รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1036 เพิ่งสงบก็เริ่มจลาจลอีกแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1036 เพิ่งสงบก็เริ่มจลาจลอีกแล้ว!

ลานเล็กมาถึงที่นี่เชียวหรือ?

เรื่องนี้เหนือความคาดหมายจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงอย่างสิ้นเชิง!

โดยเฉพาะคำกล่าวของลานเล็กยิ่งทำให้เขาคิดไปต่าง ๆ นานา ไม่จบลงเท่านี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าอาจารย์ของท่านผู้นั้นคือคุณชายจริง ๆ

เขาถามลานเล็กอย่างอดไม่ได้ อยากได้คำตอบจากลานเล็ก

“เก็บศพพวกเขาให้ดี วันหน้าเจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเอง”

ลานเล็กไม่ได้เอ่ยอันใดไปมากกว่านี้ ไม่เคยไขข้อข้องใจของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง มันเพียงแต่กำชับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงให้เก็บสองศพนี้ให้ได้แล้วไปจากที่นี่ กลับไปยังเมืองชิงซานอีกครั้ง

แม้ว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่ได้รับคำตอบจากลานเล็ก ทว่าในใจเขาพอแน่ใจแล้ว

สองศพนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุณชายแน่นอน ต่อให้ไม่ใช่ลูกศิษย์ของคุณชายก็ต้องเคยติดตามคุณชายแน่นอน มิฉะนั้นลานเล็กไม่มีทางปรากฏตัว และยิ่งไม่มีทางกำชับให้เขาเก็บสองศพนี้ให้ดี

“ไปละ!”

เขาไม่ได้ลังเล เก็บสองศพนี้ไว้

ยามนี้สองศพนี้ต่างสงบนิ่ง ไม่มีพลังใดรั่วไหลออกมา หาไม่แล้วแค่จะเข้าใกล้สองศพนี้สำหรับเขายังยาก

สสารมืดมิดในศพสองร่างนี้ถูกกำจัดออกไปแล้ว ทว่าสองศพนี้ยังมีพลังสยดสยองมหาศาลแฝงไว้ เป็นพลังดั้งเดิมของสองศพนี้

เวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

คล้อยตามจิตสำนึกมืดมิดในสองศพนี้ถูกกำจัด ทั้งสองศพกลับสู่ความสงบ ‘สำนึกแห่งโรค’ อื่น ๆ ก็ทยอยลบล้างตนเองในระยะนี้จนหมด

จิตสำนึกมืดมิดสองดวงนั้นคือความยึดติดรุนแรงที่สุดของผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงของเขา ‘สำนึกแห่งโรค’ อื่น ๆ ต่างแผ่ขยายออกจากความยึดติดรุนแรงที่สุดนี้

หลังความยึดติดรุนแรงที่สุดถูกลบล้าง ‘สำนึกแห่งโรค’ อื่น ๆ ก็ไม่เหลือสิ่งค้ำจุน แม้ว่าต่างกระเสือกกระสนต้านทานอย่างรุนแรงแล้ว ทว่าลงท้ายก็ต้านไม่อยู่ มลายหายไปจนสิ้นในท้ายที่สุด!

อาณาจักรทั้งปวง จักรวาลโกลาหลทุกผืน เทวโลก โลกหลังฉากต่างเสียภัยร้ายใหญ่หลวงที่สุดไปแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกล้างบางอีก

“ท่านอาจารย์ ข้าผิดต่อท่าน!”

สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งก้าวออกมาร่ำไห้สะอึกสะอื้น เขาคือลูกศิษย์ของผู้เบิกทาง ยังไม่ได้ตายลง คอยกบดานเรื่อยมา

หลังจิตสำนึกมืดมิดถูกกำจัด ภัยคุกคามหายไป เขาก็สัมผัสได้ และรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้วถึงได้กล้าก้าวออกมา

“ข้าใจเสาะ ขาดแคลนความกล้าหาญ ไม่กล้าออกรับศึก บัดนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าจะใช้ทั้งชีวิตของข้าชดเชยความผิดเหล่านี้!”

เขาเอ่ยเสียงสะอื้นไห้ เคียดแค้นตนเองในอดีตที่ไม่กล้าต่อสู้กับ ‘สำนึกแห่งโรค’ เหล่านั้น ได้แต่อยู่อย่างรักตัวกลัวตาย

“ข้าจะเริ่มเผยแผ่หลักเต๋า ชี้แนะสิ่งมีชีวิตฝึกตนจนไปถึงเส้นทางฝึกตนที่ระดับสูงกว่านี้!”

