บทที่ 419 ฝันร้ายขององครักษ์ชุดดำ
ผู้ครองกระบี่คืออะไร
สวี่ชิงพึมพำในใจเสียงต่ำทุ้ม
เขาในอดีตความจริงก็ไม่เข้าใจในความหมายของมันเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าอะไรคือผู้ครองกระบี่ กระทั่งว่าความตั้งใจที่อยากเป็นผู้ครองกระบี่ก็ไม่ใช่เพื่อปกป้องเผ่ามนุษย์ยิ่งใหญ่อะไรแบบนั้น
ในเมื่อเขาที่ผ่านความบากลำบากมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางมีความรู้สึกกับชาติบ้านเมืองของเผ่ามนุษย์สักเท่าไรอยู่แล้ว
ความคิดจริงๆ ของเขาคือหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไป มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกนิด มีชีวิตจนถึงฆ่าอีกา ฆ่าเหยี่ยวได้
ส่วนทำไมถึงมาเป็นผู้ครองกระบี่ หนึ่งคือนายกองอยากเป็นผู้ครองกระบี่ สองคือตัวเองเมื่อเป็นผู้ครองกระบี่แล้วจะมีความคุ้มครองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น สามคือวางแผนจะใช้พลังอำนาจของผู้ครองกระบี่ไปตามหาร่องรอยของอีกา
กระทั่งว่าในเวลาสำคัญ ฐานะของผู้ครองกระบี่ก็จะเป็นอาวุธสังหารอีกาของเขา
ความคิดเหล่านี้ความจริงแล้วเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ไม่ใช่มีแค่สวี่ชิงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ ผูู้ครองกระบี่หน้าใหม่จากแต่ละมณฑลในทุกครั้ง ความจริงแล้วล้วนมีความคิดประเภทนี้กันทั้งนั้น
นอกจากคนที่ตั้งแต่เล็กก็ใช้ชีวิตในวังครองกระบี่ซึมซับอยู่ทุกวันแล้ว ผู้บำเพ็ญต่างมณฑลไม่มีทางมีจิตใจที่จะปกป้องเผ่ามนุษย์สักเท่าไร
แต่เรื่องพวกนี้ จากพิธีผู้ครองกระบี่ที่มณฑลรับเสด็จราชัน จากการหยั่งใจของมหาจักรพรรดิก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เปลี่ยนไปไม่ได้มาก เพียงแค่ทำให้สวี่ชิงเข้าใจความคิดของผู้ครองกระบี่เท่านั้น
จวบจนเขามาเมืองหลวงเขตปกครอง เขาได้พบกับข่งเสียงที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ได้พบกับอัจฉริยะหลายคนที่มีใจคิดเปรียบเทียบแข่งขันกับตนแต่ไม่ได้มีจิตคิดร้าย ได้พบกับเจ้าวังที่เข้มงวดแต่ปกป้องคุ้มครองผู้ครองกระบี่อย่างเห็นได้ชัด
ทั้งยังผ่านการให้คำปฏิญาณของผู้ครองกระบี่ ได้ฟังประวัติศาสตร์เผ่ามนุษย์
ทุกอย่างของทุกอย่างพวกนี้ไม่มีทางไร้ร่องรอยจากตัวเขาเหมือนกับสายลมที่พัดผ่าน
จะอย่างไรก็ยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง เป็นตะกอนในใจ
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ เขาได้เห็นภาพที่ทำให้จิตใจของเขาเกิดระลอกคลื่นอีกภาพหนึ่งอีกแล้ว
เด็กหนุ่มลูกครึ่งที่มีช่องเวทหนึ่งร้อยยี่สิบช่องคนนั้น เด็กหนุ่มที่ปรารถนาอยากจะเป็นผู้ครองกระบี่ เด็กหนุ่มที่อยู่ภายใต้การทารุณโหดเหี้ยมจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนั้นแต่ก็ยังคงไม่ยอมเปิดปากบอกข้อมูล
อีกฝ่ายเอ่ยคำปฏิญาณของผู้ครองกระบี่ด้วยกัน ยิ้ม หลับตา หายไปท่ามกลางการระเบิดของค่ายกล
สวี่ชิงไม่รู้จักคนคนนี้ และได้เจอเป็นครั้งแรก อีกทั้งความตายเขาก็เห็นมามากมายนัก ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ใจเกิดระลอกคลื่นตอนนี้ไม่ใช่ความตายของเด็กหนุ่ม
แต่เป็นความฝันและการเลือกของอีกฝ่าย
คนคนนี้ทั้งๆ ที่มีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ แต่เขากลับเลือกเส้นทางที่ไม่อาจกลับคืนมาได้ทางนี้
