประกายสีแดงวูบวาบ มวลพลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากลายเป็นสีดำในพริบตา และตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในวงล้อมของพลังปีศาจเรียบร้อยแล้ว
“อ๊ะ! ยังมีเปลวไฟสีม่วงสวยงามกำลังเผาพลังปีศาจอยู่ด้วย!”
ทุกคนพยายามเบิกตากว้าง แต่มองไม่เห็นพลังปีศาจและเปลวไฟสีม่วงที่ฮวนฮวนพูดถึงเลยสักนิด
“อ๊ะ! พี่ฉี ท่านเหยียบเปลวไฟแล้ว!”
สิ้นเสียงของฮวนฮวน ฉีซิวซีก็มีควันไฟลอยออกมาจากตัว
“พี่จวิน ระวังท่านจะเหยียบเปลวไฟแล้ว!”
เท้าที่โม่จวินเจ๋อกำลังจะก้าวออกไปชะงักค้างกลางอากาศ
อวี้เจิน หัวหน้าตะขาบมรกต และสือเชี่ยนก็ไม่กล้าขยับเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลายเป็นคนตาบอดหลังจากเข้ามาที่นี่
“ฮวนฮวน งั้นเจ้านำทางพวกเราไปหน่อยได้ไหม?” หลิงเยว่จับมือเล็ก ๆ ของฮวนฮวนที่จูงมือนางอยู่
“อาจารย์หลิงจะไปไหนเหรอเจ้าคะ?”
“ไปหาหมอกแดง”
“หมอกแดง?!”
“ราชินีปีศาจซ่อนตัวอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
“ศิษย์น้อง เจ้าพาพวกเรามาตายกันหรือไง!”
“ไม่ได้ ๆ อันตรายเกินไป พวกเรากลับกันเถอะ!”
ทันทีที่เอ่ยชื่อของหมอกแดง ทุกคนก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
“วางใจเถอะ ข้าเอาชาแปลงกายมาด้วย”
หลิงเยว่แจกชาแปลงกายของอิงหลง กิเลนไฟ ชิงหลง เสวียนอู่และหัวหน้าตะขาบมรกตให้กับทุกคน
“ถ้าเจอมังกรปีศาจ พวกเจ้าก็ปล่อยมันออกมาคนละตัว รับรองว่าจัดการพวกมันได้สบาย!”
เมื่อได้รับชาแปลงกาย ทุกคนจึงโล่งใจขึ้นมาบ้าง เมื่อมีชาแปลงกายแล้ว พวกเขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หมอกแดงงั้นเหรอ เหอะ!
ครั้งนี้ต้องกำจัดนางให้ได้!
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมอกแดงอยู่ที่นี่?”
หลิงเยว่มองโม่จวินเจ๋อแล้วพูดโกหกไปว่า “ท่านอินสุ่ยอวิ๋นบอกข้าเอง”
“นาง…”
“หมายถึงท่านผู้นั้นที่ใช้ดาบสีแดงสู้กับราชินีปีศาจจนแทบเอาชีวิตไม่รอดใช่ไหม!”
ผู่ตานพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในเมื่อมีท่านผู้นั้นอยู่ด้วย การกำจัดหมอกแดงก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
“ใช่”
ท่านอินสุ่ยอวิ๋นอยู่ที่นี่จริง แต่ว่า… นางกำลังหลับอยู่
“โอ้! ท่านผู้นั้นยังอยู่!” อวี้เจินดีใจอย่างมาก
หลงหว่านโหรว สือเชี่ยน และฉีซิวซี ทั้งสามคนที่ไม่ได้เข้าไปในวิหารบูชาปีศาจ ฟังแล้วก็งุนงง หลิงเยว่จึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวิหารบูชาปีศาจให้ฟัง ทั้งสามคนจึงเข้าใจ
ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมาทันที พวกเขาเดินไปตามทางที่ฮวนฮวนชี้ ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางทะเลทรายมากเท่าไหร่ อุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น โม่จวินเจ๋อมองเห็นแสงสีม่วงเข้มแวบผ่านในอากาศที่บิดเบี้ยว แต่เขายังไม่ทันได้มองให้ชัดเจน แสงสีม่วงก็หายไปแล้ว
อวี้เจินเหงื่อไหลอาบแก้ม ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากแตกเป็นขุย เสื้อคลุมที่ปกป้องความหนาวเย็นและความร้อนไม่ได้ผลในที่แห่งนี้!
“ร้อนยิ่งนัก! ขอข้าพักก่อน”
พูดจบก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทราย ทันใดนั้นอวี้เจินก็ร้องลั่น “ร้อน! ร้อน! ร้อน…”
“ร้อนเหรอ? ข้าไม่เห็นร้อนเลย”
ลู่เป่ยเหยียนที่กลายเป็นปล่องไฟขนาดใหญ่เดินไปนั่งบนพื้นทราย นอกจากควันไฟที่ลอยออกมาจากตัวมันจะหนาแน่นขึ้นจนมองไม่เห็นรูปร่างแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นเกิดขึ้นอีก!