เขาเช็ดน้ำตา ตัดสินใจใช้ทั้งชีวิตของเขาชี้แนะสิ่งมีชีวิตฝึกตนให้ก้าวเดินบนเส้นทางฝึกตนที่ระดับสูงกว่านี้

นี่คือความปรารถนาใหญ่ยิ่งที่สุดในใจอาจารย์ของเขา ผู้เบิกทางท่านนั้น อาจารย์ของเขาอยากให้สิ่งมีชีวิตฝึกตนได้เดินบนเส้นทางฝึกตนที่ระดับสูงกว่านี้

น่าเสียดาย อาจารย์ของเขายังไม่ทันได้ลงมือก็เกิดเรื่องเสียก่อน

“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็ผิดต่อท่าน ละอายใจกับการเป็นลูกศิษย์ของท่าน!”

“ข้า…คือคนถ่อยที่รักตัวกลัวตาย!”

สิ่งมีชีวิตอีกหลายตนก้าวออกมา ล้วนเป็นลูกศิษย์ของผู้เบิกทางกันทั้งสิ้น พวกเขาไม่ได้ตายลง กบดานอยู่ตลอด

บัดนี้อันตรายหายไปแล้ว พวกเขาจึงพากันก้าวออกมา

เฉกเช่นลูกศิษย์คนก่อนหน้า พวกเขาก็จะชี้แนะสิ่งมีชีวิตฝึกตนจนได้ก้าวเดินบนเส้นทางฝึกตนที่ระดับสูงกว่านี้ เพื่อทำความปรารถนาของอาจารย์พวกเขาให้สำเร็จ

อาณาจักรทั้งปวง จักรวาลโกลาหลทุกผืน เทวโลก โลกหลังฉากล้วนมีร่างของพวกเขาปรากฏ พวกมันแยกร่างออกไปหลายที่ ปรากฏตัวในอาณาจักรต่าง ๆ สร้างระบอบวิถี ประสิทประสาทวิชาโดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ กว้านรับลูกศิษย์

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งมีชีวิตฝึกตนทั้งหมดจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน!

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางอันประเสริฐอย่างแท้จริง ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ทว่าวันหนึ่ง กลุ่มเงาร่างคนหนุ่มสาวปรากฏตัวในจักรวาลแห่งหนึ่ง

ในหมู่พวกเขามีทั้งบุรุษและสตรี ทุกคนต่างล้ำเลิศน่าทึ่ง!

“นี่หรือ…คือโลกของดินแดนเก่า”

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งตาเป็นประกาย “รู้สึกว่าไม่ได้ย่ำแย่กันดารอย่างที่พวกเราคิด!”

ดินแดนเก่า!

นี่คือวาจาที่สิ่งมีชีวิตที่นี่ไม่มีทางกล่าวออกมา!

ใช่แล้ว หนุ่มสาวกลุ่มนี้คือสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใหม่

พวกเขาถูกดินแดนใหม่ส่งออกมานานแล้ว เพียงแต่ระหว่างดินแดนใหม่กับดินแดนเก่ามีผนึกหวงห้ามอยู่มากมาย สถานที่ที่ต้องถ่ายเปลี่ยนก็มีอยู่นานัปการ พวกเขาจึงเพิ่งถึงเอาป่านนี้

ทว่าพวกเขาถือว่ามาไวแล้ว สิ่งมีชีวิตวัยเยาว์จากดินแดนใหม่จำนวนมากที่ถูกส่งมายังอยู่ระหว่างทาง วนเวียนสับเปลี่ยนไปทีละชั้น มาไม่ถึงดินแดนเก่า

“หวังหยวน เจ้าคิดอะไรอยู่ ดินแดนเก่าไฉนเลยจะย่ำแย่กันดารได้เล่า”

เด็กหนุ่มหัวโล้นผู้หนึ่งสั่นศีรษะพลางกล่าว “เจ้าลืมแล้วหรือ บรรดาปรมาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าดินแดนเก่าในอดีตมีปัญหาใหญ่หลวงดำรงอยู่ ฝึกฝนจนถึงท้ายที่สุดจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอันสยดสยองที่ไม่อาจนิยาม สุดท้ายต้องตายลงท่ามกลางความเจ็บปวดเหลือคณา!”

“ดินแดนเก่าอันแท้จริงล่มสลายไปนาน ไม่มีอยู่อีกแล้ว!”

“ที่นี่คือดินแดนเก่าที่เหล่าปรมาจารย์สร้างขึ้น!”

“เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายส่งพวกเรามาฝึกฝนที่นี่เพื่อเคี่ยวกรำตนเอง แล้วไฉนเลยจะส่งเราไปยังดินแดนเก่าซึ่งมีปัญหาร้ายแรงปานนั้น”

“ดินแดนเก่าแห่งนี้ซึ่งได้ปรมาจารย์ทั้งหลายสร้างขึ้นได้รับการแก้ไขจากเหล่าปรมาจารย์มาแล้วอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาร้ายแรงพวกนั้นถูกลบไปหมดแล้ว!”