สวี่ชิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่ความจริงเขารู้ ความจริงแล้วตนเข้าใจมัน
เพียงแต่ในใจที่ฝุ่นเกาะหนาเตอะทำให้เขาไม่มีทางยอมรับคนนอกหรือขั้วอำนาจใดได้ง่ายๆ แบบนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยอมรับและวางไว้ในจุดลึกของหัวใจเลย
ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
เพียงแต่ตัวเขาเองรู้ ในสายตาเขา ผู้ครองกระบี่แตกต่างออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
มีความเคารพนับถือเพิ่มมากขึ้น
เขาจะไม่มีความคิดแบบผู้ครองกระบี่ก็ได้ แต่เคารพจริงใจของข่งเสียงหลง เคารพความเข้มงวดของวังครองกระบี่ เคารพคำปฏิญาณของผู้ครองกระบี่ และเคารพเด็กหนุ่มที่กล้าเผชิญหน้ากับความตายคนนี้
ดังนั้นสวี่ชิงจึงประสานหมัด โค้งคารวะไปทางจุดที่เด็กหนุ่มหายไปจนสุดตัว
ตอนนี้ลมพัดมา หอบม้วนฝุ่นควันที่เกิดจากค่ายกลบนพื้นระเบิด พัดเถ้าธุลีที่มาจากเด็กหนุ่มหายไป และพัดกลิ่นที่แฝงอยู่กล่องปรารถนาบนพื้นมายังเบื้องหน้าของทุกคน
กลิ่นนี้พิเศษมาก มีกลิ่นของดอกกุ้ยด้วย
ในดวงตาของข่งเสียงหลงแฝงด้วยความโศกเศร้าโกรธแค้น เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง มายังจุดที่ร่างของเด็กหนุ่มสลายไป ย่อตัวลงกอบดินบนพื้นมากำหนึ่ง แล้วใส่ไปในขวดอย่างทะนุถนอม หลังจากเก็บลงไปแล้วถึงได้หยิบกล่องปรารถนาที่เปิดออกขึ้นมา
“ภารกิจของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว” ข่งเสียงหลงถือกล่องปรารถนาเอาไว้ หันหลังให้กับคนทั้งหลาย เอ่ยอย่างแผ่วเบา
สวี่ชิงเงียบนิ่ง คนอื่นๆ ก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
“เด็กน้อย เจ้ากลับเมืองหลวงเขตปกครองเถิด ช่วยข้านำของสิ่งนี้ไปให้กับสำนักงานภาคสนามที” ข่งเสียงหลงเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม ยกมือขวาขึ้นสะบัด กล่องปรารถนาพุ่งมาหาสวี่ชิง เขารับมันเอาไว้
ถือไว้ในมือ กลิ่นดอกกุ้ยในนั้นแรงขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“พวกเจ้ากลับไปกับเด็กน้อยเถิด ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี คิดจะหาที่ไปเดินเล่นสักหน่อย ไปผ่อนคลายจิตใจคนเดียว”
ข่งเสียงหลงไม่ได้หันกลับมา เอ่ยเสียงสงบนิ่ง
“ได้เลยพี่หลง ท่านไปผ่อนคลายจิตใจคนเดียวก็ดีเหมือนกัน เด็กน้อยพวกเจ้ากลับไปเถอะ ข้ามีธุระส่วนตัวจะไปจัดการเสียหน่อย ไม่กลับไปกับพวกเจ้าแล้ว” ซานเหอจื่อประสานหมัด บนนั้นเส้นเอ็นปูดโปน จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา
“พอดีเลย ข้าก็เหมือนกัน ข้าจะกลับบ้านสักหน่อย ช่วงนี้ข้าไม่กลับวังครองกระบี่เหมือนกัน” หวังเฉินสีหน้าอึมครึม เอ่ยออกมาอย่างเรียบเรื่อย พูดจบก็มองไปยังปลายขอบฟ้าไกล
“ข้าจะไปกับพี่หลง” เยี่ยหลิงมองไปทางข่งเสียงหลง สายตามุ่งมั่น
สวี่ชิงมองพวกเขา หลังจากเงียบไปสามสี่อึดใจก็โยนกล่องปรารถนาในมือให้ผู้ครองกระบี่ของสำนักงานภาคสนามคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายยกมือรับ คิดจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้
“ข้ามีธุระส่วนตัวต้องจัดการ พวกเจ้ากลับไปเถอะ” สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยเสียงราบเรียบ
คำพูดเขาดังออกมา ซานเหอจื่อและหวังเฉินทั้งยังมีเยี่ยหลิงต่างพากันมองมา สีหน้าเผยความประหลาดใจเล็กน้อย
ข่งเสียงหลงหันมา มองมาทางสวี่ชิงเช่นกัน
“เด็กน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“ข้าจะไปคืนน้ำใจ” สวี่ชิงมองข่งเสียงหลง เอ่ยอย่างจริงจัง
ข่งเสียงหลงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า หมุนตัวไหววูบ ทะยานไปที่ไกล
พวกซานเหอจื่อทั้งสามคนล้วนตามไปอย่างรวดเร็ว ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปคือเขตชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทร
ที่นั่นเป็นเขตชายแดนของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
สวี่ชิงก้าวออกไปเช่นกัน ประดุจลูกธนูพุ่งออกจากคัน ตรงไปหาคนทั้งสี่
เขาย่อมรู้ว่าพวกเขาจะไปทำอะไร
ข่งเสียงหลงออกทำภารกิจแต่ไม่ทำตามกฎเดิมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นถูกองครักษ์ชุดดำทารุณอย่างน่าสังเวชกับตาตัวเอง เรื่องนี้ด้วยนิสัยของข่งเสียงหลงย่อมไม่อาจทนได้
นอกจากนี้ เสียงเย็นชาที่บันทึกในแผ่นหยกขององครักษ์ชุดดำ ตอนนี้ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำของสวี่ชิง
สวี่ชิงรู้สึกว่า ในเมื่ออีกฝ่ายมอบของกำนัลให้ผู้ครองกระบี่ เช่นนั้นพวกเขาย่อมต้องไปคืนน้ำใจสักหน่อย แบบนี้ถึงจะมีมารยาท
จากการจากไปไกลของเงาร่างทั้งห้า ผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามที่อยู่ที่นี่เหล่านั้นต่างจ้องเพ่งท่ามกลางความเงียบงัน
ในสายตามีความอิจฉาและทอดถอนใจ แต่สุดท้ายหลังจากที่พวกเขาก็ถือกระบี่โค้งคารวะพวกสวี่ชิง ก็เลือกที่จะกลับไป
ไม่ใช่ผู้ครองกระบี่ทุกคนจะไม่รักษากฎระเบียบ
พวกเขาไปไม่ได้ เพราะตอนนี้พวกเขามีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า
ส่งวัตถุรายงานข่าวนี้กลับไปยังเมืองหลวงเขตปกครองอย่างปลอดภัย
นี่คือภารกิจสำคัญของพวกเขา
ดังนั้นหลังจากถือกระบี่คารวะแล้ว ผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามก็จากไปท่ามกลางราตรีนี้
ตอนนี้ลมเย็นยะเยือกแฝงด้วยความหนาวเหน็บของราตรี คล้ายว่าทูตแห่งความตายแบกเคียวยมทูตเกี่ยวดวงชีวิตกำลังติดตามอยู่รอบๆ พวกสวี่ชิงทั้งสี่คนที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า
สายลมกรีดหวีดข้างหน้าพวกเขาพัดต้องมายังเสื้อผ้าส่งเสียงดังพรึ่บพั่บ พัดมายังเส้นผมแต่ละปอย
แต่หลังจากที่กระทบบนใบหน้าแทรกซึมไปในจิตใจแล้ว กลับไม่เท่ากับความเย็นเยียบที่เกิดจากจิตสังหารในใจพวกเขา
จิตสังหารล้วนกำลังพวยพุ่งจากในตัวของพวกเขาทุกคน
จากการเร่งความเร็วก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ราตรีนี้ไร้ดวงจันทร์แต่ลมแรง ยังคงเป็นราตรีสังหารเช่นเดิม
ความเร็วของพวกเขาต่างสำแดงจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของแต่ละคนแล้ว ต่างไม่เก็บพลัง จากเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงตัดสินใจไปคืนน้ำใจ จะเป็นซานเหอจื่อก็ดี หวังเฉินก็ดี หรือจะเป็นเยี่ยหลิง สายตาที่มองมาที่เขาก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
การยอมรับมีมากขึ้น
ซานเหอจื่อทั่วร่างแผ่หมอกเลือดออกมา ทั้งคนอยู่ในหมอก เหมือนเงาเลือดที่มาจากปรโลก