“ดินแดนเก่าอุปโลกน์ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้คงผ่านการแก้ไขจากเหล่าปรมาจารย์มาแล้ว!”

“เพราะอย่างนั้น ไม่มีทางที่ที่นี่จะย่ำแย่กันดาร!”

เด็กหนุ่มหัวโล้นเอ่ยรัว “มิหนำซ้ำในสายตาของข้า ที่นี่อาจล้ำเลิศกว่าดินแดนใหม่อยู่ด้วยซ้ำ เหล่าปรมาจารย์บีบอัดพลังสารพันมาไว้ในดินแดนเก่าอุปโลกน์แห่งนี้! หาไม่แล้ว เหล่าปรมาจารย์คงไม่ส่งพวกเขามาที่นี่”

ในความคิดของเขา ที่นี่ต้องเป็นสถานที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งยวด ปรมาจารย์ทั้งหลายปรับปรุงทุก ๆ ด้านให้อยู่ในเงื่อนไขที่ดีที่สุด มิฉะนั้น เหล่าปรมาจารย์ไม่จำเป็นต้องส่งพวกเขามาเคี่ยวกรำที่นี่ พวกเขาควรอยู่ในดินแดนใหม่ต่อถึงจะถูก

“อู่เลี่ย ที่เจ้าว่ามาก็ไม่ถูกนัก! ที่นี่ไฉนเลยจะเทียบได้กับดินแดนใหม่”

เด็กสาวผู้หนึ่งส่ายหน้า ท้วงติงมุมมองของเด็กหนุ่มหัวโล้น หรือก็คืออู่เลี่ย “บางทีดินแดนเก่าอุปโลกน์นี้มีบางอย่างที่ล้ำเลิศกว่าดินแดนใหม่ ทว่าหากต้องเทียบกันจริง ๆ ที่นี่ไม่มีทางเทียบดินแดนใหม่ได้!”

“อย่างเช่นเรื่องนี้ ที่นี่ไม่อาจล้ำหน้าดินแดนใหม่ได้เลย!”

“เพดานขีดจำกัดของที่นี่ต่ำเกินไป ไม่อาจเทียบกับดินแดนใหม่ได้เลย!”

ดินแดนเก่าที่เหล่าปรมาจารย์ร่วมมือสร้างขึ้นถึงอย่างไรยังมีเพดานขีดจำกัดอยู่ ส่วนดินแดนใหม่นั้นไม่เหมือนกัน

ดินแดนใหม่คือดินแดนอันแท้จริง ไม่มีขีดจำกัด เรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด!

“เอาล่ะ ๆ ที่พวกเจ้าพูดมาถูกต้องทั้งคู่”

เด็กหนุ่มงามสง่าผู้หนึ่งคลี่ยิ้ม บอกให้เด็กหนุ่มหัวโล้นและเด็กสาวไม่ต้องโต้เถียงกันในประเด็นนี้อีก

ในสายตาของเขา เด็กหนุ่มหัวโล้นและเด็กสาวพูดถูกทั้งคู่ ไม่จำเป็นต้องถกเถียงกันต่อ

“พวกเราแยกจากกันตรงนี้แล้วกัน! เคี่ยวกรำตนเองให้ดีในดินแดนเก่าแห่งนี้!”

เขาหุบยิ้ม เอ่ยเสียงขรึม “อันตรายในดินแดนใหม่นั้นร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจต้องล่มสลายเพราะเหตุนี้ พวกเรามีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในตัว จำต้องรีบก้าวหน้าขึ้นแล้วถึงเร่งรุดไปยังสนามรบได้ และเป็นหนึ่งในกำลังนั้น!”

“ถูกต้อง ทุกท่านพยายามเข้า จะได้ไม่ทำให้ปรมาจารย์ทั้งหลายผิดหวัง!” เด็กสาวเอ่ย

“วางใจได้ ข้าจักเคี่ยวกรำตนเองด้วยโลหิตทุกวัน ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง!”

อู่เลี่ย เด็กหนุ่มหัวโล้นคลี่ยิ้มกว้าง “ถึงอย่างไรสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มีเพียงภาพมายา หาใช่สิ่งมีชีวิตจริง ๆ ฆ่าเยอะแค่ไหนก็ไม่เป็นไร พวกเราจัดการได้เต็มที่!”