เยี่ยหลิงแปลงเป็นปีศาจอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้แปลงเป็นผีร้ายหน้าดำ แต่เป็นนกเพลิงกระดูกแดงที่นำพาความตายมาตัวหนึ่ง
ร่างแยกเผ่าควันขจรของหวังเฉินเก็บลงไป โลงเปิดออกเป็นครั้งแรก ในนั้นมีคนแคระที่สวมชุดหรูหราคนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น
หลังจากยิ้มให้สวี่ชิง เขาก็เลียริมฝีปาก ทั่วร่างแผ่ความเย็นเยียบออกมา ทุกที่ที่ผ่านพื้นดินล้วนเป็นน้ำแข็ง
ข่งเสียงหลงยิ่งมีมังกรทองพันล้อมอยู่รอบๆ ทั่วร่างแผ่ระลอกคลื่นน่ากลัว ก้าวออกมาก้าวหนึ่งก็เป็นระยะหลายร้อยจั้ง ทรงอำนาจน่าเกรงขามไม่ธรรมดา
ส่วนทางสวี่ชิงทางนี้ เทียบกับพวกเขาแล้วก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย
เจ้าเงาปกคลุมทั่วทั้งร่าง พลังกายเนื้อเจ็ดวังสวรรค์ปะทุบ้าคลั่ง ความเร็วราวสายอัสนี ประดุจภูตราตรี น่าครั่นคร้ามหวาดเกรง
พวกเขาห้อตะบึงไปในราตรีมืด ประดุจยมทูตพรากชีวิตห้าตน กำลังเข้าไปใกล้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังกลับแต่ยังไม่ได้ออกไปจากมณฑลเผชิญคลื่นอยู่เรื่อยๆ
ระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้หารือกัน ยืนยันแผนการต่อสู้ แม้ไม่รู้จำนวนที่แน่นอนของศัตรู แต่อาศัยประสบการณ์และความเข้าใจ ก็สามารถจัดแผนรับมือกับคู่ต่อสู้ง่ายๆ ได้
ในที่สุด ก่อนฟ้าจะสาง ในเสี้ยวพริบตาที่ราตรีมืดมิดที่สุด ในยามที่ห่างจากเขตชายแดนไม่ถึงหนึ่งก้านธูป พวกเขาก็เห็นเงาร่างหลายสิบร่างกำลังทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทุกร่างล้วนสวมชุดสีดำ ทั้งหมดหกสิบกว่าคน!
ความเร็วของพวกเขาไม่ได้เร็วมากนัก เห็นได้ชัดว่ามีความสุขเบิกบานหลังจากที่ทำภารกิจลุล่วง ตอนนี้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประเดี๋ยวๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังมา
แต่ความระแวดระวังภัยมีไม่น้อย แทบจะในพริบตาที่พวกสวี่ชิงทั้งห้าคนพุ่งมา องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ก็รู้ตัวทันที มีคนจำนวนไม่น้อยเงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไป
แต่รู้ตัวก็ไร้ประโยชน์
ข่งเสียงหลงพุ่งไปเป็นคนแรก คำรามเสียงต่ำออกมาก็บุกสังหารไปในทันที
สวี่ชิงเป็นคนที่สอง ประดุจสายอัสนีสีดำทางหนึ่งกระแทกไปยังร่างขององครักษ์ชุดดำห้าวังสวรรค์คนหนึ่งทันที ท่ามกลางเลือดเนื้อแหลกละเอียด ในเสี้ยวขณะที่เสียงร้องน่าสังเวชโหยหวนขององครักษ์ชุดดำคนนี้ดังออกมาก็เงียบลงไปในทันที
ท่ามกลางเลือดสดๆ สาดกระจาย พวกซานเหอจื่อทั้งสามคนก็พุ่งมาเช่นกัน
การสังหาร ณ เสี้ยวขณะนี้ ปะทุขึ้นทันที
ในบรรดาองครักษ์ชุดดำมีคนส่งเสียงคำรามอย่างโมโหออกมา แต่ละคนต่างทำการขัดขืนทันที
ในฐานะที่เป็นกลุ่มย่อยที่แฝงเข้ามาในเขตปกครองผนึกสมุทรเผ่ามนุษย์ กำลังรบและประสบการณ์ของพวกเขาล้วนมากมาย
ในนั้นผู้บำเพ็ญที่มีกำลังรบห้าวังสวรรค์มีสี่สิบกว่าคน ที่มีกำลังรบเจ็ดวังสวรรค์มีสิบสองคน
ผู้บำเพ็ญเจ็ดวังสวรรค์พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนมีเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิที่มีเฉพาะองครักษ์ชุดดำกันทั้งนั้น
ส่วนกำลังรบแปดวังสวรรค์มีสองคน
สองคนนี้ไม่ได้เปิดวังสวรรค์ด้วยไฟชีวิตห้าดวง แต่เป็นพลังของตัวเองถึงขั้นไฟชีวิตสี่ดวงเจ็ดวังสวรรค์ขีดจำกัดสูงสุด รวมกับเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก่อเป็นกำลังรบแปดวังสวรรค์ ไม่ธรรมดาเอามากๆ
นอกจากนี้ยังมีคนนำกลุ่มอีกสามคน
เป็นครึ่งก้าวสู่ระดับปราณก่อกำเนิด
พลังแท้จริงเช่นนี้ หากอยู่ในสำนักใดล้วนเป็นแข็งแกร่งเป็นศูนย์กลางพลังทั้งสิ้น แต่สำหรับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดครองแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์แล้ว นี่เป็นแค่กลุ่มย่อยกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
และหากรวมกับพวกที่ดักซุ่มโจมตีพวกสวี่ชิงเมื่อก่อนหน้านี้ เห็นได้ว่าจำนวนคนกลุ่มย่อยและผู้แข็งแกร่งของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แค่มีมาก แต่พลังบำเพ็ญก็แข็งแกร่งเช่นกัน
อย่างไรเสีย…พวกเขาเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นผู้ปกครองของแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ รากฐานพลังที่เกิดจากคนในเผ่าในแผ่นดินหนึ่ง ทำให้ผู้แข็งแกร่งของพวกเขามีมากยิ่งกว่า
เทียบกันแล้ว พื้นที่หนึ่งเขตปกครองก็ย่อมเทียบไม่ได้
แต่กลุ่มย่อยผู้ครองกระบี่ครั้งนี้ไม่ค่อยเหมือนกับกลุ่มที่พวกเขาเคยเจอในอดีต!
ตอนนี้จากการที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ศึกใหญ่ปะทุขึ้นทันที ครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดสามคนนั้นพุ่งมาหาข่งเวียงหลง องครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์สองคนนั้นกำลังจะตามไป แต่โลงหนึ่งพุ่งลงมา ขวางไว้ข้างหน้าพวกเขา คนแคระหวังเฉินยิ้มเหี้ยมเกรียม ร่างแยกเผ่าควันขจรข้างกายปรากฏออกมา
ขณะเดียวกันเยี่ยหลิงก็ปรากฏขึ้นข้างๆ ซานเหอจื่อมาถึงเช่นกัน ทั้งสามคนร่วมกันสู้กับสองคนนี้ ถ่วงเวลารอข่งเสียงหลง รอสวี่ชิง
ฝ่ายหน้ากำลังสู้กับครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่
ฝ่ายหลังกำลังสู้กับทุกคนที่เหลือเหล่านั้น
นี่เป็นการวางแผนที่พวกเขาตกลงกันระหว่างทางที่มา
ตอนนั้นสวี่ชิงพูดประโยคหนึ่ง
“ข้าเชี่ยวชาญการสู้กับคนจำนวนมาก”
ตอนนี้สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ชักกริชออกมา
ลูกกลอนพิษต้องห้ามของวังสวรรค์วังที่สามในกายตอนนี้โคจรขึ้นทุกด้าน ปะทุมาจากภายในสู่ภายนอก
แมลงสีดำนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากร่างสวี่ชิง ก่อเป็นหมอกดำน่าสยดสยอง มาพร้อมกลิ่นอายที่น่ากลัว มาพร้อมด้วยพิษร้ายอันถึงแห่งชีวิต ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ
พิษนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว
จากเสียงโหยหวนน่าสังเวชที่ดังออกมาจากองครักษ์ชุดดำ สวี่ชิงสีหน้าเรียบนิ่ง ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพลันพุ่งไปทางกลุ่มคน
ยิ่งมีเหล็กแหลมสีดำที่บรรพจารย์สำนักวัชระอยู่ ในเสี้ยวพริบตานี้ก็แปลงเป็นสายห้าสีแดงในทันที พุ่งไปอย่างบ้าคลั่ง
แล้วยังมีตาของเจ้าเงาที่อยู่บนหน้าผากสวี่ชิง ตอนนี้ก็กะพริบอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็แผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว ผสานไปในเงาขององครักษ์ชุดดำที่อยู่รอบๆ เริ่มกัดกิน
ตอนนี้…
ฝันร้าย มาเยือน