“อย่าได้ประมาทแล้วเสียท่าให้กับสิ่งมีชีวิตมายาอีก แม้ว่าสิ่งมีชีวิตมายาเหล่านี้จะถูกอุปโลกน์ขึ้นมา แต่พลังที่พวกเขามีก็เป็นของจริง!”

เด็กหนุ่มงามสง่าเตือน

“ข้าเข้าใจ ไม่มีทางประมาท!”

อู่เลี่ยพยักหน้า ตระหนักในเรื่องนี้ดี

“ดี ไปละ ไว้คราวหน้าพบกันเมื่อใด พวกเราล้วนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าได้แน่!”

เด็กหนุ่มงามสง่าหัวเราะ บอกลาสิ่งมีชีวิตวัยเยาว์ตนอื่นและไปจากที่นี่ เข้าไปในอาณาจักรหนึ่ง

สิ่งมีชีวิตวัยเยาว์ตนอื่นก็พากันเคลื่อนไหว เข้าไปในอาณาจักรต่าง ๆ

ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมายา ต่อให้สังหารจนเกลี้ยงพวกเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอันใด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริง ๆ

อู่เลี่ยมาถึงอาณาจักรแห่งหนึ่ง

เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด เปิดฉากสังหารในอาณาจักรนี้ทันที

เลือดสาดกระเซ็น เขาลงมือเต็มที่เพื่อใช้สิ่งมีชีวิตมายาเคี่ยวกรำวิชาอภินิหารของเขา

“บุกสังหารต่อไปเรื่อย ๆ ก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปหาสิ่งมีชีวิตมายาน่าครั่นคร้ามเหล่านั้น ค่อยเป็นค่อยไป ฝึกฝนไปทีละนิด บำเพ็ญขอบเขตก่อนหน้าใหม่อีกรอบ!”

เขาพึมพำเสียงเบากับตนเอง ตั้งใจบำเพ็ญทุกขอบเขตใหม่อีกรอบเพื่อให้มั่นคงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เมื่อคราวอยู่ในดินแดนใหม่ เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบ น้อยนักที่จะร่วมการต่อสู้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการต่อสู้ชนิดเห็นเลือด

เป็นผลให้เขารู้สึกว่าขอบเขตก่อนหน้าของเขามีความกลวง ‘หนักแน่น’ ไม่พอ

บัดนี้เขามาถึงที่นี่ มีโอกาสต่อสู้เลือดสาดกระเซ็น ไฉนเลยจะยอมพลาด ไม่มีทางแน่นอน เขารีบลดระดับพลังตัวเองลงเพื่อต่อสู้ห้ำหั่นเคี่ยวกรำตนเอง

ในสายตาของเขา สิ่งมีชีวิตฝึกตนในดินแดนนี้ล้วนไม่ใช่ชีวิตอันมีค่า เป็นเพียงภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังเท่านั้น ถึงสังหารไปเขาก็ไม่รู้สึกแย่แต่อย่างใด!

ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตวัยเยาว์ตนอื่นก็คิดไม่ต่างจากอู่เลี่ยนัก

พวกเขาต่างมองว่าขอบเขตตัวเองในยามนี้มีความ ‘กลวง’ จำต้องบำเพ็ญใหม่อีกครา ทุกคนจึงลดระดับพลัง หมายจะเคี่ยวกรำขอบเขตก่อนหน้าด้วยการต่อสู้เลือดสาด!

พวกเขามีกันทั้งหมดแปดคน และในอาณาจักรทั้งแปดที่พวกเขาอยู่มีโลหิตไหลหลากอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตฝึกตนมากเพียงใดต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของสิ่งมีชีวิตทั้งแปดจากดินแดนใหม่!

แปดอาณาจักรนี้เพิ่งกลับสู่ความสงบได้ไม่นานก็จลาจลอีกแล้ว!

พวกเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตในแปดอาณาจักรนี้หลายขุม ยามสิ่งมีชีวิตในแปดอาณาจักรนี้เผชิญหน้ากับพวกเขาล้วนไร้ความสามารถจะตอบโต้

และแม้แต่ในดินแดนใหม่ พวกเขาก็ไม่ได้ดาษดื่น ล้วนเป็นบุตรแห่งสวรรค์เลื่องชื่อ!

อันที่จริง ไม่ใช่แค่พวกเขา สิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่วัยเยาว์ที่เหลือผู้ยังมาไม่ถึงก็เช่นกัน ต่างน่าทึ่งกันถ้วนหน้า ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป!

สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่มีทางได้รับสิทธิ์ให้บรรดาปรมาจารย์ส่งตัวมาที่นี่!

สิ่งมีชีวิตที่บรรดาปรมาจารย์ส่งมาล้วนเป็นบุตรแห่งสวรรค์น่าทึ่งกันทั้งสิ้น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท